“โรงแรมนารายณ์” ที่ตั้งสูงตระหง่านอยู่ติดถนนสีลม ตรงข้ามกับวัดแขก ถือเป็นหนึ่งในโรงแรมระดับตำนานของกรุงเทพฯที่มีประวัติมายาวนานและได้รับการยอมรับมากว่าครึ่งศตวรรษ  เตรียมพลิกโฉมครั้งใหญ่สู่การเป็น “An Oasis” แลนด์มาร์กแห่งใหม่ เพื่อตอบโจทย์วิถีชีวิตใหม่ของคนย่านสีลมภายใต้แนวคิด Be Part of Everyone Community

นายนที นิธิวาสิน กรรมการบริหาร บริษัท นารายณ์ โฮเต็ล จำกัด ทายาทรุ่นที่ 3 ของโรงแรมนารายณ์ ที่ได้เข้ามารับช่วงสานต่อธุรกิจจากคุณพ่อเมื่อปี 2551 ที่ผ่านมา บอกว่า การตัดสินใจพลิกโฉมธุรกิจครั้งใหญ่ของโรงแรมนารายณ์ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะโรงแรมแห่งนี้ได้เข้ามาบุกเบิกบนถนนเศรษฐกิจย่านสีลมเมื่อ 52 ปีก่อน (เปิดให้บริการในปี 2511) ซึ่งชื่อของโรงแรมมาจากแนวคิดของทีมผู้บริหารและผู้ถือหุ้นทุกคนที่ได้นำเอาความยิ่งใหญ่ 2 ประการมารวมเข้าด้วยกันคือ ความยิ่งใหญ่ และพระปรีชาสามารถของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช หรือสมเด็จพระรามาธิบดี (ที่ 3) พระมหากษัตริย์ในรัชกาลที่ 27 สมัยกรุงศรีอยุธยา ที่มีความเก่งกาจในด้านการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การค้าและการทูตกับประเทศต่าง ๆ จนรุ่งเรือง รวมถึงพระนามของพระนารายณ์ มหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดองค์หนึ่งแห่งศาสนาพราหมณ์-ฮินดู มาใช้เป็นชื่อของ “โรงแรมนารายณ์” มาจนถึงปัจจุบัน

“ตัวผมเองวิ่งเล่นอยู่ในโรงแรมแห่งนี้ตั้งแต่สมัยเด็กๆ ทำให้เห็นความเป็นมาเป็นไปของโรงแรมนารายณ์มาโดยตลอด  โดยคุณพ่อเล่าให้ฟังว่าโรงแรมนารายณ์เกิดขึ้นมาจากคุณปู่และผู้ถือหุ้นทุกท่านได้มองเห็นโอกาสในการเติบโตด้านความต้องการห้องพักและโรงแรมขนาดใหญ่ของเมืองกรุงเทพฯ เพราะช่วงนั้นประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดงานระดับนานาชาติอยู่ตลอด”

เริ่มต้นด้วยการเปิดตัวโรงแรมขนาดเล็กชื่อว่า “วิกตอรี่”ขนาด 125 ห้องเมื่อช่วงปี 2505 ตั้งอยู่ใกล้จุดทางลงทางด่วนสีลมในปัจจุบัน ได้รับการตอบรับที่ดีทั้งจากคนไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะในช่วงปี 2509 ที่ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยน เกมส์ ครั้งที่ 7 ทำให้โรงแรมต่างๆในกรุงเทพฯถูกจับจองเต็มหมด รวมถึงโรงแรมวิคตอรี่ด้วย เพื่อใช้เป็นที่พักของนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ ทำให้ทีมผู้บริหารมองเห็นโอกาสทางธุรกิจโรงแรมที่จะเติบโตในอนาคต จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้เริ่มขยายกิจการโรงแรมเพิ่ม โดยผู้ถือหุ้นในสมัยนั้นมีความเห็นตรงกันว่า “ถนนสีลม”มีศักยภาพสูงมากในการเป็นถนนสายธุรกิจของกรุงเทพฯ

ตำนานภัตตาคารหมุน 360 องศาแห่งแรกในเมืองไทย

ในปี 2511“โรงแรมนารายณ์” จึงได้เปิดตัวขึ้นมาบนถนนสีลมและได้รับการยอมรับเป็นอย่างดีทั้งจากลูกค้าคนไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ

นายนทีบอกว่า ในสมัยนั้นโรงแรมนารายณ์มี 5 จุดเด่นสำคัญที่เป็นแม่เหล็กในการดึงให้คนเข้ามาพักในโรงแรม คือ  มีห้องพักมากถึง 500 ห้อง ซึ่งในยุคนั้นยังไม่มีโรงแรมแห่งไหนมีจำนวนห้องพักได้เท่ากับโรงแรมนารายณ์  มีภัตตาคารหมุน 360 องศาแห่งแรกในเมืองไทย ที่ทำให้นักท่องเที่ยวตื่นตาตื่นใจ

มีร้านนารายณ์พิซเซอเรีย (Narai Pizzeria) ซึ่งเป็นพิซซ่าต้นตำหรับของเมืองไทยที่ขึ้นชื่อและเป็นร้านอาหารอิตาเลียนร้านแรก ๆ ของไทย โดยได้รับโดยสูตรอาหารจากสถาบันกอร์ดอนเบล

ห้องอาหาร”ระเบียงทอง”ที่เป็นเจ้าแรก ๆ ที่ทำห้องอาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติ และเสิร์ฟ “ปลาแซลมอลซาซิมิ” ในไลน์อาหารบุฟเฟ่ต์ เป็นเจ้าแรกในเมืองไทยอีกด้วย

นอกจากนี้ยังเป็น Wedding Destination ของคู่รักในยุคนั้น เพราะมีห้องนารายณ์  บอลรูมที่มีขนาดใหญ่รองรับแขกได้ถึง 1,000 คน สามารถรับงานสำคัญๆของประเทศหลายๆงานมาแล้ว โดยเฉพาะการแต่งงานของคนไทยเชื้อสายอินเดีย ที่มักจะต้องมาจัดงานที่โรงแรมนารายณ์

52 ปีมีลูกค้าเช็คอินกว่า 15,180,000 คน

ทั้งนี้ตลอดระยะเวลา 52 ปีที่ผ่านมา โรงแรมนารายณ์ได้ให้บริการห้องพักมาทั้งหมดกว่า 7,590,000 ห้อง โดยมีจำนวนผู้เข้าพักมากกว่า 15,180,000 คน และห้องอาหารระเบียงทองที่ขึ้นชื่อ มีแขกเข้ามารับประทานอาหารราว  30 ล้านคน

ขณะที่ร้านนารายณ์พิซเซอเรีย (Narai Pizzeria) ได้จำหน่ายพิซซ่าไปแล้วมากกว่า 3,550,000 ถาด และใช้ชีสคิดเป็นปริมาณกว่า 1,600,000 กิโลกรัม รวมถึงมีคู่รักจัดงานแต่งงานกับโรงแรมมากกว่า 5,200 คู่รัก ซึ่

“การทำธุรกิจด้านการให้บริการกว่าจะเดินทางมาได้ยาวนานขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ บางอย่างควบคุมได้บางอย่างก็เหนือการควบคุม โดยเฉพาะในยุคโควิด-19 ที่ทำให้เราต้องหันกลับมาทบทวนกันอีกครั้งว่าถึงเวลาที่ต้อง “ปรับเปลี่ยน” แล้วหรือยัง ยุคสมัยหนึ่งเราเป็น One of The Best of Bangkok แต่กาลเวลามันเปลี่ยนไป     เทรนด์ของตลาดโรงแรมก็เปลี่ยนไปด้วย ดังนั้นถ้าหากต้องการทำให้ธุรกิจของเราเติบโตยืนยาวได้ตลาดลักชัวรี่ที่จะเข้ามาในอนาคต จึงเป็นความท้าทายที่เราต้องเริ่มเปลี่ยนสู่ยุคใหม่เพื่อให้กลับขึ้นมาทันกระแส และคงความเป็น One of The Best of Bangkok อีกครั้ง”

การ“ปรับ”เพื่อ“เปลี่ยน”ไปสู่โฉมใหม่ในช่วงที่ธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวชะลอตัวในขณะนี้ นายนทีมองว่า ถือเป็นจังหวะที่ลงตัวพอดี ดังนั้นทางโรงแรมจะขอใช้ช่วงเวลานี้เพื่อการปรับเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่ ภายใต้แนวคิด Be Part of Everyone Community โดยแบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก ๆ คือ การเพิ่มพื้นที่เป็นสิ่งแวดล้อมที่ดีคืนให้แก่ชุมชนขาวสีลม โดยจะออกแบบให้เป็นพื้นที่เปิดเพื่อให้กลุ่มคนหลาย ๆ กลุ่มได้เข้ามาใช้พื้นที่ร่วมกันได้  อาทิ กลุ่มคนวัยทำงาน กลุ่มครอบครัว สามารถเข้ามาใช้พื้นที่ร่วมกัน มีที่ให้นั่งพักผ่อน มีร้านอาหารที่คนทั่วไปเข้าถึงได้ มีพื้นที่ในการขายอาหาร ขายเครื่องดื่ม ร้านอาหารตามสั่ง ฯลฯ โดยคิดค่าเช่าพื้นที่ในราคาที่พ่อค้าแม่ค้าสามารถทำกำไรให้ร้านของตัวเองได้ง่ายมากขึ้น ส่วนโซนห้องพักจะออกแบบในระดับลักชัวรี่ในโซนถัดไป ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างประมาณ 4 ปี

และอีกส่วนหนึ่งคือเราตั้งใจอันเชิญองค์พระนารายณ์ที่อยู่คู่โรงแรมมาตั้งแต่เริ่มต้น ลงมาไว้ให้คนทั่วไปได้สักการะ ให้เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กใหม่ในย่านสีลมด้วย

ในอนาคตอันใกล้ โรงแรมนารายณ์โฉมใหม่จะกลับมาปลุกให้ย่านสีลมกลับมาเป็น  “An Oasis”  ของคนกรุงเทพฯ พร้อมดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้กลับมาท่องเที่ยวเมืองไทย ด้วยแนวคิดของทีมผู้บริหารรุ่นใหม่ที่จะสร้าง”โรงแรมนารายณ์” ให้เป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของคนกรุงเทพฯ อีกครั้ง

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*