“สามย่านมิตรทาวน์”พร้อมเปิดให้บริการทั้ง 3 โซนวันแรก 20 ก.ย.62 นี้ โดยคอนโดฯและอาคารสำนักงานมียอดขายและลูกค้าเช่าพื้นที่แล้วกว่า 60% ด้านส่วนรีเทล มีผู้เช่าแล้วเกือบ 90% มีร้านค้าที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงถึง 5,000 ตารางเมตร หวังเป็นคลังอาหาร–ศูนย์การเรียนรู้ สนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ คาดถึงจุดคุ้มทุนได้ภายใน 8 ปี และในปีแรกรับรู้รายได้จากธุรกิจให้เช่าประมาณ 700-800 ล้านบาท
ธนพล ศิริธนชัย ประธานอำนวยการ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ โกลเด้นแลนด์ หรือ GOLD เปิดเผยว่า ในเร็วๆนี้ถนนพระราม4 จะมีโครงการในรูปแบบของมิกซ์ดีเวลลอปเมนท์ ที่เป็นรูปแบบการพัฒนาใหม่ในพื้นที่ใจกลางเมืองมากขึ้น สาเหตุที่มีการพัฒนาในรูปแบบดังกล่าวที่มากขึ้น เนื่องจากที่ดินที่มีศักยภาพเริ่มหาได้ยากมากขึ้น ดังนั้นจึงมีการเช่าที่ดินระยะยาวเพื่อพัฒนากันมาก ซึ่งทำให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น และจะทำให้ทำเลย่านพระราม4 กลับมาคึกคักอีกครั้งหนึ่ง
สำหรับความคืบหน้าโครงการ“สามย่านมิตรทาวน์”หลังจากที่บริษัทใช้งบประมาณกว่า 9,000 ล้านบาท พัฒนาโครงการดังกล่าว โดยออกแบบให้พื้นที่ส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้ใช้งาน (Smart) และ เป็นมิตรกับผู้ใช้งาน (Friendly) ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Urban Life Library” หรือ “คลังแห่งอาหารและการเรียนรู้” รีเมคตำนานสามย่านบทใหม่ ถือเป็นหนึ่งในไฮไลต์ที่จะเติมเต็ม Urban Life Library ของทุก ๆ คน ซึ่งในวันนี้ (20 กันยายน 2562)ได้พร้อมเปิดให้บริการแก่ผู้บริโภคอย่างเต็มรูปแบบแล้วทั้ง 3 ส่วน บนพื้นที่กว่า 14 ไร่ คือ
1.โซนที่พักอาศัย สูง 33 ชั้น ประกอบด้วยคอนโดมิเนียม “ทริปเปิ้ล วาย เรสซิเด้นซ์” ขนาด 34 ตารางเมตร ราคา 140,000 บาท/ตารางเมตร หรือราคาตั้งแต่ 4.7-5.3 ล้านบาท จากที่เปิดขายครั้งแรกราคาอยู่ที่ 130,000 บาท/ตารางเมตร จำนวน 516 ยูนิต ปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 60% ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ซื้ออยู่เอง ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ปกครองที่ซื้อให้บุตรหลานที่กำลังศึกษาในสถานศึกษาใกล้เคียงได้พักอาศัย ซึ่งสามารถปล่อยเช่าได้ในราคา 25,000 บาท/เดือน
ส่วนโรงแรมภายใต้แบรนด์ “ทริปเปิ้ล วาย โฮเทล” จะมีทั้งหมด 104 ห้องพัก ราคาตั้งแต่ 2,500-3,000 บาท/คืน
2.โซนอาคารสำนักงาน “มิตรทาวน์ ออฟฟิศ ทาวเวอร์” สูง 31 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 48,000 ตารางเมตร ปัจจุบันมีผู้เช่าแล้วประมาณกว่า 60% ส่วนใหญ่เป็นบริษัทข้ามชาติมาเช่าพื้นที่ประมาณ 60-70%
3.โซนรีเทล “ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์” สูง 6 ชั้น มีพื้นที่เช่า 36,000 ตารางเมตร โดยในส่วนนี้จะมีร้านค้าที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงถึง 5,000 ตารางเมตร ปัจจุบันมีผู้เช่าพื้นที่แล้วเกือบ 90% ราคาเช่าอยู่ที่ประมาณ 1,000-1,500 บาท/ตารางเมตร/เดือน
ในพื้นที่ค้าปลีก “ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์” มีการนำแบรนด์ดังทั้งไทยและต่างประเทศมาเป็น “แม่เหล็ก” เพื่อดึงดูดผู้บริโภค (Traffic) ให้เข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหลายแบรนด์มีการเปิดที่ “ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์” เป็นแห่งแรก อาทิ ร้านก๋วยเตี๋ยวจากไต้หวัน เม่ย เว้ย หว่าน นู้ดเดิ้ล (Mei wei wan noodle), ร้านไก่ทอด โต คิว โจ (To Kio Jo) จากเกาหลี, ร้านอาหารสไตล์จีน ดินส์ (Din’s) ที่มีการสร้างสรรค์ลูกเล่นหรือกิมมิคใหม่ๆ ที่แตกต่างไปจากร้านอาหารในเครือเซ็นกรุ๊ป, ร้านเปี๊ยกเจ (Byeokje) ร้านอาหารเกาหลีประเภทปิ้งย่างที่เปิดสาขาในไทยเป็นที่แรก, ร้านกาแฟและอาหารบริการด่วน ทิม ฮอร์ตันส์ (Tim Hortons) ซึ่งเป็นร้านชื่อดังจากประเทศแคนาดา, ศูนย์อาหารสตรีท ฟู้ด สามย่าน ฟู้ด เลเจ้นด์ส บาย เอ็มบีเค (SAMYAN FOOD Legends by MBK) ที่รวมร้านอาหารระดับตำนานในสามย่าน สะพานเหลือง และเยาวราช แห่งแรกของเมืองไทยมาเสิร์ฟลูกค้ากว่า 10 ร้าน เช่น เพ้งคั่วไก่ ทูเดย์สเต็ก ไฮเช็งลูกชิ้นปลา, เซเลบริตี้ฟิตเนส (Celebrity Fitness) สตูดิโอออกกำลังกาย เน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายอายุ 21 – 35 ปี แองกริซ (Angkriz) โรงเรียนกวดวิชาภาษาอังกฤษ ที่จะเพิ่มคอร์สอินเตอร์เป็นสาขาแรก เจาะกลุ่มนักเรียนที่ต้องการไปเรียนต่อในต่างประเทศ ปี 2563 จะเพิ่มหลักสูตรในส่วนของคอร์ส PRIVATE CHAMBER หรือ PC (พีซี) คือ คอร์สเรียนส่วนตัวของโรงเรียนกวดวิชาอาจารย์ปิง (ดาว้องก์) เป็นต้น โรงภาพยนตร์เฮ้าส์สามย่าน (House Samyan) โรงภาพยนตร์สำหรับกลุ่ม Moviegoers ที่ใหญ่ที่สุดของกรุงเทพฯ เอาใจคนรักภาพยนตร์สายคุณภาพจากนานาประเทศ ภาพยนตร์ระดับรางวัล และภาพยนตร์ศิลปะ รำปุรี (rumPUREE) โรงเรียนสอนเต้นด้วยคลาสระดับโลก ที่รวบรวมคลาสเต้นมากมาย
ส่วนแบรนด์ที่เปิดคอนเซ็ปต์ใหม่แห่งแรก และให้บริการ 24 ชั่วโมงเป็นสาขาต้นแบบแรกด้วย อาทิ เคเอฟซี (KFC) ส่งคอนเซ็ปต์ใหม่ ‘1 OF A KIND’ สร้างประสบการณ์ใหม่ให้แก่ลูกค้า ทั้งการสั่งออเดอร์อาหารด้วยระบบ Self-ordering Kiosk และลูกค้าที่เข้ามารับประทานอาหารภายในร้านจะได้เห็นกระบวนการประกอบอาหารผ่าน Open Kitchen การสั่งสินค้าผ่านมือถือด้วยบริการ Click & Collect การนำระบบ AR ให้ลูกค้าใช้ค้นหาข้อมูลต่างๆ สร้างประสบการณ์ที่ดีกับผู้พันแซนเดอร์ส และการจ่ายเงินในรูปแบบ Cashless, บิ๊กซี ฟู้ด เพลส (Big C Food Place) ซูเปอร์มาร์เก็ตที่เน้นจำหน่ายอาหารสดสัดส่วน 50% อีก 50% เป็นกลุ่มสินค้าประเภทอาหารแห้ง, มูจิ ไลฟ์สไตส์ แอนด์ คาเฟ่ (Muji Lifestyle and Café) สาขาแรกในประเทศไทย ที่นำความพิเศษเพิ่มของว่าง ขนมหวาน และเครื่องดื่ม มาจำหน่าย, ชาบูชิ บุพเฟ่ต์ (Shabushi buffet) จากโออิชิ กรุ๊ป และก๋วยเตี๋ยวเรือพระนคร ร้านดังจากอนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เปิด 24 ชั่วโมง สาขาแรก เป็นต้น
“เรามุ่งมั่นพัฒนาโครงการสามย่านมิตรทาวน์ให้เป็นคลังแห่งอาหารและการเรียนรู้ เพื่อตอบ ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่อย่างแท้จริง ร้านค้าและบริการจากแบรนด์ดังต่างๆ เราจะไม่ทำเหมือนเดิม แต่จะมีการสร้างสรรค์คอนเซ็ปต์ใหม่เป็นแห่งแรก มาให้บริการแก่ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายซึ่งมีพฤติกรรม การบริโภคเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างมาก จากอิทธิพลของเทคโนโลยีและโลกดิจิทัล ไม่เพียงแค่ร้านค้าของ พาร์ตเนอร์เราที่เนรมิตคอนเซ็ปต์ใหม่ เพราะโกลเด้นแลนด์เองได้มีการพัฒนาร้านสินค้าและบริการ คอนเซ็ปต์ใหม่ๆ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้โครงการด้วย อาทิ ร้านมีเดียม แอนด์ มอร์ (Medium & More), เอพรอน วอร์ค (Apron Walk) ทั้งหมดจะช่วยตอกย้ำให้โครงการมิกซ์ยูสเป็นจุดหมายปลายทางของพนักงานออฟฟิศ นิสิตนักศึกษา ฟรีแลนซ์ สตาร์ทอัพ นักท่องเที่ยว ผู้พักอาศัยในคอนโดฯ โรงแรม รวมถึงคนในพื้นที่สามย่านเอง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงให้เข้ามาเติมเต็มทุกไลฟ์สไตล์ได้ที่นี่” ธนพล กล่าว
ทั้งนี้กลยุทธ์การทำตลาดของบริษัท ต้องเริ่มสร้างการรับรู้ (Awareness)ให้แก่ผู้บริโภค เมื่อเข้ามาใช้บริการต้องทำให้กลุ่มเป้าหมายอยู่นานขึ้น ผ่านอีเวนท์ต่างๆ เพื่อต่อยอดให้ลูกค้าเข้าไปช้อป ชิม ชิลล์ ในร้านค้าของผู้เช่าของเราอย่างต่อเนื่อง และสร้างการเติบโตร่วมกัน จากแผนดังกล่าว คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการหมุนเวียนประมาณ 25,000 คน/วัน โดยเฉพาะโซน 24 ชั่วโมง คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการหมุนเวียน 5,000 คน/วัน และมียอดการใช้จ่ายเฉลี่ย 400 บาท/คน” นายธนพล กล่าวในที่สุด
อย่างไรก็ตามโครงการดังกล่าว คาดว่าจะสามารถถึงจุดคุ้มทุนได้ภายในระยะเวลา 8 ปี และในปีแรกจะสามารถรับรู้รายได้จากธุรกิจให้เช่าประมาณ 700-800 ล้านบาท
อนึ่ง ที่ดินซึ่งเป็นที่ตั้งโครงการ “สามย่านมิตรทาวน์” เป็นที่ดินที่บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด(มหาชน)หรือ UV บริษัทอสังหาฯ ในเครือของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ที่ชนะการประมูลจากสำนักงานจัดการทรัพย์สินจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไปเมื่อปี 2556 ที่ผ่านมา ด้วยสัญญาเช่า 30 ปี และบวกระยะเวลาการก่อสร้าง 3 ปี ซึ่งได้มอบหมายให้โกลเด้นแลนด์ ร่วมทุนกับบริษัท ทีซีซี แอสเซ็ทส์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดตั้งบริษัท เกษมทรัพย์ภักดี จำกัด โดยโกลเด้นแลนด์ถือหุ้น 49% และทีซีซี 51% ของทุนจดทะเบียน 3,000 ล้านบาท ด้วยงบในการลงทุนถึง 9,000 ล้านบาท ถือว่าเป็นเม็ดเงินการลงทุนที่สูงที่สุดของกลุ่มโกลเด้นแลนด์ เนื่องจากเป็นโครงการเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ และเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพบนถนนพระราม4 ถือเป็นอีกหนึ่งอาณาจักรของกลุ่มเจ้าสัวเจริญ
