เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ฯเผยความคืบหน้างานก่อสร้างโครงการ “ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์” โฉมใหม่ เพิ่มขนาดพื้นที่รวม 300,000 ตารางเมตร ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม 5 เท่า  หรือ เทียบเท่ากับสนามฟุตบอลกว่า 50 สนาม การันตีคุณภาพ และมาตรฐานความเป็นสากลอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยการเพิ่ม 5 ไฮไลต์ สร้างความแตกต่างสุดยอดศูนย์ประชุมที่ดีที่สุดในประเทศไทย เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายของ QSNCC ในการเป็น The Ultimate Inspiring World Class Event Platform for All ระบุแม้ต้องเผชิญหลากปัจจัยที่ท้าทาย แต่มั่นใจก่อสร้างแล้วเสร็จส่งมอบงานตามกำหนด พร้อมเปิดบริการก.ย.65 นี้ ล่าสุดมียอดจองใช้พื้นที่ยาวถึง ธ.ค.65
นายวิทวัส คุตตะเทพ
นายวิทวัส คุตตะเทพ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายโครงการเชิงพาณิชยกรรม เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ คอมเมอร์เชียล (ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน) หรือ FPT เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาบริษัทฯได้รับความไว้วางใจจาก บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด หรือ NCC ให้ร่วมพัฒนาคอนเซ็ปต์ และบริหารงานก่อสร้างโครงการ “ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์” (Queen Sirikit National Convention Center หรือ QSNCC) โฉมใหม่ ด้วยความเชื่อมั่นในประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของ FPT ในการพัฒนาโครงการอสังหาฯ ชั้นนำหลายแห่ง ตลอดจนเป็นบริษัทฯ ภายใต้แบรนด์อสังหาริมทรัพย์ระดับโลกอย่าง “เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้” จึงเป็นการการันตีคุณภาพ และมาตรฐานความเป็นสากลอย่างเต็มรูปแบบ

“เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับความไว้วางใจจาก NCC ให้ร่วมพัฒนาคอนเซ็ปต์ และบริหารงานก่อสร้างศูนย์ฯ สิริกิติ์โฉมใหม่ ที่มีความทันสมัยและปลอดภัยสูง รองรับการจัดอีเวนต์ทุกรูปแบบ ตลอดจนงานประชุมสำคัญระดับโลก ด้วยเป้าหมายหมายการเป็นโครงการศูนย์ประชุมระดับเวิลด์คลาสแห่งใหม่ของเอเชีย โดยใช้คอนเซ็ปต์ สืบสาน รักษา ต่อยอด ในการออกแบบศูนย์ฯ สิริกิติ์ให้มีความร่วมสมัย พร้อมดึงศักยภาพของโครงการด้วยการเพิ่มขนาดพื้นที่รวม 300,000 ตารางเมตร(ตร.) ซึ่งใหญ่ขึ้นกว่าเดิมถึง 5 เท่า  หรือ เทียบเท่ากับสนามฟุตบอลกว่า 50 สนาม ทั้งนี้ บริษัทฯ จะนำประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ พร้อมด้วยเทคโนโลยีทันสมัยและองค์ความรู้ระดับนานาชาติของกลุ่มเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ มาใช้เพื่อพัฒนาโครงการ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับทีมงานมืออาชีพหลากหลายแขนงเพื่อให้มั่นใจว่าศูนย์ฯ สิริกิติ์โฉมใหม่นี้ จะมีคุณภาพและตามมาตรฐานเทียบเท่าระดับนานาชาติ โดยตั้งแต่เดือนกันยายน 2564 ที่ผ่านมาขณะนี้มีผู้จองใช้พื้นที่ตั้งแต่เดือนกันยายน-ธันวาคม 2565 แล้ว” นายวิทวัส กล่าว

อย่างไรก็ตามแม้ว่าที่ผ่านมาจะต้องเผชิญกับข้อจำกัดในเรื่องระยะเวลาการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ ที่มีรายละเอียดมาก และมีความท้าทายในการเสริมศักยภาพโครงการด้วยการเพิ่มชั้นใต้ดินกว่า 45% ของพื้นที่โครงการทั้งหมด สำหรับเป็นพื้นที่รีเทลและอาคารจอดรถได้มากถึง 3,000 คัน นอกจากนี้ ยังมีอุปสรรคจากการล็อกดาวน์แคมป์ก่อสร้างในช่วงเดือนมิถุนายนกรกฎาคม 2564 ร่วม 60 วัน แต่บริษัทฯ ยังคงสามารถรักษาไทม์ไลน์การก่อสร้างได้ตามแผน โดยปัจจุบันมีความคืบหน้าแล้วกว่า 60% ด้วยการบริหารงานเชิงรุก และวางแผนอย่างรอบครอบ พร้อมกับการร่วมมือกันระหว่างทีมงานมืออาชีพที่มีคุณภาพกว่า 30 บริษัท ทำให้สามารถเอาชนะกับทุกความท้าทายได้ด้วยดี FPT มั่นใจว่าจะสามารถพัฒนาและส่งมอบโครงการที่มีคุณภาพเทียบเท่าระดับสากล เพื่อให้ทันกับกำหนดการเปิดให้บริการในเดือนกันยายน 2565 อย่างแน่นอน

ส่วนทางเชื่อมรถไฟฟ้า MRT จะเพิ่มความสะดวกสบายสามารถเดินเข้าถึงศูนย์การประชุมฯได้เพียง 1 ก้าว โดยใช้งบลงทุนประมาณ 60 ล้านบาท ขณะนี้มีความคืบหน้าแล้ว 30%  คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนมิถุนายน 2565 และในส่วนของรีเทล ขณะนี้อยู่ในระหว่างการเจรจากับลูกค้าอยู่ จึงยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

และเพื่อเป็นการยกระดับศูนย์ฯ สิริกิติ์โฉมใหม่ให้เป็น The Ultimate Inspiring World Class Event Platform for All บริษัทฯ ได้เพิ่มไฮไลท์เด่น 5 ข้อ เพื่อสร้างความแตกต่างและความเป็นสุดยอดศูนย์ประชุมที่ดีที่สุดในประเทศไทย ได้แก่

1.Accessibility

การตั้งอยู่ในทำเลใจกลางเมืองบนถนนรัชดาภิเษก เชื่อมต่อแยกพระราม 4-รัชดา สามารถเข้าออกได้จาก 4 ถนนสำคัญของกรุงเทพฯ ได้แก่ ถ.พระราม 4 ถ.สุขุมวิท ถ.รัชดาภิเษก และ ถ.ดวงพิทักษ์ นอกจากนี้ยังเชื่อมรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ตรงถึงภายในศูนย์ฯสิริกิติ์

2.Safety

ระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุดตามมาตรฐานการดำเนินงานระดับสากล พร้อมคำนึงถึงความปลอดภัยด้าน Life Safety เพื่อรองรับการจัดงานระดับโลกทุกรูปแบบ

3.Technology

ระบบโครงสร้างพื้นฐานรองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงที่สุดในประเทศไทยรองรับได้ถึงอนาคต (6G) มั่นใจว่าจะสามารถสนับสนุนการจัดอิเวนต์รูปแบบออนไลน์และไฮบริดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนสามารถอำนวยความสะดวกการใช้งานอินเทอร์เน็ตให้แก่ผู้จัดงานและผู้เข้าชมได้อย่างไร้ขีดจำกัด นอกจากนี้ ศูนย์ฯ สิริกิติ์ได้ติดตั้งระบบเข้าใช้งานพื้นที่แบบไร้สัมผัส (Touchless Access) และใช้ระบบบริหารอาคารอัจฉริยะ (Intelligence Event Platform Management System) ในการควบคุมการให้บริการพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัยขั้นสูงสุด

4.Flexibility

พื้นที่โครงการขนาด 300,000 ตารางเมตร ประกอบด้วยฮอลล์ขนาดใหญ่ 2 ฮอลล์ ห้องสำหรับจัดประชุมสัมมนาขนาดใหญ่ 2 ห้อง และ ห้องประชุมกว่า 50 ห้อง จึงมีความยืดหยุ่นในการรองรับความต้องการด้านอีเวนต์และงานประชุมทุกรูปแบบ ตอบโจทย์การเป็น Event Platform for All ทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันภายในโครงการด้วยพื้นที่รีเทลที่เป็นแหล่งรวม Active Lifestyle ใหม่ของกรุงเทพฯ

5.Sustainability

ศูนย์ประชุมแห่งแรกและแห่งเดียวของไทยที่ผ่านมาตรฐานอาคารเขียว LEED ระดับ Silver ที่มีการวางแผนการพัฒนาตั้งแต่ต้นจนแล้วเสร็จ เน้นการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า 25% และวัสดุที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้มากกว่า 75%  การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์โดยรอบโครงการ และใช้อุปกรณ์อัตโนมัติเพื่อลดการใช้พลังงานไฟฟ้าและน้ำ  นอกจากนี้ ยังเป็นศูนย์ประชุมแห่งเดียวที่ห้อมล้อมด้วยพื้นที่สีเขียวผืนใหม่ล่าสุดของกรุงเทพฯ “สวนป่าเบญจกิติ”

“ต้องยอมรับว่าในช่วงวิกฤติโควิด-19  หลายธุรกิจต่างได้รับผลกระทบ แม้ในส่วนของบริษัทฯเองก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน แต่จากการที่บริษัทฯมีธุรกิจที่หลากหลาย จึงทำให้ช่วยบรรเทาจากผลกระทบจากโควิด-19 ส่งผลให้มีผลประกอบการที่ดีอยู่” นายวิทวัส กล่าวในที่สุด

 

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*