ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ฯเผยสงครามรัสเซียยูเครน,เงินเฟ้อและน้ำมันขึ้นราคา ยังเป็นปัจจัยลบกระทบกำลังซื้อปี 65 ส่งผลผู้ประกอบการขยายธุรกิจอย่างระมัดระวัง แนะดีมานด์รีบตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยภายใน 2 เดือนนี้ ก่อนสต๊อกหมด ต้องปรับขายราคาใหม่ คาดปีนี้มีที่อยู่อาศัยเปิดใหม่ ประมาณ 79,501 หน่วย เติบโต 54.3% ด้านโครงการ “ลลิลทาวน์ ชัยพฤกษ์-ไทรน้อย” เฟสแรกมียอดขายแล้ว 95% มั่นใจทั้งปีเปิดตัวตามเป้า 10-11 โครงการ รวมมูลค่า 7,000-8,000 ล้านบาท ตั้งเป้ากวาดยอดขายรวม 8,500 ล้านบาท และยอดรับรู้รายได้ที่ 7,200 ล้านบาท
นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน)หรือ LALIN เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การสู้รบระหว่างรัสเซีย-ยูเครน มีแนวโน้มว่าจะยืดเยื้อ และภาวะเงินเฟ้อ น้ำมันแพง ก็มีการคาดการณ์ที่ยากมาก ล้วนเป็นปัจจัยลบที่กระทบกำลังซื้อค่อนข้างมาก เนื่องจากปัจจุบันหนี้ครัวเรือนยังสูงอยู่ถึง 90% ขณะที่อัตราดอกเบี้ยก็อยู่ในภาวะขาขึ้น ดังนั้นการดำเนินธุรกิจต้องมีการขยายตัวอย่างระมัดระวัง ซึ่งปัจจุบันประสบปัญหากันทุกธุรกิจ โดยเฉพาะอสังหาฯที่การปรับขึ้นราคาของเหล็กเส้นที่ในช่วงปลายปี 2564 ที่ผ่านมาขึ้นไปถึงกว่า 30% ส่งผลให้ที่อยู่อาศัยบางโครงการปรับราคาสูงขึ้น แต่ก็ยังมีสินค้าบางเซกเมนต์ที่ยังสามารถขายในต้นทุนเก่าได้อีกระยะหนึ่ง ก่อนที่อัตราดอกเบี้ยจะปรับสูงขึ้น ดังนั้นมองว่าในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2565 ผู้ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัย ควรรีบตัดสินใจซื้อ เพราะสต๊อกเก่านั้นผู้ประกอบการเริ่มระบายหมดแล้ว และหากเป็นการพัฒนาโครงการใหม่ก็จะต้องมีการขายในการต้นทุนใหม่ ซึ่งในส่วนโครงการของลลิลฯที่ผ่านมาก็มีการปรับราคาขึ้นในบางทำเล ประมาณ 3-5% หากทำเลไหนที่มีการแข่งขันสูง ก็จะตรึงราคาเดิมไว้ก่อน

สำหรับตลาดอสังหาฯในต่างจังหวัด มองว่ายังไม่ค่อยฟื้นตัวมากนัก เพราะยังมีความกังวลในด้านดีมานด์ แม้ว่าอุตสาหกรรมการส่งออกจะฟื้นตัวดีขึ้น แต่การจ้างงานในปัจจุบันก็เป็นในรูปแบบของการทำสัญญาจ้าง (Contract) ทำให้ลูกค้าที่สนใจซื้อโครงการกู้สินเชื่อจากสถาบันการเงินได้ยาก ขณะเดียวกันลูกค้าชาวต่างชาติโดยเฉพาะจีน ก็ยังไม่กลับมา เพราะบางธุรกิจก็มีการย้ายโรงงานการผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้กำลังซื้อลดน้อยลง แต่บริษัทฯก็ยังศึกษาข้อมูลอย่างต่อเนื่อง และมองว่าหลังจากที่ภาครัฐผ่อนคลายมาตรการต่างๆ จะช่วยทำให้ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวดีขึ้น คาดว่าหลังจากที่จีนประกาศเปิดประเทศแล้ว จะทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนกลับมาอย่างแน่นอน เพราะสัดส่วนนักท่องเที่ยวจีนมีมากถึง 25% จากจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมดในประเทศไทย

ทั้งนี้จากข้อมูลของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) คาดการณ์ว่าในปี 2565 จะมีการโอนกรรมสิทธิ์ของที่อยู่อาศัยรวม 170,843 หน่วย เติบโต 2% แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 99,089 หน่วย และอาคารชุด 71,754 หน่วย โดยมีที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียน จำนวน 95,009 หน่วย  เติบโต 22.1% แบ่งเป็นแนวราบ 45,676 หน่วย และอาคารชุด 49,333 หน่วย ส่วนที่อยู่อาศัยเปิดใหม่ จะมีประมาณ 79,501 หน่วย เติบโต 54.3% แบ่งเป็นแนวราบ 41,843 หน่วย และอาคารชุด 37,658 หน่วย

สำหรับความคืบหน้า โครงการ “ลลิลทาวน์ ชัยพฤกษ์-ไทรน้อย” ซึ่งตั้งอยู่บนเนื้อที่ 52 ไร่  ประกอบด้วย แบรนด์ “แลนซีโอ คริป” เป็นบ้านเดี่ยว ขนาดที่ดินตั้งแต่ 50-55 ตารางวา ราคาขายเริ่มต้นที่ 4.5-6 ล้านบาท ,บ้านแฝด ขนาดที่ดิน 35 ตารางวา ราคาขาย 3.89 ล้านบาท รวม 114 ยูนิต   และ แบรนด์ “ไลโอ” เป็นทาวน์โฮม ขนาดที่ดินตั้งแต่ 17.6-25 ตารางวา  จำนวน 344 ยูนิต  รวมทั้งหมด 458  ยูนิต  มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท  โดยแบ่งการพัฒนาออกเป็น 5 เฟส ปัจจุบันเฟสแรกมียอดขายแล้ว 95% และจะทยอยโอนปิดการขายทั้งโครงการได้ภายในระยะเวลาประมาณ 3 ปี

โดยปัจจุบันบริษัทฯเปิดการขายไปแล้วทั้งหมด 4 โครงการ มูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาท จากเป้าทั้งปีที่จะเปิดตัวทั้งหมด 10-11 โครงการ รวมมูลค่าประมาณ 7,000-8,000 ล้านบาท มั่นใจว่าทั้งปีจะสามารถเปิดโครงการได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

อย่างไรก็ตามในปี 2565 นี้ บริษัทฯตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 8,500 ล้านบาท และยอดรับรู้รายได้ที่ 7,200 ล้านบาท

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*