นางสาวสุมิตรา วงภักดี กรรมการผู้จัดการ TerraBkk.com กล่าวถึงผลงานวิจัย The most powerful real estate brand 2021 และพฤติกรรมการอยู่อาศัยใหม่ของคนเมืองว่า จากการเก็บข้อมูลของกลุ่มเป้าหมายจำนวน 1,700 ราย อายุระหว่าง 22-53 ปี ทั้งกลุ่ม Gen X,Gen Y และ Gen Z  ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนโสดมากถึง 47% รองลงมาเป้นกลุ่มคนที่แต่งงานแล้ว (มีบุตร) 24% และกลุ่มคนที่มีแฟนแล้ว แต่ยังไม่ได้แต่งงาน 10% โดยมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยภายในระยะเวลา 3ปี พบว่า กลุ่มคนทำงานในบริษัทเอกชน สนใจเลือกสินค้าประเภทบ้านเดี่ยวมากถึง 60% รองลงมาเป็นคอนโดมิเนียม 41% ทาวน์โฮม  31% ที่ดินเปล่าเพื่อสร้างบ้านเอง 21% ขณะที่กลุ่มสินค้าอาคารพาณิชย์ได้รับความสนใจซื้อถึง 11% ส่วนระดับราคาสินค้าที่ต้องการซื้อจะอยู่ในช่วง 3-5 ล้านบาทประมาณ 30% และระดับราคา 2-3 ล้านบาท 24%

กลุ่มข้าราชการและรัฐวิสาหกิจ ให้ความสนใจซื้อบ้านเดี่ยวสูงถึง 72% และคอนโดมิเนียม 34%  นอกจากนี้ยังสนใจบ้านหรือคอนโดฯตากอากาศ และที่ดินเปล่าเพื่อสร้างบ้านเอง มีสัดส่วนมากถึง 24% โดยราคาสินค้าที่ต้องการซื้อจะอยู่ในระดับ 5-7 ล้านบาทมีจำนวน 28% รองลงมาเป็นราคา 3-5 ล้านบาท และ 2-3 ล้านบาท

สำหรับทำเลของบ้านจัดสรรที่ได้รับความสนใจมากที่สุดจะอยู่ในย่านศรีนครินทร์ พัฒนาการและบางนา-ตราด รองลงมาเป็นทำเลย่านดอนเมือง พหลโยธิน และสายไหม ส่วนทำเลของคอนโดฯที่กลุ่มเป้าหมายสนใจเลือกซื้อยังคงเกาะแนวเส้นทางรถไฟฟ้าทั้ง BTS และ MRT โดยเฉพาะทำเลย่านธนบุรี วงเวียนใหญ่ บางหว้า รองลงมาเป็นย่านรัชดาฯ พระราม 9 เพชรบุรี และย่านอารีย์ สะพานความ จตุจักร

ส่วนปัจจัยสำคัญที่กลุ่มเป้าหมายตัดสินใจซื้อบ้านเดี่ยว  บ้านแฝด ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม คือ ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง ต้องการสังคมที่ดีและมีความปลอดภัย  และซื้อเพื่อลงทุน เก็งกำไรและปล่อยเช่า โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าประเภทคอนโดฯ และบ้านหรือคอนโดฯตากอากาศ

สำหรับช่องทางในการค้นหาข้อมูลที่อยู่อาศัยของกลุ่มผู้ซื้อทั้ง Gen X Gen Y และ Gen ยังคงเลือกใช้สื่อเฟสบุคและยูทูป ในหาค้นหาข้อมูลและรายละเอียดต่างๆของโครงการเพื่อประกอบการตัดสินใจซื้อ รองลงมาเป็นเว็บไซต์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับที่อยู่อาศัย และ Official Website ของผู้ประกอบการค่ายต่างๆ ขณะที่กลุ่ม Gen X และ Baby Boom ยังคงให้ความสำคัญกับการเดินชมงานอีเว้นท์เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย

เนื่องจากปัจจัยสำคัญที่คนกลุ่มนี้นำมาใช้ประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อที่อยู่อาศัย คือ ระบบรักษาความปลอดภัยภายในโครงการมากกว่าราคา รวมถึงสภาพแวดล้อมและชุมชนโครงการ สังคมเพื่อนบ้านและบริการหลังการขาย เพราะปัจจุบันคนกลุ่มนี้ใช้ชีวิตในบ้านมากขึ้น โดยเฉพาะการทําอาหารทานเองที่บ้าน  การออกกําลังกายที่บ้าน การจัดสังสรรค์ในบ้าน ดังนั้นความน่าเชื่อถือของแบรนด์สินค้า ความเชี่ยวชาญของบริษัทในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยจึงเป็นเรื่องสำคัญ

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*