นอกจาก อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรคแล้ว อีก 1 ปัจจัย ที่สำคัญไม่แพ้กันของคนกรุง หรือคนที่ทำงานในกรุง คือเรื่องการเดินทางนี่แหละ เพราะนอกจากจะดูดเวลาพวกเราไปมากแล้ว ยังดูดพลังชีวิตเรามากเช่นกัน นึกถึงสมัยผมเรียน ABAC หัวหมากเมื่อ 30 ปีที่แล้ว บ้านผมอยู่เจริญนครฝั่งธนบุรี ต้องนั่งรถเมล์มาลง คลองสาน เพื่อนั่งเรือข้ามฟากต่อไปสี่พระยา แล้วนั่งรถเมล์สาย 36 ไปลงอนุเสาวรีย์ ต่อสาย 92 ไป หน้ารามแล้วต่อรถสองแถวแดงเข้า ABAC สิริเวลาเดินทางไปเรียน 2 ชั่วโมง กลับบ้าน อีก 2 ชั่วโมง คือ 4 ชั่วโมงหายไปกับการเดินทางที่ต้องดมควันรถไปตลอดทางจนเหมือนสมองจะโง่ลงเรื่อยๆ แล้ว เฮ้อเหนื่อย

มาจนปัจจุบัน กรุงเทพฯ ผ่านมากี่ปีแล้วไม่รู้  รถยังคงติดไม่เคยหาย ( ไม่นับช่วง COVID-19 ที่คนไม่ค่อยอยากออกจากบ้านนะ)  จำได้ตั้งแต่เด็กๆ เวลาจะมีเลือกตั้งผู้ว่า กทม. หนึ่งในนโยบายหาเสียงของทุกคน คือ จะแก้ปัญหารถติด ซึ่งโตมาจนป่านนี้ก็ไม่เห็นผล แต่มีสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปจากสมัยผมเด็กๆ สำหรับการเดินทาง คือคนกรุงเทพฯ มีรถไฟฟ้าใช้ เย้  อันนี้คือเปลี่ยนชีวิตจริงๆ เพราะเป็นทางเลือกในการเดินทางที่มีประสิทธิภาพค่อนข้างมาก  ยังไม่รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงของเมืองที่เกิดจากรถไฟฟ้า เช่น การบูมของคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้าที่ต่อเนื่องมายาวนานตลอดหลายปี จนกรุงเทพฯ กลายเป็นเมืองที่มีคอนโดมิเนียมมากที่สุดอันดับต้นๆ ในเอเซียอาคเนย์

ช่วงนี้มีประเด็นเรื่องรถไฟฟ้าค่อนข้างรุนแรงในเรื่อง “ค่าโดยสาร” ในส่วนต่อขยาย ที่รวมไปถึงค่าเดินทางของรถไฟฟ้าสายสีเขียวตลอดเส้นทาง จาก คูคต ไปถึง เคหะสมุทรปราการ ว่ามากันที่ 104 บาท (ชั่วคราวนะจากตอนแรกจะไปถึง 158 บาท) นี่มันเหมาะสำหรับการเดินทางของคนกรุงจริงๆ มั๊ย

ถ้าโยนคำถามมากว้างๆ แบบนี้  ร้อยทั้งร้อยก็ตอบว่าไม่เหมาะหรอก ไปกลับวันละ 200 กว่าบาท  มากกว่าเงินที่เมียให้ใช้ประจำวัน ใครจะไปใช้ !

ในความเห็นส่วนตัวผมนะ  ก็จริงที่มันดูจะสูงเกินกว่าควรจะเป็นหนึ่งในค่าครองชีพประจำวัน แต่เอาจริงๆผมว่า คนที่ต้องนั่งจากสุดสายคูคต ไป สุดสายสมุทรปราการ ทุกวันจนต้องได้รับความเดือดร้อน อาจจะเป็นสัดส่วนไม่มากเท่าไรนะ  ผมยังเชื่อว่า แหล่งงานต่างๆ น่าจะอยู่ในเมืองชั้นในหรือชั้นกลาง ดังนั้นผู้โดยสารน่าจะนั่งกันไม่สุดสายหรอก

แต่ในอีกความเห็นส่วนตัวผมเหมือนกัน  ผมก็ยังคิดว่า ราคาของรถไฟฟ้ารวมทั้งเส้นทางเดิมปัจจุบัน มันก็ยังสูงอยู่ดี  ด้วยความที่เราทุกคนรู้ว่านี่คือหนึ่งใน “ระบบขนส่งมวลชน”  ซึ่งแปลว่า ควรจะเข้าถึงมวลชน ได้มากที่สุด เพื่อให้เมืองขยายออกทางกว้างได้มากไปอีก  แต่ด้วยระบบหลายๆ อย่าง ด้วยสัมปทาน ด้วยเงินทุน ด้วยระบบการเมือง มันก็คงทำได้เท่านี้ ทั้งๆ ที่ควรจะถูกกว่านี้ได้อีก

ดังนั้น ค่าเดินทางแบบสุดสายแพงมั๊ย ก็คงต้องตอบแบบกั๊กๆ ว่า

แพงสำหรับกลุ่มหนึ่ง ที่ต้องใช้บ่อยๆ ใช้เป็นประจำ จนอาจทำให้ต้องย้ายไปใช้การเดินทางแบบอื่นแทน

ไม่แพง สำหรับอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งจ่ายไหว หรือ นานๆ ใช้ที ไม่ได้ใช้เป็นประจำ

แต่ข้อเท็จจริงสิ่งหนึ่งสำหรับคนกรุงเทพแล้ว รถไฟฟ้า ก็ยังเป็นทางเลือกการเดินทาง ที่ดีและประหยัดเวลาที่สุด กว่า ทางเลือกอื่นๆ แน่นอน

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*