‘บริทาเนีย’ สวนกระแสรุกหนักไตรมาสสุดท้าย เปิดตัวบ้านแนวราบ 6 โครงการใหม่ภายใต้แบรนด์ “ไบรตัน – บริทาเนีย – แกรนด์ บริทาเนีย” มูลค่าโครงการรวม 4,300 ล้านบาท ในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และจังหวัดภาคตะวันออก เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้านิคมอุตสาหกรรมในเขต EEC ตอบสนองดีมานด์และรับโอกาสเศรษฐกิจฟื้นตัวหลังรัฐบาลประกาศเปิดประเทศ 1 พ.ย.นี้ิ

นางศุภลักษณ์ จันทร์พิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน)
เปิดเผยว่า หลังจากรัฐบาลได้ประกาศนโยบายเปิดประเทศในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้และเตรียมพิจารณาผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เพิ่มขึ้น ประกอบกับภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบ ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม ที่มีความต้องการอย่างต่อเนื่องจากกลุ่มลูกค้าที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง บริษัทจึงได้วางแผนเปิดตัวโครงการบ้านแนวราบในช่วงไตรมาส 4 นี้จำนวน 6 โครงการ ในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑลและต่างจังหวัด รวมมูลค่าโครงการ 4,300 ล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการซื้อบ้านของผู้บริโภคในช่วงโค้งสุดท้ายที่คาดว่าจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง ประกอบด้วย

โครงการไบรตัน บางปะกง เป็นทาวน์โฮมหน้ากว้าง 8 เมตร เน้นความโปร่งโล่งด้วยเพดานสูง 2.8 เมตร ดีไซน์สไตล์ Modern English  จำนวน 211 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 2.5 – 4 ล้านบาท มูลค่าโครงการรวม 650 ล้านบาท ตั้งอยู่ติดทางด่วน มอเตอร์เวย์ บูรพาวิถี รองรับกลุ่มลูกค้าที่ทำงานในนิคมอุตสาหกรรมหรือย่านใกล้เคียง

โครงการบริทาเนีย แพรกษา สเตชั่น ใกล้กับรถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีแพรกษา มีทั้งทาวน์โฮมและบ้านแฝด 197 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 2.89 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 850 ล้านบาท โครงการบริทาเนีย ติวานนท์ – ราชพฤกษ์ เป็นบ้านเดี่ยวจำนวน 122 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 6 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 700 ล้านบาท ตั้งอยู่ติดถนนสายกรุงเทพฯ – ปทุมธานี ใกล้ทางด่วนศรีสมาน

โครงการแกรนด์ บริทาเนีย นนทบุรี สเตชั่น ตั้งอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้า MRT สถานีแยกนนทบุรี 1 ประกอบด้วย บ้านแฝดและบ้านเดี่ยวจำนวน 62 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 7 – 11 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 550 ล้านบาท โครงการแกรนด์ บริทาเนีย บางนา – สุวรรณภูมิ ประกอบด้วยบ้านแฝดและบ้านเดี่ยวจำนวน 107 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 6.99 – 11 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 700 ล้านบาท และโครงการแกรนด์ บริทาเนีย พระราม 9 – กรุงเทพกรีฑา เป็นบ้านเดี่ยว 96 ยูนิต ราคา 8.99 – 15 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 850 ล้านบาท

“บริษัทฯประเมินว่าในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ถือเป็นโอกาสดีในการลงทุนเปิดตัวโครงการใหม่อีกครั้ง หลังจากภาพรวมเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวและความเชื่อมั่นผู้บริโภคเริ่มมีเพิ่มมากขึ้น  ซึ่งเป็นผลมาจากการประกาศนโยบายเปิดประเทศและอัตราการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่จะกลับมาคึกคัก สอดรับกับข้อมูลการศึกษาและพัฒนาโครงการใหม่ภายใต้แนวคิด Human Centric ของบริษัท เพื่อพัฒนาแบบบ้านและฟังก์ชันที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยในยุคปัจจุบันได้อย่างครบถ้วน พร้อมทั้งนำเสนอบริการก่อนและหลังการขายที่ไม่ได้จำกัดแค่พื้นที่อยู่อาศัยเพียงอย่างเดียว แต่ยังเพิ่มความสะดวกสบายแก่ลูกค้าในการใช้ชีวิตในทุกโครงการ” นางศุภลักษณ์กล่าว

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*