ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดผลการสำรวจอุปทานและอุปสงค์ของโครงการ ที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขายในช่วงครึ่งหลังปี 2561 ถึงปัจจุบันของ  2 อำเภอ “อ.เมืองนครราชสีมา-อ.ปากช่อง” มีหน่วยเหลือขายเกือบ 7,000 หน่วยหรือ 41% จากจำนวน 16,882 หน่วย ระดับราคา 2-5 ล้านบาทขายดีที่สุด คาดว่าตลอดทั้งปี 2562 จะมีซัพพลายใหม่เข้ามาสู่ตลาด 2,000 หน่วย

 

ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)ในฐานะรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เปิโครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขายในจังหวัดนครราชสีมา (โคราช)ช่วงครึ่งหลังปี 2561ถึงปัจจุบัน (ณ วันที่ 10 ก.ค.2562) โดยครอบคลุมพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองนครราชสีมา และอำเภอปากช่อง โดยนับเฉพาะโครงการที่มีหน่วยเหลือขายไม่ต่ำกว่า 6 หน่วย พบมีจำนวน 139  โครงการ มีหน่วยในผังของทุกโครงการรวมกัน 16,882 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 77,338 ล้านบาท มีหน่วยเหลือขายหรือเป็นอุปทาน (Supply)ในตลาด 6,939 หน่วย หรือ ร้อยละ 41.1 ของหน่วยในผังโครงการบ้านจัดสรรทั้งหมด โดยคิดเป็นมูลค่าหน่วยเหลือขาย 32,840 ล้านบาท แบ่งเป็น

  • โครงการบ้านจัดสรร จำนวน 97 โครงการ มีจำนวนหน่วย 11,789 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 47,016 ล้านบาท มีหน่วยเหลือขายหรือเป็นอุปทานในตลาด 4,775 หน่วย หรือร้อยละ 5 ของหน่วยในผังโครงการบ้านจัดสรรทั้งหมด คิดเป็นมูลค่าหน่วยเหลือขาย 19,220 ล้านบาท
  • โครงการอาคารชุด จำนวน 28 โครงการ มีจำนวนหน่วย 4,562 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 15,812 ล้านบาท มีหน่วยเหลือขายหรือเป็นอุปทานในตลาด 1,881 หน่วย หรือร้อยละ 2 ของหน่วยในผังโครงการอาคารชุดทั้งหมด คิดเป็นมูลค่าหน่วยเหลือขาย 5,707 ล้านบาท
  • และมีโครงการวิลล่า จำนวน 14 โครงการ มีหน่วยในผังจำนวน 531 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 14,510 ล้านบาท หน่วยเหลือขายหรือเป็นอุปทานในตลาด 283 หน่วย หรือร้อยละ 3 ของหน่วยในผังโครงการวิลล่าทั้งหมด คิดเป็นมูลค่าหน่วยเหลือขาย 7,913 ล้านบาท

ทั้งนี้ หน่วยในผังโครงการบ้านจัดสรรและอาคารชุด จำนวน 6,656 หน่วย แบ่งเป็น บ้านเดี่ยวมากที่สุด ร้อยละ 52.3 ส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคา 3 – 5  ล้านบาท รองลงมาเป็นอาคารชุด ร้อยละ 28.3 ส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคา 1.5 – 2 ล้านบาท เป็นที่ดินเปล่า ร้อยละ 7.1 ส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคา 3 – 5 ล้านบาท เป็นทาว์เฮ้าส์ ร้อยละ 4.9 ส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคา 2 – 3 ล้านบาท ที่เหลือเป็นอาคารพาณิชย์และบ้านแฝด (ตามลำดับ)

ทำเลบ้านจัดสรรในจังหวัดนครราชสีมาที่ขายดีมากที่สุด 5 อันดับแรก โดยดูจากสัดส่วนที่ขายได้ต่อหน่วยทั้งหมดในโครงการ ได้แก่

1) ทำเลหัวทะเล ขายได้ร้อยละ 76.9 มูลค่าขายได้ 5,563 ล้านบาท

 2) ทำเลในเมือง ขายได้ร้อยละ 69.4  มูลค่าที่ขายได้ 5,442 ล้านบาท

 3) ทำเลสุรนารี-ปักธงชัย ขายได้ร้อยละ 64.7  มูลค่าที่ขายได้ 3,380 ล้านบาท

4) ทำเลบ้านใหม่-โคกกรวด ขายได้ร้อยละ 60.1 มูลค่าที่ขายได้ 6,667 ล้านบาท 

และ 5) ทำเลกลางดง ขายได้ร้อยละ 57.8 มูลค่าที่ขายได้ 1,022 ล้านบาท 

ทำเลอาคารชุดในจังหวัดนครราชสีมาที่ขายดีมากที่สุด  โดยดูจากสัดส่วนที่ขายได้ต่อหน่วยทั้งหมดในโครงการ ได้แก่  ทำเลนิคมลำตะคอง ขายได้ร้อยละ 87.4 มูลค่าที่ขายได้ 543 ล้านบาท  ทำเลเขาใหญ่ ขายได้ร้อยละ 73.9 มูลค่าที่ขายได้ 7,100 ล้านบาท  ทำเลบ้านใหม่-โคกกรวด ขายได้ร้อยละ 58.2 มูลค่าที่ขายได้ 383 ล้านบาท  ทำเลกลางดง ขายได้ร้อยละ 45.8 มูลค่าที่ขายได้ 717 ล้านบาท และทำเลในเมือง ขายได้ร้อยละ 42.5 มูลค่าที่ขายได้ 1,362 ล้านบาท (ตามลำดับ)

ส่วนผลกระทบจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ประกาศเกณฑ์กำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยโดยกำหนดเพดานอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน หรือ LTV ( Loan to Value: LTV) นั้น ดร.วิชัย กล่าวว่า ได้รับผระทบค่อนข้างน้อย เพราะกลุ่มลูกค้าที่ซื้อจะเป็นกลุ่มที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง หรือ เรียลดีมานด์เป็นหลัก และมีเงินออม ระดับราคาที่ซื้อส่วนใหญ่คือ 2-5 ล้านบาท

“ซัพพลายใหม่ที่จะเข้ามาสู่ตลาดในปีนี้น่าจะมีอยู่ราว 2,000 หน่วยซึ่งไม่มากจากที่ก่อนหน้านี้ในแต่ละปีจะมีซัพพลายใหม่เข้ามาอยู่ที่ 3,000 หน่วย การที่มีหน่วยขายเปิดใหม่ลดลงนี้เป็นการปรับสมดุลระหว่างดีมานด์และซัพพลาย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี และสภาพตลาดโดยรวมของนครราชสีมานี้ ถือว่าดีที่สุดเมื่อเทียบกับจังหวัดอื่นๆในภาคอิสาน” ดร.วิชัย กล่าวให้ความเห็นในตอนท้าย

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*