สิงห์ เอสเตท ขยายฐานธุรกิจเปิดตัว “เอส อ่างทอง” นิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศสำหรับอาหาร และธุรกิจเกี่ยวเนื่องบนเนื้อที่แปลงใหญ่ 1,776 ไร่ ตั้งเป้าเป็น World Food Valley มั่นใจขายโครงการหมดภายใน 6 ปี สร้างรายได้รวมกว่า 4,000 ล้านบาท พร้อม Recurring income อีกปีละ 150 ล้านบาทจากการขายพลังงานและสาธารณูปโภคเพื่อสนับสนุนในนิคมฯ

 นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทสิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มบริษัทอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการนิคมอุตสาหกรรมเอส อ่างทอง บนเนื้อที่ 1,776 ไร่ มูลค่าโครงการรวม 4,000 ล้านบาท ซึ่งมีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 25 % และอยู่ระหว่างการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคต่าง ๆ รวมถึงคันกั้นน้ำที่มีความสูง  10.50 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลางและถนนภายในโครงการ ซึ่งจะแบ่งออกเป็นระยะ และอยู่ระหว่างการออกแบบพื้นที่ส่วนหน้าของโครงการประมาณ 30 ไร่สำหรับใช้เป็นทางเข้าออกและพื้นที่ค้าปลีก คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปีนี้

ปัจจุบันมีลูกค้าสนใจเข้ามาเยี่ยมโครงการแล้วหลายราย คาดว่าในปี 2565 จะมียอดโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินในโครงการประมาณ 149ไร่ ซึ่งคิดเป็นยอดขาย 15% ของพื้นที่สำหรับการขายทั้งหมดประมาณ 1,000 ไร่ โดยเป็นยอดจองที่ดินของโรงไฟฟ้าบี.กริม เพาเวอร์ อ่างทอง 2 และ 3 จำนวน 78 ไร่ มูลค่ากว่า 500 ล้านบาท โดยจะรับรู้รายได้จากการขายที่ดินจำนวน 78 ไร่ภายในไตรมาส 3นี้

ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าจะปิดการขายทั้งโครงการภายใน 6 ปี (ปี 2565-2570) พร้อมเตรียมรับรับรู้รายได้จาก Recurring income ปีละกว่า 150 ล้านบาท โดยจะเริ่มรับรู้รายได้จากพื้นที่รีเทลด้านหน้าโครงการประมาณปีละกว่า 10 ล้านบาทตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไป

สำหรับโครงสร้างการดำเนินนธุรกิจของกลุ่มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐานของบริษัท จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ธุรกิจโครงสร้าพื้นฐาน ครอบคลุมธุรกิจผลิตกระแสไฟฟ้า ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจบริการด้านวิศวกรรม และธุรกิจบริการ รวมถึงนวัตกรรมต่างๆ

ธุรกิจโรงไฟฟ้า บริษัทได้ร่วมทุนเพื่อตั้งบริษัทโรงไฟฟ้าจำนวน 3 โรง มีขนาดกำลังการผลิตรวมกว่า 400 เมกะวัตโดยมีมีสัญญาซื้อขายกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) ประมาณ 70% เป็นเวลา 25 ปี และธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ที่อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง โดยออกแบบมาเพื่อสนับสนุนธุรกิจอาหารและธุรกิจเกี่ยวเนื่องโดยเฉพาะ

เพราะมองเห็นว่าขณะนี้ประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงการพลิกวิกฤตเป็นโอกาสในการรับมือกับสถานการณ์ความมั่นคงด้านอาหารโลก และเตรียมก้าวสู่ 1 ใน 10 ประเทศผู้ส่งออก ตามแนวทางการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร ระยะที่ 1 ของกระทรวงอุตสาหกรรม

โดยเลือกพื้นที่ของจังหวัดอ่างทองเป็นที่ตั้งของนิคมอุตสาหกรรม เพราะเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อวัตถุดิบอาหารที่สำคัญของไทยและมีความสะดวกในการขนส่งวัตถุดิบจากภาคเหนือและภาคกลางตอนบนสู่ศูนย์กระจายสินค้าหลักของประเทศอีกด้วย

นายกำจร ลีประพันธ์กุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอส. ไอเอฟ. จำกัด กล่าวเสริมว่า โครงการเอส อ่างทองถูกออกแบบมาเพื่อรองรับอุตสาหกรรมอาหารและธุรกิจเกี่ยวเนื่องบนพื้นที่โครงการ 1,776 ไร่ ตั้งอยู่ริมถนนสายเอเชีย กม.63 ของตำบลไชยภูมิ อำเภอไชโย  ห่างจากสนามบินดอนเมืองและท่าเรือขนส่งประมาณ 1ชั่วโมงครึ่ง พร้อมไปด้วยโครงสร้างระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม 3 โรง ขนาดกำลังการผลิตรวมกว่า 400 เมกะวัตต์ พร้อมระบบจ่ายไฟฟ้า 22 KV และ 115 KV รองรับผู้ประกอบการที่มีความต้องการไฟฟ้าในปริมาณมากและมีเสถียรภาพสูง

รวมถึงสาธารณูปโภคอื่นๆ เช่น น้ำประปา ก๊าซธรรมชาติ และพลังงานทางเลือก พร้อมทั้งระบบเครือข่ายโทรคมนาคม ระบบ 5G และอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงครอบคลุมทุกพื้นที่โครงการ

โดยพื้นที่โครงการทั้งหมด1,776 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ขาย 993 ไร่ โดยพื้นที่อุตสาหกรรมเบา 393 ไร่ถูกจัดโซนอยู่บริเวณรอบโครงการ เพื่อความคล่องตัวของแต่ละประเภทธุรกิจ ส่วนพื้นที่อุตสาหกรรมอาหารและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง 600 ไร่จะถูกจัดโซนพื้นที่ให้อยู่ใกล้กับแหล่งพลังงานไอน้ำเพื่อประหยัดต้นทุนในการใช้พลังงาน

นอกจากนี่ยังมีพื้นที่พาณิชยกรรมพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกจำนวน 34 ไร่ พื้นที่สีเขียว 148 ไร่ ระบบสาธารณูปโภค 214 ไร่ อ่างเก็บน้ำ 384 ไร่ สามารถกักเก็บน้ำได้ 6.12 ล้านลูกบาศก์เมตร

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*