บิ๊กแคปปิตอล วันฯ “วิทย์ กุลธนวิภาส” ควักทุน 100 ล้านบาทดึง Keller Williams (KW)บริษัทด้านเทคโนโลยีและแฟรนไชส์อสังหาริมทรัพย์ระดับนานาชาติสัญชาติอเมริกัน มาลุยหวังเพิ่มทางเลือกใหม่ตลาดเมืองไทย ภายใต้ชื่อ KW Thailand ตั้งเป้าปั้นตัวแทนขาย1,000ราย-สร้างผลงาน5,000 ล้านบาทในปีนี้ 

นายวิทย์ กุลธนวิภาส 

นายวิทย์ กุลธนวิภาส  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แคปปิตอล วัน เรียลเอสเตท จำกัด บริษัทตัวแทนด้านอสังหาริมทรัพย์และที่ปรึกษาด้านการบริการตลาดและอสังหาริมทรัพย์  เปิเผยว่า ขณะนี้ได้จัดตั้งบริษัท KW Thailand ขึ้นมาใหม่เพื่อดำเนินธุรกิจตัวแทนขายและที่ปรึกษาการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ หลังจากที่ริษัทฯได้ร่วมลงนามสัญญากับบริษัท Keller Williams หรือ (KW) และได้สิทธิ์ตามแผนสัญญาระยะยาว 20 ปี(+ 20 ปี) ซึ่งได้ลงทุนกว่า 100 ล้านบาทในการซื้อสิทธิ์แฟรนไชส์ และซื้อระบบนวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยีบริษัท KW เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีการเติบโตสูงมากในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นการทดสอบได้ว่าเป็นระบบงานที่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากเป็นบริษัทนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ที่มีนวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยีมาช่วยอำนวยความสะดวกให้กับตัวแทนอย่างแท้จริง  และมีระบบผลตอบแทน แบบ Passive Income (การให้เงินทำงานแทนตัวเอง) สามารถทำให้ผู้ที่เข้ามาร่วมงานกับบริษัท มีรายได้ที่ไม่มีข้อจำกัดตามความสามารถ

ทั้งนี้ มองว่า บริษัทตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนไปภายใน 5 ปีข้างหน้า เนื่องจากการขายต้องการผู้ขายที่มีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น ตลอดจนมองเห็นช่องว่างทางการตลาดที่จะพัฒนาการขายอสังหาริมทรัพย์  ระหว่างเจ้าของทรัพย์กับผู้ซื้อ และนอกจากนั้นการทำการตลาดสำหรับโครงการใหม่ ณ ปัจจุบันจำเป็นที่จะต้องใช้ระบบการพัฒนา Network หรือเครือข่ายตัวแทนขายเข้ามาช่วย นอกเหนือจากการทำการตลาดโดยการใช้สื่อทั่วไป และการพัฒนาฐานข้อมูลจำเป็นที่จะต้องใช้ แพลนฟอร์ม เดียวกัน เพื่อที่จะสร้างโอกาสทางการขายให้มากขึ้น

สำหรับ Keller Williams Realty มีชื่อเสียงในวงการอสังหาริมทรัพย์ในชื่อ Keller Williams อักษรย่อ “KW” ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1983 (พ.ศ.2526)  เป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีและแฟรนไชส์อสังหาริมทรัพย์ระดับนานาชาติสัญชาติอเมริกัน โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองออสติน มลรัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นบริษัทแฟรนไชส์อสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ด้านปริมาณยอดขาย จำนวนของตัวแทนขายมากกว่า 180,000 คนทั่วโลก และจำนวนอสังหาริมทรัพย์ปัจจุบัน KW  มีแฟรนไชส์กว่า 36 ประเทศทั่วโลก มียอดขายในปี 2561 มากกว่า 9 ล้านล้านบาท  ที่สำคัญ KW ได้รับการยอมรับและรางวัลมากมาย จากหน่วยงานและนิตยสารทางธุรกิจชั้นนำระดับโลกต่าง ๆ ได้แก่ Inc., Entrepreneur และ Forbes

  • อันดับ 1 ในวงการอสังหาริมทรัพย์จากจำนวนของตัวแทน, ยูนิตที่ขายได้, และจำนวนปริมาณยอดขายในสหรัฐอเมริกา
  • บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีนวัตกรรมที่สุดอันดับ 1
  • บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีนวัตกรรมเทคโนโลยีด้านอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1
  • KW เป็นหนึ่งในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกและมีกำไรสูงที่สุด

ทั้งนี้ KW มีระบบที่แตกต่างจากระบบในท้องตลาด โดยตัวแทนขายที่เข้าเป็นสมาชิกกับ KW จะถูกเข้าร่วมในระบบ World wide ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสทางการขาย สามารถทำการค้าได้ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงทาง KW ยังมีระบบเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกสนับสนุนในการทำงานของสมาชิก ในเบื้องต้นเช่น ระบบ Front Page ข้อมูลข่าวสาร , KW Connect ระบบ Training , KW Front Door การเชื่อมโยงระหว่าง Agent ,  KW Control Panel  การใส่ Listing แต่ละคนเข้ารวมกันใน Website. ที่จะทำให้สมาชิกของ KW ได้รับประโยชน์นอกเหนือจากแบรนด์ระดับโลกที่มีความน่าเชื่อถือ นอกจากนั้น Grown Share (แบ่งปัน) ที่เป็น Passive Income ที่ตัวแทนของ KW ทุกคนจะได้รับตลอดชีวิตภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด ซึ่งเป็นระบบที่ได้มาตรฐานระดับโลก

โดยในเรื่องของการดำเนินธุรกิจในปีแรก (2563) ของ KW  Thailand นั้น คือ การรับตัวแทนขายในนาม KW จำนวน 1,000 คน เป้ายอดขาย 5,000 ล้านบาท และจะมียอดขายเติบโตเป็นเท่าตัวในปีถัดไป ภายใต้นโยบายยกระดับสู่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ระดับโลก ที่จะเป็นทางเลือกใหม่ที่มีเข้ามาในประเทศไทย และภายใน 5 ปีได้ตั้งเป้าเปิดรับซับแฟรนไชส์จำนวน 30 แห่งโดยในปี 2563 จะเปิดสาขา 4 แห่ง แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 3 แห่งและที่พัทยาอีก 1 แห่ง

ทั้งนี้ในการทำการตลาดและการขายของ KW  Thailand นั้น ในเบื้องต้นจะทำงานควบคู่กันระหว่างขายทรัพย์(บ้าน คอนโดฯ มือสอง)ไปกับทรัพย์มือหนึ่งที่บริษัท แคปปิตอล วัน เรียลเอสเตท จำกัดมีพอร์ตที่บริหารโครงการทั้งในทำเลสุขุมวิทและในจังหวัดศรีราชา รวมมูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท เปิดเผยว่า ในปี 2563 ได้ตั้งเป้ายอดขายเพิ่มขึ้น 10%  และปัจจุบันมีห้องชุดคอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างารขาย 3,000-4,000 ยูนิต และในปีนี้จะเน้นตลาดลูกค้าที่เป็นคนไทยมากกว่าต่างชาติ

ทั้งนี้ แม้ประเทศไทยจะไม่มีฐานข้อมูลทรัพย์มือสอง แต่เชื่อว่ามูลค่าารตลาดน่าจะไม่น้อยกว่า 70,000-100,000 ล้านบาทต่อปี และมีความมั่นว่าตลาดบ้านหรือคอนโดฯมือสองมีแนวโน้มเติบโต เนื่องจากระดับราคาขายต่ำกว่าโครงการที่เปิดขายใหม่อยู่ราว 30-40%  “ ผมเข้ามาตลาดนี้ ส่วนหนึ่งก็เพื่อที่จะสร้างมาตรฐานตลาดมือสอง และจานี้ไปโลกธุรกิจนายหน้าอสังหาฯเปลี่ยนไป มืออาชีพถึงจะรอด และการเป็นหนึ่งในเครือข่าย KW จะทำให้มีฐานตลาด ฐานข้อมูลที่มากและกว้างขึ้น จะช่วยต่อยอดให้กับธุรกิจได้” ในหลายๆด้านซึ่งก็รวมถึงค่าคอมมิชชั่นใหม่เป็น 5%  และเชื่อว่าในอนาตนายหน้าอสังหาฯไทยจะต้องมี License บริษัทจึงต้องปรับตัวรองรับ อีกทั้งยังมองว่าตลาดจะมีการแข่งขันกันมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันมีบริษัทนายหน้าอสังหาฯที่เป็นแบรนด์ระดับโลกเข้ามาในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันก็มีบริษัทของคนไทยด้วยเช่นกัน

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*