“สถาพร เอสเตท”รีเฟรชแบรนด์ใหม่ให้ทันสมัยภายโลโก้ “SE พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจด้วยแนวคิด “ PASSION FOR LIVING WELL” ภายใต้ 3 กลยุทธ์หลัก “Design – Functional – Product Facility” ปีนี้ลุยเปิด 3 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 3,306 ล้านบาท ทั้งคอนโดฯไฮไรส์ย่านพระราม 4 และบ้านแนวราบย่านสายไหมและพระราม 9 – วงแหวน ตั้งเป้ายอดขายปีนี้กว่า 2,400 ล้านบาท

นายสุนทร สถาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัทสถาพร เอสเตท จำกัด (SE) เปิดเผยว่า บริษัทได้มีการรีเฟรชแบรนด์ ด้วยการปรับสีและรูปแบบโลโก้ให้มีความทันสมัย เข้าใจได้ชัดเจน พร้อมชูแนวคิดหลักในการดำเนินธุรกิจ  “PASSION FOR LIVING WELL” ที่มุ่งมั่นในการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีและให้ความสำคัญในทุกรายละเอียดของการออกแบบ ตั้งแต่รูปแบบดีไซน์ที่ผสมผสานกับการพัฒนาเทคโนโลยี และการนำนวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อมเข้ามาใช้ เพื่อตอบสนองชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

โดยได้แบ่งสัดส่วนการทำธุรกิจออกเป็นรูปแบบ Balance Portfolio ระหว่างที่อยู่อาศัยแนวราบและแนวสูง รวมทั้งตั้งเป้าการเปิดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องปีละ 3 โครงการ  ซึ่งในปีนี้บริษัทได้เปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 3,306 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวสูง 1 โครงการ คือ  เดอะ คราวน์ซ เรสซิเดนท์เสท เป็นคอนโดมิเนียมแบบไฮไรส์สูง 32 ชั้น แต่มีจำนวนห้องชุดแค่ 183 ยูนิตเท่านั้น มูลค่าโครงการกว่า 2,016 ล้านบาท เป็นห้องชุดแบบ 1-2 ห้องนอนขนาดพื้นที่ใช้สอย 25-75 ตารางเมตร และห้องเพ้นท์เฮ้าส์ขนาด 107-118 ตารางเมตร

ราคาขายเริ่มต้น  6-20 ล้านบาทหรือเฉลี่ยตารางเมตรละ 250,000 บาท ที่ตั้งโครงการอยู่ติดถนนพระราม 4 ใกล้กับรถไฟฟ้า MRT สถานีลุมพินีและคลองเตย  รวมถึงจุดขึ้น – ลงทางด่วนพิเศษเฉลิมมหานคร จะเปิดพรีเซลในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้

สำหรับอีก 2 โครงการเป็นแนวราบ คือ  ดิ อิเธอร์นิตี้ โกร์ฟ สายไหม – พหลฯ จำนวน 92 ยูนิตพร้อมที่จอดรถ 3 คัน มูลค่าโครงการ 560 ล้านบาท ออกแบบภายใต้แนวคิด “Make it yours” อยู่ห่างจากรถไฟฟ้าสายสีเขียวสถานีคูคตประมาณ  2 กิโลเมตร ราคาขายเริ่มต้น 5.9 ล้านบาท เปิดพรีเซลในเดือนกรกฎาคมนี้ และโครงการดิ อิเธอร์นิตี้ พระราม 9 – วงแหวน เป็นบ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรีจำนวน 70 ยูนิต มูลค่าโครงการ 730 ล้านบาท ราคาขายเริ่มต้น 9 ล้านบาท กำหนดเปิดพรีเซลในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้

ทั้งนี้บริษัทจะใช้ 3 กลยุทธ์หลักในการรุกตลาดเพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของกลุ่มผู้บริโภค ประกอบด้วย  DESIGN: โดยวางผังบ้านหันหน้าไปทางทิศเหนือ-ทิศใต้ เลือกใช้วัสดุสมัยใหม่ที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมที่แตกต่างและหรูหรา เพื่อให้บ้านมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวในรูปแบบ LIVE GREEN, BE WELL เพื่อตอบไลฟ์สไตล์ลูกค้ากลุ่ม “GREEN EXPERIENCER”

ส่วนกลยุทธ์ที่ 2 จะเน้น FUNCTIONALในการพัฒนาพื้นที่ให้ครอบคลุมทุกฟังก์ชั่นการใช้งาน พร้อมนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมสิ่งแวดล้อมเข้ามาใช้ในโครงการต่าง ๆ เช่น  การปรับเปลี่ยนพื้นที่ชั้น 2 ของบ้านให้เป็นห้องนอนเพิ่ม หรือปรับเปลี่ยนห้องอเนกประสงค์ให้เป็นห้องพักผ่อน และ PRODUCT FACILIITY เน้นการพัฒนาพื้นที่ส่วนกลางเพื่อให้สามารถตอบรับกับทุกไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัย ได้แก่ สระว่ายน้ำทรงอิสระที่มีความต่อเนื่องกับสวนส่วนกลาง,ทางเดินสำหรับออกกำลังกายของผู้อยู่อาศัยภายในโครงการเพื่อตอบโจทย์วิถีชีวิตแบบ “WELL BEING LIFESTYLE”

ทั้งนี้บริษัทได้ตั้งเป้ายอดขายปีนี้ไว้กว่า 2,400 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดฯ 1,386 ล้านบาท และบ้านแนวราบ 1,014 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้ายอดโอนกรรมสิทธิ์ไว้กว่า 1,280 ล้านบาท ส่วนความคืบหน้าของโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย 3 โครงการ ในปีที่ผ่านมาทำยอดขายรวมกว่า 1,150 ล้านบาท มียอดโอนกรรมสิทธิ์ประมาณ 850 ล้านบาท และมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) ประมาณ 300 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการเดอะ เชดด์ สาทร 1 ขณะนี้อยู่ระหว่างทยอยโอนห้องชุดให้กับลูกค้า โดยมียอดขายแล้วกว่า 40% , โครงการอิเธอร์นิตี้ ทาวน์ พริมโรส วัชรพล และโครงการดิ อิเธอร์นิตี้ กรีนวู้ด รังสิต-วงแหวน

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*