ปัจจุบันเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของมนุษย์มากขึ้น เพราะช่วยให้เราสามารถใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้นทั้งการอยู่อาศัยในบ้านและการทำงานในออฟฟิศ โดยเฉพาะการอยู่อาศัยที่เริ่มนำระบบ Smart Home หรือ“บ้านอัจฉริยะ” เข้ามาใช้อำนวยความสะดวกภายในบ้านและห้องชุด ล่าสุดกลุ่มกลุ่มจาร์ตัน กรุ๊ป  ผู้ผลิตติดตั้งและส่งออกระบบ“บ้าน”และ“อาคาร”ครบวงจร ได้เปิดตัวแอปพลิเคชัน “JARTON Home” แพลตฟอร์ม IoT หรือ Smart Home Super App สัญชาติไทย

นายธีธัช จึงกานต์กุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทจาร์ตัน กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมของตลาด Smart Home ในเมืองไทยยังมีอัตราเติบโตค่อนข้างช้าเมื่อเทียบกับต่างประเทศ  เนื่องจากมีผู้ผลิตและนำเข้าสินค้าอุปกรณ์ IoT หลากหลายทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ ส่งผลให้มีการพัฒนาแอปพลิเคชันของแต่ละแบรนด์สินค้าออกมาเพื่อควบคุมอุปกรณ์ที่หลากหลายตามไปด้วย ทำให้ลูกค้าไม่สะดวกที่จะใช้งานมากกว่า 1 แอปพลิเคชันในการควบคุมอุปกรณ์ในบ้านทั้งหมด

แต่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มูลค่าตลาดรวมเริ่มขยับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 4,000 ล้านบาทต่อปี และมีอุปกรณ์ Smart Home ในบ้านรวมทั้งหมดประมาณ 2.5 ล้านชิ้น โดยเฉพาะในช่วงที่มีการระบาดของ Covd-19 ทำให้คนส่วนใหญ่ใช้เวลาอยู่กับบ้านมากขึ้น ผลักดันให้ตลาด Smart Home เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้บริษัทมั่นใจว่าตลาด Smart Home จะขยายตัวเพิ่มมากขึ้น 3-5 เท่าภายใน 2 ปี

ดังนั้นกลุ่มจาร์ตัน กรุ๊ป จึงได้จัดตั้งบริษัทจาร์ตัน เทคโนโลยี จำกัดขึ้นมาเพื่อพัฒนา JARTON Home ให้เป็นแอปพลิเคชันกลาง (IoT Platform) ที่สามารถควบคุมอุปกรณ์ Smart Home ทุกแบรนด์ได้บนแอปพลิเคชันเดียว โดยได้เริ่มทดลองใช้กับสินค้า Smart Home ของ JARTON ปัจจุบันสามารถใช้งานกับสินค้าได้ทุกแบรนด์ทั้งในและต่างประเทศผ่าน Mobile Application และ Web Application (www.JARTONHome.com)

นอกจากนี้ยังสามารถรองรับการสั่งงานผ่านคำสั่งเสียงได้ทั้ง Google Assistant, Apple Siri, Amazon Alexa รวมถึงกสนสั่งงานผ่าน Apple Watch,  Apple Home Kit, Samsung SmartThings

ปัจจุบันมีสินค้าแบรนด์ชั้นนำทั้งในประเทสและต่างประเทศที่อยู่ระหว่างการพัฒนาหรือสามารถสั่งงานผ่าน Application JARTON Home ได้แล้วจำนวนมากกว่า 100 แบรนด์ ทั้งกลุ่มการเชื่อมต่อเครือข่าย,กลุ่มรักษาความปลอดภัย, กลุ่มปรับอากาศและไฟฟ้า, กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า และกลุ่มอุปกรณ์ควบคุม อาทิ AIS, Anitech, COTTO, DATA, Delight, Eminent, Ener Saver, Euro, Fascino, GATA, Hatari, JARTON, Chaiyo Sprinkler, Divana และ LAMPTAN, เป็นต้น

นอกจากนี้ JARTON Home ยังเป็น IoT Platform เดียวที่ได้รับการสนับสนุนจาก Depa (ดีป้า) หรือสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล สังกัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในการส่งเสริมให้คนไทยสามารถเข้าถึงระบบ IoT หรือ Smart Home ได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำที่สุด ลดช่องว่างทางเทคโนโลยีและขยายการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ

JARTON Home มีระบบการใช้งานที่สะดวกและไม่มีค่าใช้จ่าย โดยมีระบบบริหารผ่านทั้ง Mobile และ Web Application เพื่อให้สินค้าแต่ละแบรนด์สามารถเชื่อมต่อระบบการใช้งาน การใช้คำสั่งเสียงและการใช้อุปกรณ์เสริมได้อย่างอิสระโดยไม่มีค่าใช้จ่าย”

สำหรับขั้นตอนการเปิดใช้งานพื้นฐานทุกอุปกรณ์ มี 3 ขั้นตอนคือ ดาวน์โหลด Application JARTON Home ได้ทั้งระบบ iOS และ Android พร้อมลงทะเบียนโดยใช้เบอร์โทรศัพท์หรืออีเมล หลังจากนั้นเชื่อมต่ออุปกรณ์เข้ากับระบบ Wi-Fi วงเดียวกับโทรศัพท์ (เฉพาะครั้งแรก)  และเริ่มสั่งงานควบคุมอุปกรณ์ได้ทั่วทุกโลก

ตั้งเป้าปี2568 แต่งตัวเข้าตลาดหลักทรัพย์
สำหรับผลการดำเนินงานของกลุ่มจาร์ตัน โฮลดิงส์ในปีนี้ ได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจและการระบาด Covid-19  ทำให้ต้องปรับเป้ารายได้ลดลง 30% จากที่ตั้งเป้าไว้ที่  1,000 ล้านบาท โดยสินค้าหลักยังคงเป็นระบบบ้านและอาคารอัจฉริยะ ทั้งหมด ทั้งระบบ Smart Home, ระบบตรวจจับความปลอดภัยแบบอุโมงค์เดินผ่าน, ระบบกล้องวงจรปิดอัจฉริยะ โดยมีสัดส่วน 25% ­ของยอดขายทั้งกลุ่ม

นอกจากนี้บริษัทยังได้มีการปรับโครงสร้างการบริหารของกลุ่มจาร์ตัน กรุ๊ปครั้งใหญ่  โดยตั้ง JARTON Holdings เป็นบริษัทแม่ เพื่อเข้าไปถือหุ้นในบริษัทลูก และเตรียมหาผู้ร่วมทุนและ Strategic Partner ในแต่ละธุรกิจจากทั้งในประเทศและต่างประเทศเพื่อเข้ามามาร่วมลงทุนในบริษัทในเครือทั้งหมด 6 บริษัท คาดว่าจะใช้เวลาดำเนินการให้เสร็จภายในเวลา 9-12 เดือน เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับบริษัทที่วางแผนจะนำบริษัทแม่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายในปี 2568

                                   

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*