นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ LALIN เปิดเผยว่า จากผลสำรวจความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคในปัจจุบันพบว่าบ้านระดับราคา 5-8 ล้านบาทยังคงเป็นที่ต้องการอยู่ โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าที่ต้องการขยายครอบครัวที่ใหญ่ขึ้น ทำให้บ้านขนาดใหญ่ที่มีห้องอเนกประสงค์ชั้นล่างได้รับความสนใจ เพราะสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันการใช้งานได้ตามที่ต้องการ โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ต้อง work from home หรือมีลูกเรียนออนไลน์ รวมทั้งปรับเป็นห้องนอนสำหรับผู้สูงอายุได้ด้วย บริษัทจึงได้พัฒนาปรับโฉมแบรนด์บ้านเดี่ยวจาก “บ้านลลิล” ไปเป็นแบรนด์ “บ้านลลิล The Prestige” เพื่อรองรับกลุ่มบ้านระดับราคา 5-8 ล้านบาท

โดยได้เปิดตัวโครงการแรก “บ้านลลิล The Prestige” ประชาอุทิศ – สุขสวัสดิ์ บนพื้นที่ 39 ไร่ มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท จำนวน 181 ยูนิต ออกแบบสไตล์ French Colonial ที่ได้แรงบันดาลใจจากพระราชวังแวร์ซายและสวนโพรวองซ์ (Provence) มีแบบบ้านให้เลือกถึง 4 แบบบ้าน ประกอบไปด้วย แบบบ้าน IMPERIAL พื้นที่ใช้สอย 174 ตร.ม. 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องครัว  2 ที่จอดรถในร่ม  ส่วนอีก 3 แบบเป็นบ้านขนาด3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องครัว  2 ที่จอดรถ คือ แบบบ้าน GORGEOUS A พื้นที่ใช้สอย 154 ตร.ม. แบบบ้าน GORGEOUS B พื้นที่ใช้สอย 154 ตร.ม. และแบบบ้าน GARISH พื้นที่ใช้สอย 154  ตร.ม. โดยได้เปิดขายเฟสแรกก่อน 30 ยูนิต ได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าค่อนข้างดีจนใกล้จะปิดการขายแล้ว ล่าสุดได้เปิดขายเฟสที่ 2 เพิ่ม

“เอกลักษณ์ของบ้านลลิล The Prestige คือการนำนวัตกรรมประหยัดพลังงานเข้ามาใช้ในการพัฒนาบ้านและพื้นที่ส่วนกลางของโครงการเพิ่มมากขึ้น เพื่อลดการใช้พลังงานและเป็นบ้านที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เริ่มตั้งแต่การออกแบบภายในบ้านให้สูงโปร่งสบาย มีการหมุนเวียนระบายอากาศภายในบ้าน สามารถจัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้อย่างลงตัวโดยไม่มีเหลี่ยมเสา เพิ่มพื้นที่ห้องเก็บของให้มีขนาดใหญ่ขึ้น  รวมทั้งเลือกใช้วัสดุที่เป็นนวัตกรรมเทคโนโลยีเพื่อโลกสีเขียว อาทิ แผ่นสะท้อนกันความร้อน สีสะท้อนความร้อนออกจากตัวบ้าน ตลอดจนการติดตั้งสุขภัณฑ์ประหยัดน้ำและกำจัดแบคทีเรีย เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัยภายในบ้านลลิล The Prestige”

นอกจากนี้ยังมีคลับเฮ้าส์ที่มาพร้อมฟิตเนสและสระว่ายน้ำ ติดตั้งระบบไฟแสงสว่างในพื้นที่ส่วนกลางแบบ LED ด้วยระบบโซล่าร์เซล พร้อมระบบหมุนเวียนน้ำเพื่อดูแลสวนส่วนกลาง กล้องวงจรปิดบริเวณโครงการพร้อมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ที่เข้าออกโครงการด้วยระบบ keycard access

สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2564 บริษัทตั้งเป้าเปิดตัวโครงการใหม่ 9-11โครงการ ล่าสุดได้มีการเปิดตัวโครงการตามแผนที่วางไว้จำนวน 9 โครงการมูลค่าโครงการรวม 6,000 ล้านบาท  ขณะที่เป้ายอดขายปีนี้ตั้งไว้ 7,000ล้านบาท ในช่วง 8เดือนที่ผ่านมาทำยอดขายได้แล้ว 6,300 ล้านบาท คาดว่าในช่วงเวลาที่เหลืออีก 4เดือนจะทำยอดขายได้ตามเป้า โดยมีสินค้าพร้อมขายที่เป็นบ้านสร้างเสร็จพร้อมโอนประมาณ 1,100-1,200 ล้านบาท และอยู่ระหว่างก่อสร้างอีก 2,000-3,000 ล้านบาท

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*