ลลิลฯ เผยแม้ภาพรวมตลาดอสังหาฯจะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แต่ยังสามารถทำยอดขายกำไรเติบโตถึง 15% มีสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง รับปีนี้ยังเผชิญความท้าทายจากหลายปัจจัยลบ  ตั้งเป้าปีนี้โต 10% ตามแผน พร้อมเปิดโอกาสขยายธุรกิจไปสู่รูปแบบอสังหาริมทรัพย์อื่น
นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ LALIN เปิดเผยว่า ในปี 2565 ยังเป็นอีกหนึ่งปีที่ไทยต้องเผชิญผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 แต่ก็ได้มีการผ่อนคลายมาตรการรับมือลงไปมาก และพร้อมประกาศเปิดประเทศตั้งแต่ต้นพฤษภาคม 2565 เป็นต้นมา เพื่อกระตุ้นภาพรวมธุรกิจท่องเที่ยวของไทยให้ฟื้นตัวหลังจากชะลอตัวมาตลอด 2 ปี เสริมด้วยภาคการส่งออกที่ส่งสัญญาณฟื้นตัวตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ซึ่งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอยู่ได้ รวมถึงมาตรการของภาครัฐที่เข้ามาเยียวยาในด้านต่างๆ  และกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของภาคประชาชนผ่านมาตรการของรัฐทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนทางเศรษฐกิจอยู่พอสมควร

แม้ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 2565 จะยังได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แต่ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ฯ ก็ยังคงเติบโตถึง 15% ทั้งยอดขายและกำไรในปีที่ผ่านมา ด้วยการวางกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ถูกต้องและประเมินสถานการณ์ได้อย่างแม่นยำ ส่งผลให้บริษัทฯ ทำผลงานได้ตามเป้าหมาย อีกทั้งมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง

“บริษัทฯ จะยังเน้นพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แนวราบเพื่อเจาะกลุ่ม Real Demand หรือกลุ่มกำลังซื้อจริงเป็นหลัก และมีการปรับกระบวนการทำงานภายในเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ โดยรวมถึงการนำระบบไอทีและเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาใช้ในการดำเนินธุรกิจเพื่อให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปของโลกด้วยกลยุทธ์ Smart Marketing เพื่อรองรับการเติบโตที่ยั่งยืนขององค์กรในอนาคต” นายชูรัชฏ์ กล่าว

นายชูรัชฏ์ กล่าวต่อไปว่า ในปี 2565 ถือเป็นปีที่ท้าทายยิ่งกว่า เพราะนอกจากจะได้รับผลพวงจากการระบาดของโควิด-19 แล้ว ทั่วโลกยังต้องเผชิญกับผลกระทบจากภาวะสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ควบคู่กันไปด้วย ส่งผลให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ สินค้าปรับขึ้นราคาในวงกว้าง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายในการดำเนินธุรกิจให้เกิดการเติบโต ด้วยการพัฒนากลยุทธ์ที่พร้อมเผชิญความท้าทาย ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จึงมั่นใจในความพร้อมที่จะรับมือกับความเสี่ยงที่มีเข้ามาในปี 2565

“ศักยภาพด้านการคาดการณ์สถานการณ์ล่วงหน้าของบริษัทฯ ทำให้ลลิลฯ ยังสามารถบริหารราคาต้นทุนเดิมได้ ซึ่งถือเป็นจุดแข็งหลักของ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้  อีกปัจจัยที่ต้องนำมาวิเคราะห์ร่วมด้วยคือการปรับตัวสูงขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในไทย หากมีแรงส่งจากต่างประเทศก็อาจเห็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ยในช่วงปลายปีนี้ได้เช่นกัน” นายชูรัชฏ์ กล่าว

โดยในปี 2565 บริษัทฯ ยังคงตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 10% ตามแผนงานของบริษัทฯ ที่ได้ประกาศไว้เมื่อต้นปี ซึ่งการดำเนินธุรกิจในอนาคตจากนี้ต้องอาศัยความรอบคอบและกลยุทธ์ที่พร้อมจะบริหารความเสี่ยงจากสภาพแวดล้อมให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งบริษัทฯ ก็ไม่ได้ปิดกั้นการขยายธุรกิจไปสู่รูปแบบอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ แต่ต้องพิจารณาอย่างละเอียดตราบใดที่ภาพรวมเศรษฐกิจโลกยังคงผันผวน ก็ต้องนำประเด็นดังกล่าวมากำหนดเป็นปัจจัยหลักเพื่อใช้วิเคราะห์ร่วมกับการวางแผนธุรกิจของบริษัทฯ นับจากนี้

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*