เฟรเซอร์สฯเผยภาพรวมธุรกิจรีเทลปี 65 ยังไม่ฟื้นตัว เชื่อเมื่อนักท่องเที่ยวกลับมา เกิดศึกอัดโปรโมชั่นเลือดสาด  สร้างความท้าทายของผู้ประกอบการธุรกิจรีเทลแน่ ด้านพอร์ตธุรกิจของกลุ่มมั่นใจรับมือสถานการณ์ได้ดี โดย “สามย่านมิตรทาวน์”รักษาอัตราผู้เช่าไว้ในระดับสูงที่ 98% ด้วยพื้นที่ทั้งหมด 30,000 ตารางเมตร ส่วน “สีลมเอจ” มั่นใจพร้อมเปิดให้บริการก.ย.นี้ตามแผน คาดมีผู้เข้าใช้บริการไม่ต่ำกว่า 46,000 คน/วัน พร้อมประกาศ 4 กลยุทธ์เสริมความแกร่ง
นางสาวธีรนันท์ กรศรีทิพา รองกรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาธุรกิจรีเทล บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ คอมเมอร์เชียล (ประเทศไทย)  หรือ FPCT  เปิดเผยถึงภาพรวมของธุรกิจรีเทล(ศูนย์การค้า)ในปี 2565 ว่าคาดว่าจะยังเป็นภาพที่คล้ายกับในปี 2564 ที่ผ่านมา โดยที่กลุ่มผู้เข้ามาใช้บริการในศูนย์การค้าต่างๆยังคงเป็นคนในประเทศเป็นหลัก และการแข่งขันของผู้ประกอบการศูนย์การค้าในปี2565 ยังไม่รุนแรง โดยที่ลักษณะของผู้ประกอบการจะยังคงเน้นไปที่การทำโปรโมชั่นในแต่ละศูนย์ฯเพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าเข้าไปใช้บริการจับจ่ายซื้อสินค้าและบริการในร้านค้าที่อยู่ในศูนย์การค้าเป็นหลัก ซึ่งคล้ายคลึงกับในปีที่ผ่านมา โดยภาพรวมของกำลังซื้อในปัจจุบันมองว่าคนในประเทศเริ่มระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอบมากขึ้น จากความไม่แน่นอนของปัจจัยโควิด-19 ที่ยังมีอยู่ และกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจ ทำให้ยังมีความไม่มั่นใจในการจับจ่ายใช้สอยมาก

ขณะที่ในส่วนของนักท่องเที่ยวต่างชาติยังไม่กลับมาอย่างชัดเจน และยังต้องใช้ระยะเวลาอีกนาน กว่าที่จะเห็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาเที่ยวในไทยอีกครั้ง ซึ่งหากมีนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศเป็นจำนวนมาก ก็จะเห็นผู้ประกอบการศูนย์การค้ามีการแข่งขันมากขึ้น เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้าศูนย์ฯได้มากที่สุด แต่ในส่วนของพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวต่างชาติหลังจากนี้มองว่าอาจจะเปลี่ยนไปบ้าง การที่เดินทางไปจับจ่ายหรือรับประทานอาหารในศูนย์ฯขนาดใหญ่จะเปลี่ยนแปลงมาอยู่ในศูนย์ฯขนาดเล็กที่อยู่ใกล้กับที่พักอาศัยมากขึ้น และสามารถซื้อสินค้าอาหารได้อย่างสะดวก

 

“ตอนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-12 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ได้ส่งผลให้นักท่องเที่ยวหายไป และคิดว่าเมื่อนักท่องเที่ยวกลับมาในเร็วๆนี้ จะเกิดศึกเลือดสาดอย่างแน่นอน ถือว่าเป็นความท้าทายของผู้ประกอบการธุรกิจรีเทลเป็นอย่างมาก เพราะนักท่องเที่ยวมีความหลากหลาย ที่แตกต่างกันไป” นางสาวธีรนันท์ กล่าว

ด้านภาพรวมการดำเนินงานของศูนย์การค้าในพอร์ตของ FPCT ในช่วงปี 2564 ที่ผ่านมา โดยในส่วนของโครงการ“สามย่านมิตรทาวน์” ถึงแม้ว่าในปีที่ผ่านมาจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ยืดเยื้อ แต่ FPCT ก็ยังคงรักษาอัตราผู้เช่าไว้ในระดับสูงที่ 98% ด้วยพื้นที่ทั้งหมด 30,000 ตารางเมตร โดยหลังจากที่รัฐบาลได้ประกาศคลายล็อกดาวน์ โครงการสามย่านมิตรทาวน์ก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้า มีจำนวนผู้เข้าใช้บริการในโครงการเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 55,000 คน/วัน สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นใจของลูกค้าที่มีต่อมาตรฐานความปลอดภัยของโครงการ ประกอบกับการดำเนินงานเชิงรุก หรือ Fluid Approach ซึ่งเป็นกลยุทธ์ในการดึงดูด Traffic ให้กับศูนย์การค้าที่เน้นการจับกระแสอย่างรวดเร็ว แล้วลงมือสร้างกิจกรรมทางการตลาดผ่านแคมเปญต่างๆ อย่างทันท่วงที สำหรับปี 2565 นี้ สามย่านมิตรทาวน์ ได้เตรียมแคมเปญใหญ่ “เรียนทาวน์” เพื่อตอกย้ำการเป็น”แหล่งอาหารและการเรียนรู้” ประกอบกับการทำอีเวนท์และคอนแทนท์ต่างๆในสามย่านมิตรทาวน์เพิ่มขึ้น และมีความหลากหลายที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของคนในปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดรเร็ว เพื่อผลักดันให้ Traffic ของสามย่านมิตรทาวน์ในปี 2565 เพิ่มขึ้นเป็นเฉลี่ย 70,000 คน/วัน

อย่างไรก็ตามในปี 2565 นี้บริษัทฯเตรียมรุกขยายพอร์ตรีเทลด้วยโครงการใหม่ล่าสุดบนหัวมุมถนนสีลม ทำเลทองทางเศรษฐกิจ  “สีลมเอจ” (Silom Edge) ที่เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่และสตาร์ทอัพโดยเฉพาะ พร้อมเป็นแพลตฟอร์มให้ทุกธุรกิจเริ่มต้นได้ง่าย ด้วยบริการที่ตอบโจทย์ ครอบคลุมทุกความต้องการ (All Inclusive Services) ปัจจุบันสีลมเอจอยู่ระหว่างการดำเนินการพัฒนาพื้นที่ และจะพร้อมเปิดให้บริการในเดือนกันยายน 2565 นี้ โดยพร้อมอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการทุกช่วงเวลา ด้วยโซนรีเทลที่ทำการเปิดตั้งแต่ 11:00 น. ถึงเที่ยงคืน และโซนพิเศษ 2 ชั้นแรกที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมรองรับลูกค้าที่ต้องการใช้บริการร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ ร้านขายยา และเครื่องจำหน่ายสินค้าคุณภาพด้วยระบบอัตโนมัติ

“หัวใจสำคัญสู่ความสำเร็จในยุคที่ธุรกิจต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายและ ความไม่แน่นอน คือการทลายทุกข้อจำกัด และเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์อยู่เสมอ ด้วยการปรับกลยุทธ์และแผนการตลาดอย่างทันท่วงที จะทำให้สามารถก้าวข้ามผ่านอุปสรรคไปได้ด้วยดี นอกจากนี้ เรายังปรับการดำเนินธุรกิจแบบ B2B เป็นแบบ Partnership ที่ช่วยให้เราใกล้ชิดกับลูกค้ามายิ่งขึ้น เราจึงเข้าใจถึงปัญหาและความต้องการที่แท้จริง ทำให้สามารถนำเสนอโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ให้แก่ลูกค้าได้เป็นอย่างดี สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2565 เราเชื่อมั่นว่าธุรกิจของกลุ่มฯ จะสามารถสร้างสีสันให้กับวงการรีเทลด้วยรูปแบบการให้บริการและกิจกรรมทางการตลาดที่น่าจับตามอง ซึ่งการเพิ่มโครงการใหม่อย่างสีลมเอจเข้ามาในพอร์ตรีเทล จะช่วยขยายขีดความสามารถในการรองรับดีมานด์ให้ครอบคลุมทุกกลุ่มมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มรายได้และกระจายความเสี่ยงให้แก่บริษัทฯอีกด้วย” นางสาวธีรนันท์ กล่าว

โครงการสีลมเอจ โครงการมิกซ์ยูสที่จะเป็นสังคมแซนด์บ็อกซ์แห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพ ภายในโครงการจะประกอบด้วยพื้นที่สำนักงานและรีเทล 7 ชั้น รวมพื้นที่กว่า 10,000 ตารางเมตร พร้อมโซนเปิดให้บริการถึงเที่ยงคืนทุกวัน เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ไม่ยึดติดกับรูปแบบเดิมๆ รองรับกลุ่มผู้ประกอบการและสตาร์ทอัพที่ต้องการทดสอบตลาดและวางจำหน่ายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มแซนด์บ็อกซ์ด้านรีเทล ทั้งยังส่งเสริมการทำธุรกรรมในรูปแบบดิจิทัล (Cashless Society) และสนับสนุนการชำระค่าบริการด้วยคริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) ขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาว่าจะสามารถชำระในส่วนใดได้บ้าง และคาดว่าจะมีผู้เข้าใช้บริการในโครงการสีลมเอจ ไม่ต่ำกว่า 46,000 คน/วัน

ทั้งนี้บริษัทฯต้อนรับศักราชใหม่ด้วยความพร้อมทางด้านกลยุทธ์และแผนงาน พร้อมด้วยทีมงานมืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในธุรกิจสายรีเทล ทั้งยังมีฐานลูกค้าจำนวนมากและพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง จึงมั่นใจว่าจะสามารถดำเนินงานได้ตามโรดแมป เพื่อสร้างการเติบโตให้แก่ บริษัทฯได้อย่างแน่นอน

FPCT ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยการเนรมิตพื้นที่รีเทลเพื่อสร้างประสบการณ์ผสานแรงบันดาลใจได้ทุกวัน หรือ “Inspiring Everyday Experiences”  สอดคล้องกับแนวคิดของกลุ่ม เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ที่ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หลายหลายประเภททั่วโลก โดยมีธุรกิจรีเทลเป็นหนึ่งในธุรกิจหลักของกลุ่มฯ ครอบคลุม 4 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ ออสเตรเลีย เวียดนาม และ ประเทศไทย ด้วยการผสานประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของ FPCT เข้ากับแนวคิดและเทรนด์การพัฒนาพื้นที่รีเทลของกลุ่มเฟรเซอร์สฯ ทำให้โครงการในพอร์ตโฟลิโอของบริษัทฯมีความแตกต่างจากโครงการของผู้พัฒนารายอื่นๆ สะท้อนได้จากแนวทางการดำเนินงานทั้ง 4 ด้าน ดังนี้

1.ลื่นไหลไปกับกระแสนิยมแบบ Real Time (Fluid Approach) การตลาดแบบทันท่วงทีคือหัวใจสู่ความสำเร็จในยุคที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การปลดล็อคข้อจำกัดและรูปแบบการดำเนินงานแบบเดิมๆ ทำให้สามารถเอาชนะใจลูกค้าและทำให้กลับมาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง

2.กำหนดนิยามใหม่ในการใช้ประโยชน์จากสถานที่ (Redefine Physical Location) ด้วยการพัฒนาพื้นที่ที่เปิดกว้างและยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น โดยมุ่งเน้นการสร้างสเปซให้เกิดประโยชน์กับชุมชนเป็นสำคัญ ส่งเสริมบทบาทศูนย์การค้าที่เป็นเดสติเนชัน

3.ยกระดับการใช้เทคโนโลยีในพื้นที่รีเทล (Leverage Digital Technology) เตรียมรองรับการชำระค่าบริการด้วยเงินดิจิทัล เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยให้แก่ลูกค้า พร้อมยกระดับคุณภาพการบริการด้วยแอพพลิเคชัน MitrCare โดยล่าสุดบริษัทฯได้ร่วมมือกับ KBTG เพิ่มฟังก์ชั่นระบบจัดซื้อ หรือ E-Catalogue อำนวยความสะดวกขั้นสูงสุดให้แก่ร้านค้าตลอด 24 ชั่วโมง

4.ส่งเสริมสุขอนามัยของผู้ใช้บริการและป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง (Hygiene and Safety Practice) ตามมาตรการ PREVENTIVE ด้วยการคงความเข้มงวดในการคัดกรองผู้ใช้บริการ ณ จุดตรวจวัดอุณหภูมิ การรักษาระยะห่างอย่างเหมาะสม การบังคับสวมหน้ากาก และการทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรคอย่างสม่ำเสมอตามระยะเวลาที่กำหนด

 

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*