แสนสิริฯผนึกพลัสฯเดินหน้าบริหารหลังการขายเพิ่มความมั่นใจลูกค้าในการอยู่อาศัย ตามยุทธศาสตร์ “Made for Life…Made for Everyone” ล่าสุดจัดแคมเปญ  ”เลือก … ให้เราดูแลภายใต้กรอบ 3 บริการ ทั้งยกระดับความปลอดภัยแบบเข้มข้น ต่อยอด LIV-24 ผนึก 6 พันธมิตรสร้างมาตรฐานต้นแบบอสังหาฯ ตั้งเป้าครอบคลุมบริหาร 60 โครงการทั่วประเทศในปลายปี63
นายอุทัย อุทัยแสงสุข
นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือSIRI เปิดเผยว่า ในช่วงที่โควิด-19 ระบาด ทางบริษัทฯได้มีการรับมือด้านบริการหลังการขายปรับเปลี่ยนวิธีการต่างๆสอดรับกับระบบสาธารณสุข เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าในการอยู่อาศัยมากขึ้น ซึ่งได้มอบหมายให้ทีมงานของบริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เข้าไปบริหารจัดการ โดยที่ผ่านมาก่อนที่โควิด-19 จะแพร่ระบาด บริษัทฯได้มีการสร้างระบบการสื่อสารผ่านแอปพลิเคชั่นไว้แล้ว ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการมากขึ้น โดยที่ไม่ได้มีการจัดเก็บค่าบริหารจัดการกับลูกค้าเพิ่มแต่อย่างใด ซึ่งบริษัทฯจะเป็นผู้แบกรับภาระดังกล่าวไว้เองทั้งหมด

ทั้งนี้จากการดำเนินธุรกิจด้วยความเข้าใจ Customer Insights และได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามาตลอดระยะเวลากว่า 36 ปี  ในปีนี้ แสนสิริได้เดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งด้วยการวางยุทธศาสตร์ “Made for Life…Made for Everyone” เพื่อสร้างภาพแบรนด์ที่จับต้องง่ายขึ้น และเป็นแบรนด์ที่ทุกคนเข้าถึงได้”  รวมทั้งมุ่งมั่นมอบไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยที่มากกว่า โดยได้กำหนดกลยุทธ์สำคัญที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้า ทั้งในด้านโปรดักส์ ที่มุ่งมั่นพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยคุณภาพครอบคลุมความต้องการที่หลากหลาย ต่อยอดสู่ “Made for You” ที่ยึดลูกค้าเป็นหัวใจหลักในการคิดและเข้าใจ สู่การนำเสนอบริการที่ตรงใจตอบโจทย์การอยู่อาศัย ‘ หรือ “Sansiri Service” เพื่อชีวิตดีดีของทุกคน

ล่าสุดแสนสิริ และพลัส พร็อพเพอร์ตี้ ได้ร่วมกันยกระดับ Sansiri Service สู่การดูแลลูกค้าในรูปแบบ Total Living Solution พร้อมให้บริการในทุกช่วงเวลาตลอดการอยู่อาศัย ด้วยการเปิดตัวแคมเปญใหม่ ”เลือก … ให้เราดูแล ประกอบด้วย 3 บริการดูแลลูกค้าที่แตกต่างจากคู่แข่งได้แก่

-Home Financial Planner ที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อคนซื้อบ้าน ดูแลให้คุณกู้ง่าย ได้บ้าน
-Sansiri Security System  ดูแลความปลอดภัย
-Living Management & Sansiri Living Care ที่ดูแลตลอดการอยู่อาศัย

ซึ่งรูปแบบดังกล่าวตอบโจทย์การใช้ชีวิตของทุกคนจากแสนสิริ โดยเฉพาะในส่วนของบริการ Sansiri Security System การดูแลความปลอดภัยนั้น มาจากความเข้าใจในการวิเคราะห์ความต้องการของผู้บริโภคที่พบว่าการเลือกซื้อที่อยู่อาศัย เรื่องระบบรักษาความปลอดภัยเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจซื้อมาโดยตลอด นอกจาก ทำเล ราคา และคุณภาพโครงการ

ล่าสุด บริษัทฯได้ยกระดับ Sansiri Security System สู่ระบบรักษาความปลอดภัยแบบ 360 องศา โดยดึงศักยภาพระหว่างการพัฒนาบุคคลากรผู้เชี่ยวชาญ ควบคู่ไปกับการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ทันสมัย เพื่อร่วมกันดูแลความปลอดภัยแก่ลูกค้าอย่างเข้มข้นสูงสุด ประกอบไปด้วย การพัฒนาระบบ LIV – 24 นวัตกรรมเทคโนโลยีด้านการดูแลความปลอดภัยและจัดการระบบวิศวกรรมเต็มรูปแบบ เรียลไทม์ตลอด 24 ชั่วโมง แห่งแรกของวงการอสังหาฯ ไทย โดยตั้งเป้าต่อยอดนำระบบ LIV – 24 ให้ครอบคลุมการใช้งานใน 60 โครงการทั่วประเทศ คือ กรุงเทพฯปริมณฑล และหัวเมืองต่างจังหวัด ได้แก่ หาดใหญ่.สงขลา,ภูเก็ต และ เชียงใหม่  ภายในปี 2563 นี้ จากปัจจุบันครอบคลุมการใช้งานอยู่ที่ 33 โครงการ ภายใต้การดูแลของพลัสฯ

ถัดมาคือ Security Tech เทคโนโลยีระบบรักษาความปลอดภัยล้ำสมัย รวมถึง Security Guard เจ้าหน้าที่พนักงานรักษาความปลอดภัยที่ดูแลรักษาความปลอดภัยพร้อมตรวจตราอย่างเข้มข้น ยิ่งไปกว่านั้น ยังมี Sansiri Security Inspection (SSI) หรือผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยที่ถูกฝึกฝนมาเป็นพิเศษ ผ่านมาตรฐานขั้นสูงในวิชาชีพ  โดยได้พลัสฯ เป็นผู้ควบคุมและบริหารจัดการ Security System ทั้งหมด เพื่อให้ลูกบ้านมั่นใจได้ว่าจะได้รับบริการด้วยมาตรฐานความปลอดภัย 360 องศา ตอบโจทย์การใช้ชีวิตยุคใหม่จากแสนสิริอย่างแท้จริง

นางสาวสุวรรณี มหณรงค์ชัย

ด้านนางสาวสุวรรณี มหณรงค์ชัย รองกรรมการผู้จัดการสายงานพัฒนากลยุทธ์และบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า เทรนด์ความต้องการที่อยู่อาศัยในยุคต่อจากนี้จะมุ่งเน้นไปที่โครงการที่ใส่ใจเรื่องความปลอดภัยและความเป็นอยู่ที่ดีของลูกบ้าน ผ่านการขับเคลื่อนด้วยบุคลากรที่เชี่ยวชาญเชิงลึกต่อยอดด้วย Property Technology ที่เป็นเครื่องมือที่สอดรับกับ New Normal ในทุกมิติของภาคอสังหาฯ ซึ่งการกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยใหม่ให้เป็นต้นแบบการทำงานในครั้งนี้จะเป็นการยกระดับงานด้านการรักษาความปลอดภัย สร้างความอุ่นใจในทุกมิติการอยู่อาศัยตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งสอดคล้องกับ ผลการสำรวจของพลัสฯ ในเรื่องการเลือกซื้อที่อยู่อาศัย พบว่าผู้บริโภคให้ความสำคัญในด้านความปลอดภัยพอๆ กับทำเลที่ตั้ง โดยความรู้สึกปลอดภัยของที่อยู่อาศัย 5 อันดับแรก ได้แก่
1.การมีกล้องวงจรปิดที่ครอบคลุม
2.มีสัญญาณกันขโมยหรือสัญญาณเตือนภัยหากเกิดการบุกรุก
3.มี รปภ. คอยตรวจตราตลอด 24 ชั่วโมง
4.มีระบบประตูล็อกดิจิทัล
5.มีระบบคีย์การ์ดสำหรับเข้าอาคารหรือมีการใช้สิ่งอำนวยความสะดวก

จากผลการสำรวจจะเห็นได้ว่าความต้องการเกี่ยวกับเรื่องเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย เข้ามามีความสำคัญกับความรู้สึกของผู้ซื้อ และความปลอดภัยนี้ต้องดูแลโดยบุคลากรคุณภาพ ซึ่งพลัสฯ และแสนสิริเล็งเห็นถึงความสำคัญเรื่องความปลอดภัยในที่อยู่อาศัยและได้พัฒนาการให้บริการมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ได้มีการยกระดับ Sansiri Security System สู่มาตรฐานความปลอดภัย 360 องศา ซึ่งพลัสฯยกให้เป็นหัวใจของการบริหารจัดการที่อยู่อาศัย โดยได้มีการกำหนดต้นแบบมาตรฐานความปลอดภัยใหม่ ผ่านการขับเคลื่อนใน 2 แกนหลัก ประกอบไปด้วย

1.บุคลากรมีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์  โดยพลัสฯ ได้มีการคัดเลือกพนักงานที่มีความเชี่ยวชาญ ตลอดจนได้มีการพัฒนายกระดับความสามารถของพนักงานอย่างต่อเนื่อง ให้มีทักษะรอบด้าน สามารถเติบโตเคียงคู่ไปกับองค์กรได้ในระยะยาว ซึ่งล่าสุด พลัสฯ ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับธุรกิจ Property Management โดยได้ผนึกพันธมิตรมืออาชีพ ครั้งแรกในวงการอสังหาฯ กับ Exclusive Partner 6 บริษัท ได้แก่

บอดี้การ์ดสตรองแมน
ประสิทธิ์ การ์ด
พรีเมียร์การ์ด (พีจีเอส)
ริช ซีเคียวริตี้ การ์ด
วี พี ซี อินเตอร์ กรุ๊ป
อินเทนท์ซีเคียวริตี้ การ์ด (ไทยแลนด์)

ทั้งนี้เพื่อสร้างความอุ่นใจและความเชื่อมั่นในระยะยาวของการอยู่อาศัยของลูกบ้านในโครงการที่พลัสฯ บริหาร โดยทีมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจากทั้ง 6 บริษัทพันธมิตรนอกจากจะได้รับการเทรนนิ่งจนผ่านมาตรฐานที่แสนสิริและพลัสฯ กำหนด ก่อนเข้าปฏิบัติงานในโครงการแล้ว จะต้องเข้าอบรมหลักสูตรพิเศษเพิ่มเติมจากทีม Sansiri Security Inspection (SSI) เพื่อเสริมทักษะรอบด้านในระหว่างการทำงาน โดยปัจจุบันทั้ง 6 บริษัทพันธมิตรนี้ได้เข้าดูแลความปลอดภัยแล้ว 43 โครงการ     จากทั้งหมดที่บริหารทั้งหมดกว่า 200 โครงการ โดยเป็นโครงการของแสนสิริ 187 โครงการ และโครงการอื่นๆอีก 31 โครงการ และตั้งเป้าผลักดันขยายความร่วมมือนี้ให้ครอบคลุมทุกโครงการที่พลัสฯ บริหาร ตลอดจนมีแผนการขยายการสรรหาบริษัทผู้เชี่ยวชาญมาเป็นพันธมิตรกับบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

2.นวัตกรรมและเทคโนโลยีดูแลความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ โดยในทุกโครงการของแสนสิริ ได้มีเทคโนโลยีและ Sansiri Security System ที่ดูแลเรื่องความปลอดภัยครบทุกมิติของการอยู่อาศัยเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการพัฒนาโครงการ และพลัสฯ ก็มีบทบาทในส่วนของการปฏิบัติการ ใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ในการดูแลความปลอดภัยในโครงการหลังการขาย นอกจากนี้ แสนสิริและพลัสฯ ยังได้มีการต่อยอดพัฒนาระบบความปลอดภัยเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง เช่น LIV-24 ศูนย์สังเกตการณ์ระบบรักษาความปลอดภัยและบริหารจัดการระบบวิศวกรรมโครงการ แบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง ยังคงเดินหน้าพัฒนาฟีเจอร์ต่างๆ ให้ครอบคลุมการดูแลที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกบ้าน ตลอดจนการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ ใน Home Service Application โดยล่าสุดได้มีการเพิ่มฟีเจอร์ Visitor Pass เพื่อให้ลูกบ้านสามารถลงทะเบียนผู้มาติดต่อล่วงหน้า และสามารถติดต่อเข้าโครงการได้แบบไร้สัมผัส (Touchless) ตอบโจทย์ความปลอดภัยทั้งในด้านกายภาพและสุขอนามัย เพื่อยกระดับด้านการดูแลความปลอดภัยที่เหนือกว่า

ที่ผ่านมาเราได้มีการสื่อสารให้ลูกบ้านทุกโครงการเข้าใจในเรื่องการจัดการ เพื่อสร้างความปลอดภัย และแม้ว่าขณะนี้ภาครัฐจะมีการปลดล็อก ในเฟสที่ 3 แล้ว แต่เราก็ไม่หยุดนิ่งในการปรับเปลี่ยนเรื่องมาตรการการรักษาความปลอดภัยในโครงการอย่างต่อเนื่องนางสาวสุวรรณีกล่าวในที่สุด

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*