สถาพร เอสเตทฯ กางแผนการดำเนินธุรกิจ พร้อมขยายฐานลูกค้ารุกตลาดแนวสูงแนวราบ พื้นที่กทม.ปริมณฑล ประเดิมปีหน้า 3 โครงการ รวมมูลค่า 2,000 ล้านบาท ทั้งเปิดโอกาสกลุ่มต่างชาติเข้าร่วมทุน เผยมีชาวตะวันออกกลางสนลงทุนอสังหาฯไทยมาก เหตุให้ผลตอบแทนการลงทุนสูง คาดเริ่มมีการเจรจาตั้งแต่ปี 66 ล่าสุดเตรียมอวดโฉม “ดิ อิเธอร์นิตี้ โกร์ฟ สายไหม-พหลฯ” บ้านแฝดสไตล์ใหม่ มูลค่าโครงการ 560 ล้านบาท มั่นใจกำลังซื้อสูง อัตราการดูดซับดี คาด 2 วันพรีเซล กวาดยอดขาย 20 ยูนิต
นายสุนทร สถาพร
นายสุนทร สถาพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สถาพร เอสเตท จำกัด หรือ  (SE) เปิดเผยว่า จากภาพรวมของตลาดแนวราบที่ยังคงมีดีมานด์และเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้บริษัทฯ ไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนาโครงการคุณภาพ ซึ่งเดิมแนวทางการพัฒนาโครงการของบริษัทฯจะเน้นการพัฒนาโครงการแนวราบโซนเหนือของกรุงเทพฯ และพัฒนาคอนโดฯย่านใจกลางเมือง แต่ทิศทางการดำเนินงานของบริษัทฯในปี 2566 เป็นต้นไป จะขยายฐานลูกค้าในพื้นที่รอบกรุงเทพฯและปริมณฑล เพิ่มมากขึ้น โดยเน้นพื้นที่ที่มี Private Investment และพื้นที่ที่ใกล้ระบบขนส่วนมวลชนสาธารณะ(โครงข่ายระบบคมนาคม) ขณะนี้ได้มีการซื้อที่ดินไว้รองรับการพัฒนาบ้างแล้ว

โดยเริ่มจากปี 2566 มีแผนจะพัฒนาโครงการใหม่ทั้งสิ้น 3 โครงการ รวมมูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท เป็นการพัฒนาคอนโดฯย่านสุขุมวิทช่วงกลาง 1 โครงการ และแนวราบ 2 โครงการ คือ ทำเลย่านสุขาภิบาล 5 ส่วนอีก 1 โครงการ ขณะนี้อยู่ในระหว่างการเจรจาซื้อที่ดิน จึงยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

สำหรับในไตรมาส 4/2565 บริษัทฯยังมีแผนที่จะเปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยว ทำเลพระราม9-วงแหวน (ด่านทับช้าง)อีก 1 โครงการ ตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 15 ไร่ มูลค่าโครงการกว่า 700 ล้านบาท

นายสุนทร กล่าวเพิ่มเติมว่า รูปแบบการพัฒนานั้นบริษัทไม่ปิดกั้นที่จะมีพันธมิตรเข้ามาร่วมทุน โดยเฉพาะนักลงทุนจากต่างชาติ ที่ปัจจุบันหันมาร่วมทุนกับพันธมิตรคนไทยในการพัฒนาโครงการแนวราบกันมากขึ้น โดยนอกจากกลุ่มทุนจากญี่ปุ่นที่เข้ามาร่วมทุนกับผู้ประกอบการไทยหลายรายแล้วนั้น ยังมีกลุ่มทุนจากตะวันออกกลางเริ่มให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนอสังหาฯในประเทศไทยมากขึ้น เนื่องจากมีการการันตีผลตอบแทนการลงทุนที่สูงประมาณ 4-5%  ซึ่งขณะนี้ทางสถาบันการเงินและโบรกเกอร์ที่เป็นพันธมิตรกับบริษัทฯอยู่ในระหว่างการจัดทำแผนเพื่อเป็นตัวกลางเชื่อมให้กลุ่มสถาพรฯและพันธมิตรต่างชาติ ได้พบปะเจรจากัน โดยทางบริษัทฯพร้อมที่จะลงทุนทั้งในรูปแบบโครงการคอนโดฯและแนวราบ

ล่าสุดได้เตรียมเปิดตัวโครงการ ดิ อิเธอร์นิตี้ โกร์ฟ สายไหม-พหลฯ” ตั้งอยู่บนพื้นที่ 12 ไร่เศษ พัฒนาในรูปแบบของบ้านดีไซน์ใหม่(บ้านแฝด) ขนาด 36-40 กว่าตารางวา ราคาขายเริ่มต้นที่ 5.99-6.3 ล้านบาท จำนวน 92 ยูนิต มูลค่าโครงการ 560 ล้านบาท โดยจะเปิดพรีเซลในวันที่ 20-21 สิงหาคม 2565 นี้ คาดว่าในช่วงเวลาดังกล่าว จะสามารถทำยอดขายได้ประมาณ 20 ยูนิต

โดยทำเลย่าน “สายไหม – พหลฯ” ถือเป็น Top 3 ของทำเลที่อยู่อาศัยแนวราบ และเป็น Top 10 ของทำเลที่พักอาศัยยอดฮิตในกรุงเทพฯ ทำให้ความต้องการของทำเลนี้มีการเติบโตและฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องหลังจากสถานการณ์โควิด-19 ถือเป็นชุมชนขนาดใหญ่ มีการเคลื่อนย้ายแรงงาน และมีประชากรอยู่อาศัยอย่างหนาแน่นติดอันดับต้นๆของกรุงเทพฯ ปัจจุบันที่ดินขนาด 15-20 ไร่ ราคาพุ่งไปที่ 30,000 กว่าบาท/ตารางวา หรือปรับขึ้นประมาณ 5-6% ต่อปี ซึ่งสูสีกับย่านบางนา-ตราด และมีอัตราการดูดซับประมาณ 4-5 ยูนิตต่อเดือน

“ผังเมืองย่านสายไหม ส่วนใหญ่เป็นผังสีเหลือง เหมาะสำหรับการพัฒนาที่อยู่อาศัย โดยย้อนหลังไปเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา จะมีการพัฒนาในรูปแบบทาวน์เฮาส์ ระดับราคา 2-4 ล้านบาท มากที่สุด คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 50% บ้านแฝด ระดับราคา 6-7 ล้านบาท มีสัดส่วน 20-30% และบ้านเดี่ยว ระดับราคา 8 ล้านบาทขึ้นไป มีสัดส่วน 10-15%  โดยเฉพาะบ้านแฝดพบว่า มีช่องว่างในการตลาด  เนื่องจากย่านสายไหมมีซัพพลายน้อย จึงถือว่าเป็นทางเลือกสำหรับลูกค้ามาก

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*