ธนาคารซิตี้แบงก์ ชี้ตลาดหุ้นและการเงินโลกยังคงมีความเคลื่อนไหวผันผวน เนื่องจากความกังวลของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 หลังพบผู้ติดเชื้อทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกระยะยาว เชื่อมั่นหากสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคได้เร็วเท่าไหร่จะทำให้ระบบเศรษฐกิจโลกกลับมาฟื้นตัวได้เร็วขึ้น อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจโลกในปีนี้จะเป็นแบบ U Shape โดยไตรมาส 1 และ 2 เศรษฐกิจจะมีความหดตัวรุนแรง แต่จะค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้นในไตรมาสที่ 3 และ 4 ตามลำดับ พร้อมเผยยังมีโอกาสในด้านการลงทุน โดยแนะให้กระจายพอร์ตการลงทุนไปในสินทรัพย์ที่หลากหลาย เช่นกองทุนผสมที่มีการลงทุนในกลุ่มสุขภาพที่มีแนวโน้มเติบโตและได้รับผลกระทบน้อยที่สุด รวมถึงพันธบัตรรัฐบาล และทองคำ ไปพร้อมกับการเฝ้าติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค ตลอดจนประเด็นสำคัญของสถานการณ์โลกอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาผลประโยชน์ในระยะยาวและลดความเสี่ยงการลงทุนท่ามกลางสภาวะผันผวน


มร.สตีเว่น วีธิง หัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุน และหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารซิตี้แบงก์ เผยว่า ขณะนี้สถานการณ์ของโรคไวรัสโควิด -19 ทั้งในสหรัฐฯ และทั่วโลก กำลังอยู่ในระยะการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง จึงทำให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้ตลาดหุ้นและการเงินโลกมีความผันผวน เนื่องจากไม่เคยเจอกับสถานการณ์แบบนี้มาก่อนและนักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบดังกล่าวจะทำให้เกิดภาวะการหดตัวทางเศรษฐกิจจึงทำให้เกิดแรงเทขายตามมา ซึ่งจากสถานการณ์การแพร่ระบาดล่าสุดที่คาดว่าจะดำเนินต่อเนื่องไปอีกสักระยะ ทำให้หลายประเทศทั่วโลกได้ออกมาตรการทางเศรษฐกิจต่าง ๆ เพื่อรองรับ เช่น ประเทศจีนที่เห็นได้ว่าสามารถรับมือกับโรคได้ดี เริ่มด้วยการปิดเมืองและมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รวดเร็วในเวลาเดียวกัน จนตอนนี้จำนวนผู้ติดเชื้อภายในประเทศเหลือศูนย์แล้ว รวมทั้งสามารถกลับมาเปิดเมืองอู่ฮั่นได้อีกครั้งซึ่งแน่นอนว่าผลผวงที่ตามมาคือเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มส่งสัญญาณเป็นบวกและเริ่มฟื้นตัวได้เร็ว ตลอดจนเริ่มมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น เช่น จำนวนปริมาณการใช้พลังงานถ่านหินกลับมาสู่ระดับก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดและจำนวนปริมาณการสัญจรต่างๆ เพิ่มมากขึ้น

ในขณะที่สหรัฐฯ ก็ได้มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น ธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเหลือ 0% และทำการอัดฉีดเม็ดเงินเพื่อลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ เช่น พันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้เอกชน และ MBS เป็นต้น เพื่อช่วยพยุงภาคธุรกิจและเสถียรภาพของตลาดการเงินในเวลาเดียวกัน พร้อมกันนี้รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ทำการจัดสรรงบประมาณ จำนวน 2 ล้านล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับเป็นเงินฉุกเฉินสำหรับช่วยเหลือประชาชน รวมถึงดูแลธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูง ตลอดจนใช้ในการวิจัยและพัฒนาวัคซีนและยารักษาอีกด้วย

ส่วนเศรษฐกิจโลกในปีนี้ นักวิเคราะห์ซิตี้คาดจะเป็นแบบ U Shape หมายถึงไตรมาส 1 และ 2 เศรษฐกิจจะมีความหดตัวรุนแรง แต่จะค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้นในไตรมาสที่ 3 และ 4 ตามลำดับ ซึ่งสถานการณ์เศรษฐกิจตอนนี้จะเห็นได้ว่าอยู่ที่ด้านล่างของตัว U แม้จะมีนโยบายกระตุ้นระบบเศรษฐกิจทั้งการเงินและการคลังเข้ามาหนุนก็ตาม ซึ่งคาดว่าเศรษฐกิจโลกจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุดขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัยร่วมด้วยกัน ได้แก่

1.ความช่วยเหลือด้วยนโยบายการเงินของธนาคารกลาง
2. ความช่วยเหลือด้านนโยบายการคลังจากรัฐบาล และ
3.ความรวดเร็วในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค ซึ่งปัจจัยสำคัญที่สุดคือหากสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคได้เร็วเท่าไหร่จะทำให้ระบบเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวได้เร็วขึ้น เนื่องจากมีเม็ดเงินคอยพยุงเศรษฐกิจอยู่

ทั้งนี้นักวิเคราะห์ซิตี้มองว่าแม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปัจจุบันจะส่งผลกระทบทำให้ตลาดหุ้นและการเงินโลกยังมีความผันผวนสูงต่อเนื่อง แต่การแพร่กระจายยังอยู่แค่ระยะแรกเริ่มเท่านั้น จึงทำให้ยังมีโอกาสในด้านการลงทุนอยู่ ดังนั้นแนะให้กระจายพอร์ตการลงทุนไปในสินทรัพย์ที่หลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กองทุนผสมที่มีการลงทุนในกลุ่มสุขภาพที่มีแนวโน้มเติบโตและได้รับผลกระทบน้อยที่สุด รวมถึงพันธบัตรรัฐบาล และทองคำ เป็นต้น ไปพร้อมกับการเฝ้าติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค ตลอดจนประเด็นสำคัญของสถานการณ์โลกอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาผลประโยชน์ในระยะยาวและลดความเสี่ยงการลงทุนท่ามกลางสภาวะผันผวน

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*