บริทาเนียฯ เข้าซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯวันแรก โชว์รายได้รวมปี 61 – 63 เติบโตเฉลี่ยต่อปีกว่า 113% และงวด 9 เดือนแรกของปีนี้ มีรายได้รวม 2,808.57 ล้านบาท เติบโตกว่า 52% ระบุหลังระดมทุนจะเงินไปใช้พัฒนาโครงการ ชำระเงินกู้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ เดินหน้าแผนเปิด 9 โครงการใหม่ในปีหน้า รวมมูลค่าโครงการ 10,800 ล้านบาท ขยายทำเลครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล-ต่างจังหวัด มุ่งสู่ผู้นำการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ
นางศุภลักษณ์ จันทร์พิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้นำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันนี้ (21 ธันวาคม 2564) โดยใช้ชื่อย่อ BRI ในการซื้อขายหลักทรัพย์ คาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนที่ให้ความสนใจเข้าลงทุนในบริษัทพัฒนาอสังหาฯ และมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของบริษัทฯ ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบและเป็นบริษัทแกนหลักหรือ Flagship Company ของ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน)หรือ ORI ในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยกลุ่มดังกล่าว
ทั้งนี้นับจากก่อตั้งบริษัทฯในปี 2559 สามารถสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยในปี 2560 พัฒนาที่อยู่อาศัยแนวราบ 1 โครงการ และเพิ่มเป็น 21 โครงการในปี 2564 สอดคล้องกับผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากปี 2561 ที่มีรายได้รวม 515.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 2,342.09 ล้านบาทในปี 2563 คิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) 113.16% และในงวด 9 เดือนแรกของปี 2564 มีรายได้รวม 2,808.57 ล้านบาท เติบโต 52.18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,845.59 ล้านบาท

ส่วนกำไรสุทธิปี 2561 อยู่ที่ 71.65 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นเป็น 348.72 ล้านบาทในปี 2563 และงวด 9 เดือนของ 2564 มีกำไรสุทธิ 452.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.93% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 290.08 ล้านบาท โดยผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง มาจากการเปิดตัวโครงการเพิ่มขึ้นในทำเลที่ตั้งที่สอดคล้องกับความต้องการซื้อบ้านจัดสรรที่มีอย่างต่อเนื่องจากการขยายตัวของเมือง ระบบสาธารณูโภค และระบบขนส่งมวลชน

อย่างไรก็ตามหลังจากการระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัทฯ จะนำเงินไปใช้พัฒนาโครงการ ชำระเงินกู้และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ โดยในปี 2565 วางแผนพัฒนาโครงการใหม่อีก 9 โครงการ รวมมูลค่าโครงการ 10,800 ล้านบาท เน้นแบรนด์ “บริทาเนีย” และ “แกรนด์ บริทาเนีย” จับกลุ่มลูกค้าระดับกลางและกลางบน ในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑลและต่างจังหวัด โดยจะขยายการเปิดโครงการในจังหวัดใหม่ๆ ได้แก่ ระยองและอุดรธานี โดยระยองถือเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพจากการพัฒนา พื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) และมีนิคมอุตสาหกรรมอยู่เป็นจังหวัด ส่วนอุดรธานีถือเป็นเมืองเศรษฐกิจชั้นนำของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งมีจำนวนประชากรและกำลังซื้อสูง

นายพงศ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล
นายพงศ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า บริทาเนีย เป็นหนึ่งในบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีจากการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ  โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 252.65 ล้านหุ้น ที่ราคาเสนอขายสุดท้าย 10.50 บาทต่อหุ้น สามารถระดมทุนได้ทั้งสิ้นกว่า 2,652.83 ล้านบาท ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีการเปิดตัวโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์และกำไรสุทธิเติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นกัน นอกจากนี้ บริษัทฯ มีความสามารถการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้น และอัตรากำไรสุทธิอยู่ในระดับที่ดี การเติบโตอย่างต่อเนื่องของบริษัทฯ ส่งผลให้บริษัทฯ ได้ประโยชน์จาก Economy of Scale ทั้งในด้านการต่อรองราคาวัสดุก่อสร้างจากปริมาณการสั่งซื้อที่สูงขึ้น รวมถึงการบริหารต้นทุนส่วนอื่นๆ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมถึงบริษัทฯ ยังได้รับการสนับสนุนจากบริษัทแม่ (ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้) ในการด้านการรวมคำสั่งซื้อซื้อวัสดุก่อสร้าง ทำให้เกิด Economy of Scale  และการวิจัยพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ของกลุ่ม ORI อีกด้วย
นายพายุพัด มหาผล
นายพายุพัด มหาผล กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า บริทาเนียฯถือเป็นบริษัทชั้นนำด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยแนวราบที่มีศักยภาพการเติบโตที่ดีในระยะยาว จากแผนงานขยายการพัฒนาโครงการให้ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑลและต่างจังหวัดยิ่งขึ้น โดยเฉพาะจังหวัดที่มีศักยภาพในภาคต่างๆ ของประเทศ นอกจากนี้ จากภาพรวมเศรษฐกิจและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในช่วงฟื้นตัว รวมถึงการผ่อนปรนมาตรการกำกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Loan to Value : LTV)โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ให้สถาบันการเงินสามารถปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยแก่ผู้กู้ได้เต็ม 100% ของมูลค่าหลักประกัน จะเป็นปัจจัยบวกต่อการเติบโตของภาพรวมอสังหาริมทรัพย์และการขยายโครงการของบริทาเนียฯ

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*