ซีบีอาร์อีปลื้มผลงานทำยอดขายที่อยู่อาศัยจากโครงกี่ที่รับบริหารงานขายในปี 2564 ทะลุ 12,000 ล้านบาท แม้จะมีสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 หลายระลอก  บ้านเดี่ยวและคอนโดฯซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ได้รับการตอบรับดีมากทั้งจากลูกค้คนไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มคนจีนที่เริ่มสนใจซื้อบ้านหรูในเมือง โชว์ผลงานปิดการขายบ้านราคาสูงสุด 267 ล้านบาทและคอนโดฯราคา 220 ล้านบาท

นางสาวอาทิตยา เกษมลาวัณย์ หัวหน้าแผนกซื้อขายที่พักอาศัยโครงการ ซีบีอาร์อี ประเทศไทย  เปิดเผยว่า แม้ภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่ผ่านจนถึงปัจจุบันยังคงได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวต่อเนื่องและวิกฤตโควิด-19 ที่ยังไม่คลี่คลาย  แต่ในปี 2564 ที่ผ่านมา กลุ่มซีบีอาร์อีสามารถทำยอดขายที่อยู่อาศัยได้ตามเป้ารวมกว่า 12,000 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากคอนโดมิเนียม 42%  บ้านหรู 39%  และบ้านพักตากอากาศ 19% 

ทั้งนี้เมื่อเทียบกับปี 2563 พบว่ายอดขายบ้านหรูในปี 2564 เพิ่มสูงขึ้น 69% ซึ่งเป็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่สามติดต่อกัน   ส่วนยอดขายคอนโดฯเพิ่มขึ้น 29% เนื่องจากในปี 2563 ยอดขายคอนโดฯลดลงไปค่อนข้างมากเนื่องจากความกังวลต่อสถานการณ์โควิด-19 ที่ค่อนข้างรุนแรง

ขณะบ้านตากอากาศลดลง 4% เมื่อเทียบกับก่อนหน้า ทำยอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 388% เนื่องจากในปี 2564 ไม่มีโครงการเปิดตัวใหม่ในทำเลชั้นนำอย่าง พัทยา เขาใหญ่ เชียงใหม่ และหัวหิน เนื่องจากผู้พัฒนาโครงการชะลอการเปิดตัวโครงการใหม่ออกไป

“ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเพื่ออยู่อาศัยเองของลูกค้าคนไทยยังมีอยู่มาก ทั้งโครงการบ้านแนวราบและคอนโดฯคุณภาพในทำเลที่มีศักยภาพที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเพื่ออยู่อาศัยจริงเป็นหลัก   เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่มีเวลาอยู่บ้านมากขึ้นเพื่อทำกิจกรรมหลากหลายภายในบ้านกับครอบครัว และการทำงานจากบ้าน (Work from Home) ทำให้ลูกค้าให้ความสำคัญกับพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น  มีการศึกษาหาข้อมูลเปรียบเทียบก่อนการตัดสินใจซื้อ และมีความใส่ใจในรายละเอียดมากขึ้น”

ผลักดันให้ผู้พัฒนาโครงการต้องให้ความสำคัญกับรายละเอียดเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ทำให้โครงการมีคุณภาพและมาตรฐานที่ดีขึ้น ซึ่งถือเป็นผลบวกที่ได้จากวิกฤตโควิด-19 โดยเฉพาะตลาดบ้านเดี่ยวในเมือง จากการสำรวจของซีบีอาร์อีพบว่าบ้านเดี่ยวที่ตั้งอยู่บนทำเลที่สามารถเดินทางสะดวกเป็นที่ต้องการของผู้ซื้อมาก โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าระดับบน แม้ว่าราคาที่ดินจะค่อนข้างสูง แต่เมื่อเทียบกับความคุ้มค่าของคุณภาพการอยู่อาศัยและการเดินทางที่สะดวกสบาย ตลาดกลุ่มนี้ยังคงมีดีมานด์ที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยในปีที่ผ่านมา ซีบีอาร์อีสามารถปิดการขายโครงการบ้านเดี่ยวราคาเฉลี่ยหลังละ 56 ล้านบาท รวมถึงสามารถปิดการขายบ้านราคาสูงสุด 267 ล้านบาทได้ด้วย

ขณะเดียวกันบ้านเดี่ยวระดับบนยังได้รับความสนใจจากนักลงทุนชาวจีนด้วย โดยเฉพาะบ้านเดี่ยวใจกลางเมืองในทำเลใกล้ย่านธุรกิจ สามารถเดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิได้อย่างสะดวก  โดยกลุ่มสินค้าบ้านเดี่ยวที่คนจีนต้องการอยู่ในระดับราคาตั้งแต่ 30-150 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวจีนที่พักอาศัยและทำธุรกิจในประเทศไทยมานาน และชาวจีนที่มองหาโอกาสการลงทุนในประเทศไทย โดยลูกค้าชาวจีนนิยมบ้านบนเนื้อที่ขนาดใหญ่ มีสวนกว้าง มีพื้นที่ใช้สอยที่เปิดโล่ง เพดานสูงโปร่ง ภายในห้องมีขนาดใหญ่ สามารถจอดรถได้หลายคัน มีสระว่ายน้ำส่วนตัว และตกแต่งสวยงามแบบพร้อมเข้าอยู่

ส่วนตลาดคอนโดฯ แม้ว่าโดยภาพรวมยังคงไม่คึกคัก เนื่องจากผู้พัฒนาโครงการส่วนใหญ่ชะลอการเปิดตัวโครงการใหม่ออกไปจากสถานการณ์โควิด-19 แต่ในปีที่ผ่านมาซีบีอาร์อีสามารถทำยอดขายคอนโดฯเพิ่มขึ้น 106% จากโครงการระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ราคา 350,000 บาท ต่อตารางเมตรขึ้นไป หรือราคาต่อห้องตั้งแต่ 20 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพใจกลางเมือง บริหารโครงการโดยแบรนด์โรงแรมชั้นนำ โดยคอนโดฯที่มีราคาต่อยูนิตสูงสุดที่ซีบีอาร์อีปิดการขายได้มีราคา 220 ล้านบาทต่อยูนิต ขณะที่ราคาคอนโดฯต่อตารางเมตรสูงสุดที่ปิดการขายมีราคา 479,000 บาทต่อตารางเมตร 

สำหรับแผนงานในปี 2565 ซีบีอาร์อีตั้งเป้ารับบริหารงานขายโครงการบ้านแนวราบและคอนโดฯระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรีเป็นหลัก โดยเน้นทำการตลาดออนไลน์ผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย และการสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มลูกค้าของบริษัท มีการจัดการฐานข้อมูลเพื่อเพิ่มช่องทางการสื่อสารให้เข้าถึงความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น และเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ที่มีกำลังซื้อ

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*