คิวบ์ เรียล พร็อพเพอร์ตี้ฯลุ้นภาครัฐขานข้อเสนอ 3 สมาคมอสังหาฯ ประกาศมาตรการกระตุ้นอสังหาฯโค้งสุดท้ายปี62 เอื้อยอดขายพุ่ง ยอดโอนเร็ว เปิดแผนธุรกิจรุกพัฒนาปีละ 4-6 โครงการ รวมมูลค่าประมาณ 2,500 ล้านบาท  เผยหลังนำบริษัทฯแต่งตัวเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯสนขยายฐานผุดคอนโดฯไฮไรส์ ไตรมาส4/62 จ่อเปิดตัว 2 โครงการสุดท้าย รวมมูลค่ากว่า 1,300 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขายปี62แตะ 2,000 ล้านบาท
นายวิชิต อำนวยรักษ์สกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิวบ์ เรียล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า เมื่อเดือนกันยายน 2562 ที่ผ่านทางตัวแทน 3 สมาคมอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งประกอบกด้วยสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร,สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย และสมาคมอาคารชุดไทย ได้เข้าพบนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อหารือถึงแนวทางการช่วยเหลือภาคอสังหาฯ ด้วยการเสนอให้ออกมาตรการช่วยเหลือค่าธรรมเนียมการโอน และค่าจดจำนอง สำหรับบ้านไม่เกิน 3 ล้านบาท ให้เหลือ 0%  และให้ผ่อนปรนความเข้มงวดในการบังคับใช้มาตรการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Loan to Value : LTV) ซึ่งคาดว่าจะมีการนำเรื่องดังกล่าวเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี(ครม.)ในเร็วๆนี้ และคาดว่าจะสามารถประกาศใช้ได้ไม่เกินเดือนพฤศจิกายน 2562 นี้

หากมีการประกาศใช้มาตรการดังกล่าว ก็จะช่วยในเรื่องยอดขายและยอดโอนกรรมสิทธิ์ได้มาก เพราะมาตรการที่รัฐบาลประกาศใช้แต่ละครั้งจะมีผลบังคับใช้เป็นระยะเวลา 6 เดือน จะทำให้ผู้ประกอบการเร่งก่อสร้างโครงการให้ทันโอนกรรมสิทธิ์ได้เร็วขึ้น สำหรับในส่วนของบริษัทฯเองก็มีโครงการที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้างทั้งหมด 4 โครงการ หากมาตรการประกาศบังคับใช้ก็จะสามารถเร่งการก่อสร้างโครงการแนวราบจากเดิมใช้ระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 1 ปี ให้เหลือ 9-10 เดือนได้

ทั้งนี้จากประสบการณ์ในการพัฒนาธุรกิจอสังหาฯของตนมาร่วม 30 ปี เดิมก่อนวิกฤตปี2540  จะพัฒนาโครงการแนวราบ ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท ธันยธร จำกัด แต่ประสบปัญหาในช่วงวิกฤตปี2540 และในช่วงปี 2556 ได้ก่อตั้งบริษัท คิวบ์ เรียล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ขึ้นมาด้วยทุนจดทะเบียน 165 ล้านบาท มุ่งเน้นการพัฒนาโครงการแนวสูง ตามเทรนด์สภาวะตลาด  โดยเน้นทำเลตามการขยายตัวของรถไฟฟ้าเป็นหลัก ส่วนใหญ่จะเน้นทำเลรามอินทราและแจ้งวัฒนะเป็นหลัก เพราะบริษัทฯมีความเชี่ยวชาญ และแบรนด์เป็นที่รับรู้ของผู้บริโภค ขณะเดียวกันบริษัทฯก็พร้อมที่จะขยายไปในโซนอื่นของกทม.ด้วยตามความเหมาะสม และมีดีมานด์

“เราพัฒนาโครงการแนวสูง แม้จะมีความเสี่ยง แต่ก็สามารถรับรู้รายได้ดีกว่า ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับทำเลที่เข้าไปพัฒนา ส่วนโครงการแนวราบ แม้ว่าจะมีความเสี่ยงน้อยกว่าโครงการแนวสูง แต่ก็รับรู้รายได้น้อยกว่า เพราะต้องแบ่งการพัฒนาเป็นเฟส”นายวิชิต กล่าว

โดยทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯจะเน้นพัฒนาปีละ 4-6 โครงการ รวมมูลค่าประมาณ 2,500 ล้านบาท  โดยเน้นคอนโดฯโลว์ไรส์ในสัดส่วน 80-85% และแนวราบ 10-15%  มูลค่าโครงการละประมาณ 600-700 ล้านบาท ทั้งนี้ต้องดูสภาวะตลาดในช่วงนั้นๆด้วย โดยปี 2563 มีแผนที่จะเปิดตัว 4-5 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท ขณะนี้มีที่ดินรองรับแล้ว 3 แปลง อยู่ในแนวรถไฟฟ้าทั้งหมด ซึ่งจะพัฒนาในรูปแบบของคอนโดฯโลว์ไรส์ รวมไปถึงกำลังมองหาที่ดินแปลงใหม่เพื่อพัฒนาโครงการแนวราบในรูปแบบของทาวน์โฮม ระดับราคา 3 ล้านบาทขึ้นไปด้วย ซึ่งสนใจทำเลลำลูกกา แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

ขณะเดียวกันในปี 2563 บริษัทฯก็มีแผนที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET) ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียนที่ 165 ล้านบาท โดยในต้นปี2563 มีแผนจะเพิ่มทุนเป็น 225 ล้านบาท และก่อนการเสนอขายหุ้นใหม่แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก(IPO) จะเพิ่มเป็น 300 ล้านบาท หลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯแล้ว บริษัทฯจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนส่วนหนึ่งไปพัฒนาโครงการใหม่ ซึ่งมีแผนที่จะขยายการพัฒนาไปสู่คอนโดฯไฮไรส์เป็นครั้งแรกด้วย แต่ทั้งนี้ต้องดูสภาวะตลาด และทำเลที่จะเข้าไปพัฒนาด้วย

ล่าสุดได้เตรียมเปิดตัวโครงการ “เดอะคิวบ์ ลอฟท์ ศรีนครินทร์-เทพารักษ์” ซึ่งเป็นโครงการที่ 17 ของบริษัท ฯและเป็นโครงการที่ 3 ของปี2562 ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 2 ไร่เศษ  พัฒนาในรูปแบบของคอนโดฯLow Rise 2 อาคารใกล้รถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีศรีแบริ่ง 100 เมตร  ขนาดพื้นที่ใช้สอย 23.5-34.5 ตารางเมตร ราคาเริ่ม 1.5-2.3 ล้านบาท จำนวน 349 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 600 ล้านบาท โดยจะเปิดพรีเซลในวันที่ 26-27 ตุลาคม 2562 นี้ คาดว่าภายในระยะเวลา 2 วัน จะสามารถทำยอดขายได้ประมาณ 150 ยูนิต คิดเป็นมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท

“ถือเป็นครั้งแรกที่เรามาพัฒนาโครงการย่านศรีนครินทร์ ซึ่งมองว่าซัพพลายในทำเลดังกล่าวยังไม่มากนัก และราคาที่ดินก็พุ่งขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง โดยที่ดินในซอยราคาอยู่ที่ประมาณ 120,000-130,000 บาท/ตาราววา แต่ดีมานด์ยังมีอยู่ เพราะทำเลนี้มีโรงงานค่อนข้างมาก ซึ่งยอมรับว่าช่วงนี้ตลาดคอนโดฯค่อนข้างชะลอตัว เราจึงได้หั่นกำไรลงประมาณ 10% โดยขายสินค้าในราคาที่จับต้องได้”นายวิชิต กล่าว

ส่วนโครงการสุดท้ายของปีนี้และเป็นโครงการที่ 18 ของบริษัทฯ จะเป็นการพัฒนาในรูปแบบของโฮมออฟฟิศเป็นครั้งแรก ภายใต้แบรด์ “เดย์ส รามอินทรา-วัชรพล” ตั้งอยู่บนพื้นที่ 9 ไร่เศษ สูง 4 ชั้น ขนาด 22-30 ตารางวา จำนวน 76 ยูนิต ราคา 7-9 ล้านบาท  มูลค่าโครงการประมาณ 700 ล้านบาท โดยจะเปิดพรีเซลในปลายเดือนพฤศจิกายน 2562 นี้

อย่างไรก็ตามในปี 2563 บริษัทฯตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 1,800 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้ายอขายปี 2562 ที่ตั้งไว้ 2,000 ล้านบาท ปัจจุบันรับรู้รายได้แล้ว 1,200 ล้านบาท ทั้งนี้ยอดขายที่ตั้งเป้าไว้นั้นจะเป็นไปตามสภาวะเศรษฐกิจ

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*