เอพีฯเผยนโยบายเปิดประเทศ ผนวกการเร่งฉีดวัคซีนและผ่อนคลายล็อกดาวน์ ส่งสัญญาณบวกต่อตลาดคอนโดฯอย่างมีนัยสำคัญ เชื่อนักลงทุนต่างชาติมีแนวโน้มกลับมาซื้ออสังหาฯไทยแน่นอน ด้านผู้ประกอบการเร่งอัดแคมเปญเร้าใจหวังดันยอดขาย-รายได้โค้งสุดท้ายตามเป้า ล่าสุดเตรียมเปิด“ไลฟ์ พระราม4-อโศก”(LIFE RAMA4-ASOKE)มูลค่าโครงการ 6,700 ล้านบาท พร้อมเปิดพรีเซลวันที่ 16-17 ต.ค.64 คาดกวาดยอดขายได้ประมาณ 25-30% เชื่ออัตราการดูดซับทำเลพระราม4 ยังดีต่อเนื่อง
เอพีฯเผยนโยบายเปิดประเทศ ผนวกการเร่งฉีดวัคซีนและผ่อนคลายล็อกดาวน์ ส่งสัญญาณบวกต่อตลาดคอนโดฯอย่างมีนัยสำคัญ เชื่อนักลงทุนต่างชาติมีแนวโน้มกลับมาซื้ออสังหาฯไทยแน่นอน ด้านผู้ประกอบการเร่งอัดแคมเปญเร้าใจหวังดันยอดขาย-รายได้โค้งสุดท้ายตามเป้า ล่าสุดเตรียมเปิด“ไลฟ์ พระราม4-อโศก”(LIFE RAMA4-ASOKE)มูลค่าโครงการ 6,700 ล้านบาท พร้อมเปิดพรีเซลวันที่ 16-17 ต.ค.64 คาดกวาดยอดขายได้ประมาณ 25-30% เชื่ออัตราการดูดซับทำเลพระราม4 ยังดีต่อเนื่อง
นางสาวกมลทิพย์ บำรุงชาติอุดม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจคอนโดมิเนียม บริษัท เอพี(ไทยแลนด์)จำกัด(มหาชน)หรือ AP เปิดเผยว่า จากการที่ภาครัฐมีนโยบายเปิดประเทศในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 นั้น ถือว่าจะช่วยเป็นปัจจัยบวกของตลาดคอนโดมิเนียมอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งมีการเร่งฉีดวัคซีนให้ได้ตามเป้าหมายมากขึ้น รวมไปถึงมีการประกาศผ่อนคลายล็อกดาวน์ไปมากพอสมควร จะช่วยทำให้อารมณ์ของผู้ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยกลับคืนสู่ตลาด โดยเฉพาะชาวต่างชาติ ที่มีแนวโน้มจะกลับมาลงทุนซื้อที่อยู่อาศัยในประเทศไทยมากขึ้น เพราะยังเป็นราคาที่จับต้องได้ การันตีผลตอบแทนการลงทุนดี มีการบริหารจัดการค่อนข้างง่าย เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอย่าง สิงคโปร์ และมาเลเซีย ที่คอนโดฯมีราคาสูงมาก ปัจจัยดังกล่าว จะช่วยดึงชาวต่างชาติให้กลับมาอย่างแน่นอน ขณะเดียวกันผู้ประกอบการก็มีการจัดแคมเปญมากมาย เพื่อดันยอดขายและรายได้ในไตรมาส 4/2564 ให้ได้ตามเป้าเช่นกัน
“ตลาดคอนโดฯในปัจจุบันนั้นไม่เหมือนสมัยก่อน เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป ขณะเดียวกันเศรษฐกิจก็ยังไม่ฟื้นตัว ดังนั้นภาพการเปิดตัวโครงการแล้วสามารถปิดการขายภายในระยะเวลาอันรวดเร็วนั้น คงยังไม่ใช่ตอนนี้ ผู้ประกอบการจะค่อยๆทยอยเปิดขายในบางส่วน ไม่เร่งปิดขายเช่นในอดีต แต่ก็เชื่อว่าภายในระยะเวลา 1-2 ปี บรรยากาศการปิดขายเร็วจะกลับมาอีกครั้งหนึ่ง เพราะขณะนี้เริ่มมีสัญญาณบวกให้เห็นบ้างแล้ว”นางสาวกมลทิพย์ กล่าว
“ตลาดคอนโดฯในปัจจุบันนั้นไม่เหมือนสมัยก่อน เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป ขณะเดียวกันเศรษฐกิจก็ยังไม่ฟื้นตัว ดังนั้นภาพการเปิดตัวโครงการแล้วสามารถปิดการขายภายในระยะเวลาอันรวดเร็วนั้น คงยังไม่ใช่ตอนนี้ ผู้ประกอบการจะค่อยๆทยอยเปิดขายในบางส่วน ไม่เร่งปิดขายเช่นในอดีต แต่ก็เชื่อว่าภายในระยะเวลา 1-2 ปี บรรยากาศการปิดขายเร็วจะกลับมาอีกครั้งหนึ่ง เพราะขณะนี้เริ่มมีสัญญาณบวกให้เห็นบ้างแล้ว”นางสาวกมลทิพย์ กล่าว
ล่าสุดบริษัทเตรียมเปิดตัวโครงการ “ไลฟ์ พระราม4-อโศก”(LIFE RAMA4-ASOKE) ซึ่งเป็นโครงการที่ 19 ที่ร่วมทุนกับกลุ่มมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป ตั้งอยู่บนพื้นที่ทั้งหมด 5 ไร่เศษ บริเวณริมถนนพระราม 4 เป็นคอนโดฯสูง 39 ชั้น 1 อาคาร ขนาดตั้งแต่ 26.5-75 ตารางเมตร ราคาขายเริ่มต้นที่ 3.99-12.5 ล้านบาท หรือราคาเฉลี่ย 186,700 บาท/ตารางเมตร จำนวน 1,237 ยูนิต มูลค่าโครงการ 6,700 ล้านบาท โดยจะเปิดพรีเซลในวันที่ 16-17 ตุลาคม 2564 นี้ ซึ่งจะเป็นการทยอยนำคอนโดฯมาเปิดขายก่อน 10 ชั้น รวม 460 ยูนิต คาดว่าในช่วงระยะ 2 วันที่เปิดตัว จะสามารถทำยอดขายได้ประมาณ 25-30%
ปัจจุบันทำเลย่านพระราม 4 ยังมีผู้ประกอบการเข้ามาพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำเลพระราม 4 จะแบ่งเป็น 2 โซนหลัก คือ
1.พระราม 4-พระโขนง ซึ่งมีผู้ประกอบการพัฒนาคอนโดฯ ระดับราคา 140,000-160,000 บาท/ตารางเมตร ประมาณ 4 ราย รวม 2,900 ยูนิต ปัจจุบันมียอดขายรวมเหลือประมาณ 1,400 ยูนิต
2.พระราม4-จุฬาฯ มีผู้ประกอบการพัฒนาคอนโดฯ ระดับราคา180,000-200,000 บาท/ตารางเมตร ประมาณ 3 ราย รวม 1,400-1,500 ยูนิต ปัจจุบันมีห้องชุดเหลือขายประมาณ 800-900 ยูนิต
ซึ่งโครงการ“ไลฟ์ พระราม4-อโศก” ถือว่าเป็นทำเลที่อยู่กึ่งกลางระหว่าง 2 โซนดังกล่าวข้างต้น มองว่าอัตราการดูดซับในทำเลพระราม4 ยังดีอย่างต่อเนื่อง และเชื่อว่าลักษณะการดีไซน์จะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้าที่เป็นในรูปแบบ “Work from Anywhere” และเป็นโครงการที่ 2 ที่เปิดตัวในย่านพระราม 4 หลังจากที่ประสบความสำเร็จจากโครงการ “แอสปาย พระราม 4” (Aspire Rama 4) มาแล้ว โดยคาดว่าการก่อสร้างโครงการจะแล้วเสร็จในไตรมาส 2/2567
