“สัมมากร” กางแผนขยายฐานลุยตลาดบ้านหรูครั้งแรกในรอบ 50 ปี จับมือ “แอสเซท โปร” คิกออฟโครงการ “โพรวิเดนซ์ เลน เอกมัย-รามอินทราบ้านเดี่ยวระดับลักชัวรี่ เพียง 12 ยูบนไพร์มโลเคชั่นเอกมัย-รามอินทรา ราคาเริ่มต้น 30 ล้านบาท มูลค่าโครงการกว่า 500 ล้านบาท เตรียมเปิดพรีเซลวันที่ 9 –10 ต.ค.64 นี้ ด้านซีบีอาร์อีระบุตลาดบ้านเดี่ยวระดับพรีเมียมยังมีดีมานด์ และเปิดตัวโครงการใหม่สูง โดยเฉพาะทำเลกรุงเทพฯชั้นในฝั่งตะวันออก-ตอนเหนือ
นายณพน เจนธรรมนุกูล
นายณพน เจนธรรมนุกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) หรือ SAMCO เปิดเผยถึงภาพรวมการดำเนินงานที่ผ่านมาว่า  จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังคงส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ ซึ่งได้ติดตามและประเมินผลกระทบต่างๆ เพื่อปรับแผนการดำเนินงานให้ทันต่อสถานการณ์ดังกล่าวเสมอ ไม่ว่าจะเป็นภาพรวมขององค์กรและสินค้า ที่มีการปรับเปลี่ยนทั้งภาพลักษณ์ ฟังก์ชั่น ดีไซน์ ให้มีความทันสมัย สามารถตอบโจทย์ความต้องการแต่ละเซกเมนต์ ของตลาด ส่งผลให้ที่ผ่านมาบริษัทฯ มีการเติบโตไปในทิศทางบวก และยังคงมีเรียลดีมานด์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง  โดย 6 เดือนแรกปี 2564 มีรายได้รวมอยู่ที่ 716.39 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 6.52% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2563 ที่มีรายได้รวมจำนวน 672.52 ล้านบาท และตลอดปี 2563 มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,701.50 ล้านบาท
“ต้องยอมรับว่าตอนนี้ตลาดมีการแข่งขันค่อนข้างมาก โดยเฉพาะช่วงสถานการณ์ที่มีปัจจัยลบเข้ามาส่งผลกระทบ    ทำให้กลุ่มผู้ประกอบการต่างต้องหาวิธีเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจของตนเองให้ยังดำเนินต่อไป สัมมากรก็เช่นเดียวกัน  ที่ผ่านมาเรามีการปรับตัวอยู่เสมอ โดยเฉพาะเรื่องการพัฒนาระบบภายในเพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพและเท่าทันต่อความต้องการของลูกค้า ทั้งในด้านการพัฒนาโครงการและการทำแคมเปญตลาด ทั้งนี้จากการสำรวจความต้องการปัจจุบันเราเล็งเห็นว่าในบางเซกเมนต์ยังคงมีดีมานด์อยู่อย่างต่อเนื่องนายณพน กล่าว

นายณพน กล่าวต่อไปว่า จากประสบการณ์มาตลอดระยะเวลากว่า 50 ปีของสัมมากร บริษัทฯมีความพร้อมและมั่นใจ  ในศักยภาพรอบด้านในการพัฒนาโครงการเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกเซกเมนต์ และล่าสุดได้จับมือกับ แอสเซท โปร พัฒนาโครงการ “โพรวิเดนซ์ เลน เอกมัย-รามอินทรา” (PROVIDENCE LANE Ekkamai-Ramintra) ตั้งอยู่บริเวณทำเลเอกมัยรามอินทรา บนพื้นที่ 3 ไร่เศษ พัฒนาในรูปแบบของบ้านเดี่ยวระดับลักชัวรี่ 3 ชั้น ขนาดตั้งแต่ 64.5 – 100.4 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 428 – 712 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 30 ล้านบาทมูลค่าโครงการกว่า 500 ล้านบาท โดยเตรียมเปิดพรีเซลในวันที่ 9 – 10 ตุลาคม 2564 

นายกล้ายุทธ จินตนะกุล

นายกล้ายุทธ จินตนะกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอสเซท โปร กรุ๊ป จำกัด ผู้นำด้านการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์โซนภาคตะวันออกเฉียงเหนือในเครือสิริมงคล และธุรกิจรถยนต์นำเข้าระดับพรีเมี่ยมภายใต้แบรนด์ “Rabbit Auto Craft” กล่าวว่าถึงความร่วมมือครั้งสำคัญว่า การร่วมทุนครั้งนี้ถือว่าเป็นการขยายตลาดมาสู่ศูนย์กลางเศรษฐกิจ โดยสัมมากรฯถือหุ้นสัดส่วน 51% และแอสเซทโปร กรุ๊ป ถือหุ้นสัดส่วน 49% และเชื่อมั่นว่าจากประสบการณ์การดูแลลูกค้าระดับพรีเมี่ยมและกลุ่มนิชมาร์เก็ตของบริษัท ผนวกกับความเชี่ยวชาญของทีมงานสัมมากรในด้านการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยคุณภาพสูง จะสร้างความต่างที่ตอบโจทย์ความต้องการกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ รวมถึงสามารถสร้างความพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้ากลุ่มนี้ และส่งผลให้โครงการดังกล่าวประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน

นายกล้ายุทธ จินตนะกุล

ด้าน นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด (CBRE) ที่ปรึกษาด้านงานขาย กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ได้ส่งผลต่อสภาวะเศรษฐกิจและมีผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวมที่ชะลอตัว ทั้งนี้ตลาดบ้านเดี่ยวถือว่าเป็นตลาดที่ได้รับผลกระทบน้อยกว่าตลาดคอนโดมิเนียมเพราะเป็นตลาดของผู้อยู่อาศัยเอง (End User) เป็นหลัก โดยตลาดบ้านเดี่ยวโดยเฉพาะระดับลักชัวรี่ที่มีราคาตั้งแต่  30 ล้านบาทขึ้นไปยังค่อนข้างคึกคัก มีการเปิดตัวสูงถึง 439 ยูนิตในปี 2563 และมียอดขายอยู่ในเกณฑ์คงที่ประมาณ 60–68% ปัจจัยสำคัญเพราะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง ประกอบกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้คนเห็นความสำคัญของบ้านมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องพื้นที่และฟังก์ชั่นการใช้งาน ทำเลที่ได้รับความนิยมมากอันดับต้นๆ คือ กรุงเทพฯชั้นในฝั่งตะวันออกและตอนเหนือ โดยทำเลกรุงเทพฯ ชั้นในฝั่งตะวันออกมีโครงการมากสุดถึง 1,073 ยูนิต

ส่วนฝั่งเหนือมีซัพพลายน้อยกว่าด้วยข้อจำกัดของที่ดิน ทำให้มีอัตราการดูดซับดีที่สุดและมียอดขายไปแล้ว 87% ในด้านพฤติกรรมของผู้บริโภคเนื่องด้วยสถานการณ์ปัจจุบันส่งผลลูกค้ากลุ่มนี้ให้ความสำคัญเรื่องพื้นที่ใช้สอยและฟังก์ชั่นต่างๆ ที่ต้องสามารถปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับกิจกรรมที่หลากหลาย มีพื้นที่สีเขียวที่เชื่อมต่อกับพื้นที่ภายในบ้าน มีการนำเอานวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวก อาทิ ERV (Energy Recovery Ventilator) เครื่องแลกเปลี่ยนอากาศ   ที่ช่วยดูดความร้อนออกจากบ้านและเติมความเย็นเข้าไปในตัวบ้านทำให้บ้านเย็น เป็นต้น และอีกสิ่งที่ขาดไม่ได้คือเรื่องทำเล ลูกค้ากลุ่มนี้จะให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมรอบโซนที่อยู่อาศัย เน้นใกล้เมืองที่สามารถเดินทางเข้าออกได้หลายทาง เชื่อมต่อไปยังโซนต่างๆ ได้ง่าย และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมีอยู่ใน PROVIDENCE LANE Ekkamai-Ramintra

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*