ภาคเอกชนจวกร่างผังเมืองรวมฉบับใหม่ ออกแบบจากกลุ่ม Frankenstein หน่วยงานราชการไม่เคยส่งเทียบเชิญผู้มีส่วนได้ ส่วนเสียตัวจริงร่วมแก้ไขปัญหา เผยอย่าเอื้อผลประโยชน์กลุ่มการเมืองจะมีปัญหาตลอด ส่วนผังเมืองนนท์หลังประกาศใช้กลางปีหน้า หวั่นกลายเป็น ฟรีซเมืองนนทบุรี” ด้านผู้ว่าฯรับรู้ปัญหาเตรียมเรียกรับฟังความคิดเห็น หวังพัฒนาเมืองให้เติบโต ขณะที่ผังEEC ส่อเค้าวุ่นไม่เป็นตามแผนภาครัฐ การตอบรับจากนักลงทุนไทย-เทศ หายวูบอย่างมีนัย ส่งผลดีมานด์ตลาดที่อยู่อาศัยชะลอตัว
นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์
จัดทำผังเมืองอย่าเอื้อผลประโยชน์การเมือง
นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า การเปลี่ยนการใช้ผังเมือง ตามพระราชบัญญัติผังเมือง พ.ศ. 2562(พ.ร.บ.) นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย  ก่อนจะพัฒนาก็ต้องศึกษาข้อมูลผังสีให้ดี ผังเมืองปัจจุบันส่วนใหญ่มาจากกลุ่ม Frankenstein ซึ่งที่ผ่านมาการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนเป็นการเข้าร่วมเมื่อผังเมืองเสร็จแล้ว อีกทั้งในผังเมืองก็ไม่ได้ระบุถึงที่อยู่อาศัยสำหรับคนมีรายได้น้อย ซึ่งแนวคิดผังเมืองแบบนี้จะมีปัญหาแน่นอน ส่งผลให้บางจังหวัดต้องหาแนวทางในการช่วยตัวเอง เช่น จ.ขอนแก่น ที่ผ่านมาผังเมืองไม่ได้ออกแบบให้สร้างรถไฟฟ้าระบบรางเบาได้ แต่ภาคเอกชนในจังหวัดได้รวมตัวกันเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจเมือง ด้วยการก่อตั้งบริษัท ขอนแก่นพัฒนาเมือง  จำกัด (KKTT)โดยบริษัทจะเริ่มทำโครงการขนส่งมวลชนรถไฟฟ้าระบบรางเบา ซึ่งโครงการรถไฟฟ้ารางเบาสายเหนือใต้ สำราญท่าพระจะมีระยะทาง 26 กิโลเมตร และมีจำนวนสถานี 21 สถานี ใช้รถไฟฟ้าที่ผลิตและประกอบในประเทศจำนวน 15 ขบวน โดยมีขบวนละ 3 ตู้ ซึ่งใน 1 ขบวน สามารถบรรจุผู้โดยสารได้ 180 คน ล่าสุดได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลง งานโครงการก่อสร้างระบบขนส่งสาธารณะในเขตจังหวัดขอนแก่น เส้นทางเส้นทางสายเหนือ-ใต้ นำร่องสายสีแดง (สำราญ-ท่าพระ) อันเกิดจากความร่วมมือรถไฟฟ้า LRT (KKTS – กลุ่มกิจการร่วมค้าขอนแก่น CKKM , CRRC จากประเทศจีน)เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“หน่วยงานราชการพูดกันว่าผังเมืองไม่ควรเอื้อนักธุรกิจ แต่จะเอื้อประชาชน ซึ่งนักธุรกิจก็คือประชาชน หรือว่าผังเมืองจะเอื้อนักการเมือง หากการเมืองเข้ามามีอำนาจ ผังเมืองก็จะมีปัญหาตลอด  ซึ่งในการคัดค้านควรทำแบบสร้างสรรค์ ดังนั้นองค์ความรู้ และผลประโยชน์ส่วนรวมสำคัญที่สุด” นายพรนริศ กล่าวในที่สุด

นายเลิศมงคล วราเวณุชย์

หวั่นผังเมืองรวมใหม่ “ฟรีซเมืองนนทบุรี”แน่

นายเลิศมงคล วราเวณุชย์ ประธานและที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ สมาคมอสังหาริมทรัพย์นนทบุรี กล่าวว่า การปรับปรุงร่างผังเมืองรวมจังหวัดนนทบุรีฉบับใหม่นั้น  ในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมาหน่วยงานภาครัฐไม่เคยเชิญสมาคมฯเข้าไปรับฟังความคิดเห็น แต่กลับไปเชิญหน่วยงานอื่นที่ไม่มีความรู้ความเข้าใจในการพัฒนาอสังหาฯเข้าไปรับฟังแทน ซึ่งที่ผ่านมาสมาคมฯก็พยายามเข้าไปชี้แจงพร้อมกับนักวิชาการ ด้วยการเข้าไปช่วยร่างผังเมืองกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี แต่สุดท้ายสิ่งที่ร่วมเสนอไปกลับถูกตัดทิ้งไปทั้งหมด ซึ่งกังวลว่าจะผังเมืองรวมนนทบุรีฉบับใหม่เป็นการ ฟรีซเมืองนนทบุรี” ซึ่งที่ผ่านมา 5-6 ปี ได้พยายามต่อสู้มาโดยตลอด และผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดมาแล้ว 3 ท่าน ซึ่งท่านผู้ว่าฯคนปัจจุบันคือ นายสุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ได้รับทราบปัญหา และคงต้องให้ผังเมืองนนบุรีฉบับใหม่ ประกาศใช้ออกไปก่อนในกลางปี 2565 หลังจากนั้นจะพยายามแก้ไขผังเมืองรวมนนทบุรีใหม่ ด้วยการเรียกผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้าไปรับฟังความคิดเห็น และช่วยกันแก้ไข เพื่อให้เมืองนนทบุรีพัฒนาและเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“เดิมผังเมืองรวมจังหวัดนนทบุรีจะประกาศใช้ในปี 2564 แต่มีพ.ร.บ.ผังเมือง พ.ศ. 2562 ออกมาก่อน จึงยังไม่สามารถประกาศใช้ได้ ต้องมีการปรับแก้ หากสมาคมฯเข้าไปโดยลำพัง ทางหน่วยงานราชการก็จะมองว่าเป็นกลุ่มพ่อค้า ดังนั้นหากจะเข้าไปชี้แจงและขายไอเดียก็จะต้องมีการชวนหน่วยงานอื่นหรือกลุ่มนักวิชาการเข้าไปเจรจาด้วยก็จะมีพลังมากกว่า แต่สุดท้ายสิ่งที่เราเคยให้คำแนะนำกลับถูกตัดทิ้งทั้งหมด หากผังเมืองรวมฯที่จะประกาศใช้ในกลางปี 2565 จะทำให้พื้นที่ในซอยไม่สามารถพัฒนาคอนโดฯ และพื้นที่ฝั่งตะวันตกไม่สามารถพัฒนาทาวน์เฮาส์ได้ ” นายเลิศมงคล กล่าวในที่สุดแฉผู้มีส่วนได้-ส่วนเสียตัวจริงยังไม่ได้มีส่วนร่วมรับฟังความคิดเห็น

ด้านแหล่งข่าวในพื้นที่ EEC กล่าวว่า ผังเมืองรวมไม่สอดคล้องกับการพัฒนาอสังหาฯในพื้นที่ โดยผังเมือง พ.ศ. 2562 ต้องระวังเพิ่มมากขึ้น ซึ่งมีการกำหนดแนวทางผังเมืองมาแล้ว จะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ สำหรับผังเมืองรวมเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรือ EEC ที่ผ่านมาก็พยายามเข้าไปมีส่วนร่วมโดยตลอด ซึ่งอาจจะต้องไปคุยกับบริษัทที่ปรึกษากรมฯ เพื่อให้ข้อมูลในเชิงลึกและเกิดการยอมรับ เพราะหากมีการคัดค้านผังเมืองรวมก็ต้องขยายระยะเวลาในการประกาศใช้ออกไปอีก ประเด็นการรับฟังความคิดเห็นที่ผ่านมายังไม่เข้าถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างแท้จริง และยังไม่มีหลักปฏิบัติที่ชัดเจน ซึ่งเป็นหน้าที่ของสมาคมหอการค้าไทย สมาคมอสังหาฯ แต่ละจังหวัดต้องช่วยผลักดันในเรื่องดังกล่าว

“ที่ผ่านมาผังเมืองEEC ส่วนใหญ่จะเป็นสีม่วง แต่ผู้ประกอบการนิคมฯเริ่มออกมาพูดแล้วและอยากให้ภาครัฐผลักดัน เพราะในภาพจริงๆจะไม่เป็นอย่างที่ภาครัฐต้องการ”

ในช่วงประมาณ 5 ปีที่ผ่านมา พบว่าตัวเลขลูกค้าที่ทำงานในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆมาซื้อโครงการบ้านจัดสรรของตนลดลงมากถึงประมาณ 70%เมื่อเทียบกับช่วงที่ตลาดอสังหาฯอยู่ในช่วงขาขึ้น

“ที่ผ่านมารัฐบาลต้องการผลักดันภาคธุรกิจอุตสาหกรรมมากเพื่อให้นักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างชาติเข้าไปลงทุนในพื้นที่เป็นจำนวนมาก แต่ในบางพื้นที่ในจ.ฉะเชิงเทรา ที่จะผลักดันให้พัฒนานิคมอุตสาหกรรม ก็ได้เกิดปัญหาขึ้นแล้ว เพราะได้รับการต่อต้านจากประชาชนในพื้นที่มาโดยตลอด จึงอยากให้ภาครัฐเห็นภาพว่าการผลักดันให้เกิดนิคมอุตสาหกรรมฯต่างๆนั้น ไม่สำเร็จอย่างที่คาดหวังไว้ เพราะการตอบรับการลงทุนในนิคมฯนั้นลดลงอย่างชัดเจนอย่างมีนัย โดยนักลงทุนหลายกลุ่มทั้งคนไทยและต่างชาติ หันไปลงทุนในนิคมอุตสาหกรรม ที่ประเทศเวียดนาม  มากกขึ้น ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดตั้งแต่ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(GDP)ลดลง และมาประสบปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่ง World Bank ก็มองว่าอัตราการฟื้นตัวของประเทศไทยจะช้าที่สุดเช่นกัน”

 

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*