Prop2morrow รีวิวตอนนี้ เราอยากพาทุกท่านมารู้จักกับโครงการบ้านเดี่ยวที่มีเอกลักษณ์ และความน่าสนใจ ที่ถูกออกแบบอย่างบรรจง ตั้งอยู่ในเขตบ้านฉาง เมืองชายทะเลที่มีความสงบน่าพักอาศัย ที่มีความสำคัญและยังเป็นเขตที่ตั้งของสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาอีกด้วย  ซึ่งตัวโครงการได้นำเสนอรูปแบบโครงการที่มีความสวยงาม เป็นเอกลักษณ์ ด้วยสไตล์การออกแบบแนวนอร์ดิก ที่เรียบง่าย อยู่สบายพร้อมฟังก์ชันการออกแบบพื้นที่ภายในตัวบ้านที่เข้าใจพฤติกรรมของผู้อยู่อาศัย  พร้อมคลับเฮ้าส์และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ที่นี่คือ THE ESTIRO by Colours development

ถ้าหากพูดถึง Colour Development  หลายๆ คนอาจจะร้องเอ๊ะว่า นี่ Developer ใหม่เหรอ ทำไมไม่ค่อยคุ้นเลย แต่ต้องบอกว่า Colour Development ผู้พัฒนาโครงการ THE ESTIRO ก่อตั้งขึ้นจากการรวมตัวของนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีประสบการณ์การพัฒนาโครงการมาแล้วมากมายทั้งคอนโดมิเนียม และโครงการหมู่บ้านขนาดใหญ่ ในเขตภาคตะวันออกและกรุงเทพมหานคร  ซึ่งหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Colour Development คือ  Sirasa group ที่พัฒนาโครงการหมู่บ้านที่ชาวระยองและชลบุรีรู้จักกันดีอย่าง The Palm, The Palm Valley, เซนสิริ เป็นต้น  ซึ่งในวันนี้ THE ESTIRO คือโครงการบ้านเดี่ยวโครงการแรกที่จังหวัดระยอง ในนาม Colour Development เปิดตัวโครงการใหม่ครั้งนี้จึงต้องทำการบ้านมาอย่างหนักเพื่อสร้างการจดจำและประทับใจ

โครงการ  THE ESTIRO เป็นโครงการบ้านเดี่ยวที่อยู่บนที่ดินขนาด 44 ไร่ พัฒนาขึ้นเป็นบ้านในรูปแบบบ้านเดี่ยวจำนวน 191 หลัง พร้อมคลับเฮ้าส์และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบถ้วนให้มากกว่าโครงการใดๆ ในระดับราคาเดียวกัน โครงการจับลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการขยายครอบครัว หรือขยายพื้นที่รองรับการใช้งานพื้นที่ภายในบ้านที่มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มครอบครัวใหญ่ที่มีหลายเจนเนอเรชั่นอยู่ร่วมกันภายในบ้าน

ทำเลติดถนนใหญ่ ใกล้สนามบิน

THE ESTIRO ตั้งอยู่ในทำเลที่ติดถนนใหญ่เทศบาล 3 ซึ่งห่างจากสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาเพียง 13.6 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าไม่ได้ไกลมากนัก ขับรถไม่กี่นาทีก็ถึงแล้ว  หรือถ้าจะเดินทางเข้ากรุงเทพหรือชลบุรีก็สามารถขับรถตัดเข้าเส้นถนน สุขุมวิท หรือถ้าเร่งด่วนมากก็สามารถใช้ถนนมอเตอร์เวย์กรุงเทพ-บ้านฉางก็ยังได้ ซึ่งห่างจากตัวโครงการไปไม่ไกลมากนัก

อย่างที่บอกว่าตัวโครงการเองตั้งใจจับกลุ่มลูกค้าที่เป็นคนทำงาน โดยเฉพาะกลุ่มที่ทำงานตามนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งอยู่ในเขตบ้านฉางเป็นกลุ่มหลัก ซึ่งในย่านนี้เราทราบกันดีว่า เป็นกลุ่มลูกค้าที่ทำงานตามนิมอุตสาหกรรมใกล้ๆ อาทิ นิคมฯ มาบตาพุด หรือนิคมฯ ผาแดง ซึ่งสามารถเดินทางไปทำงานได้อย่างสะดวก ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที ลูกค้ากลุ่มนี้มักเป็นกลุ่มที่เริ่มวางแผนครอบครัว หรือขยายครอบครัว ดังนั้น สิ่งแวดล้อมและ Lifestyle การใช้ชีวิตก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ให้ความสำคัญและที่ THE ESTIRO ก็สามารถเป็นคำตอบให้ลูกค้ากลุ่มนี้ได้ เพราะสามารถใช้ชีวิต WORK LIFE BALANCE ได้ ทั้งใกล้แหล่งงาน ใกล้โรงเรียนนานาชาติ และโรงพยาบาลถึง 2 แห่ง ทั้งโรงพยาบาลบ้านฉาง และโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์  ซึ่งแน่นอนในสภาวะแบบนี้การได้อยู่ในบ้านที่ไม่ไกลโรงพยาบาลมากนักย่อมทำให้อุ่นใจได้มากยิ่งขึ้น และเมื่อในช่วงเวลาวันหยุดพักผ่อนก็ยังเดินทางไปเที่ยวในสถานที่พักผ่อนใกล้ๆ ได้อีกมากมาย อาทิ สระมรกต หาดพยูน หาดพลา และสนามกอล์ฟ เป็นต้น

สถานที่ใกล้เคียง

มอเตอร์เวย์สายกรุงเทพ-บ้านฉาง
สนามบินอู่ตะเภา 13.6 กม. (16นาที)
โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ 11.7กม. (15นาที)
โรงพยาบาลบ้านฉาง 7.5กม. (11 นาที)
หาดพยูน 6.7กม.
หาดพลา 4.8 กม. (8 นาที)
สระมรกต 4.4กม. (7 นาที)
สนามกอล์ฟ อีสเทิร์นสตาร์กอล์ฟ 2.9กม. (6 นาที)
โรงเรียนนานาชาติสวนระยอง 550 เมตร (2 นาที)

 

ตัวโครงการนำเสนอความเป็นบ้านแบบโมเดิร์นสไตล์นอร์ดิก ซึ่งเป็นรูปแบบบ้านที่มีความสวยงามมีเอกลักษร์และรูปแบบโครงการที่ทันสมัยที่สุดในระยอง ซึ่งตั้งแต่ผ่านซุ้มประตูโครงการที่มีจุดรักษาความปลอดภัยของพี่ๆ เจ้าหน้าที่ รปภ. พร้อมกล้อง CCTV ตรวจสอบคัดกรองผ่านการเข้าออก สร้างความอุ่นใจให้กับลูกบ้านที่นี่ได้เป็นอย่างดี

ที่ดินโครงการกว่า 44 ไร่ ถูกจัดวางผังให้เป็นโครงการหมู่บ้าน 191 หลัง โดยจับเอาพื้นที่ส่วนกลางทั้งส่วนของพื้นที่สวนสาธารณะและคลับเฮ้าส์ที่เป็นพื้นที่พักผ่อนและสันทนาการของลูกบ้านไว้ในจุดใจกลางโครงการ ซึ่งจะช่วยให้ลูกบ้านส่วนใหญ่สะดวกในการเข้าใช้งานได้ โดยโครงการตอนนี้เริ่มเปิดขายในโซนที่ใกล้กับพื้นที่ส่วนกลางก่อน ซึ่งหากใครสนใจช่วงนี้ และอยากได้บ้านตำแหน่งที่ใกล้คลับเฮ้าส์ก็อาจจะต้องรีบหน่อย

สำหรับพื้นที่ส่วนกลางและสิ่งอำนวยความสะดวกที่อยู่ภายในคลับเฮ้าส์ต้องบอกว่าทางทีมผู้พัฒนาโครงการเล่นใหญ่จัดมาให้ลูกบ้านแบบสุดหรูและมากกว่าใครในทำเลเดียวกัน สมกับเป็นโปรเจ็กต์แรกที่ต้องการสร้างชื่อเสียงและการจดจำถึงมาตรฐานของ Colour Development  ที่รูปแบบส่วนกลางมีความมากกว่าโครงการบ้านเดี่ยวทั่วๆ ไป และให้ส่วนกลางที่เหมือนการอยู่อาศัยในแบบคอนโดมิเนียมหรูในเมืองเลยทีเดียว

รายละเอียดส่วนกลางและสิ่งอำนวยความสะดวก

CLUBHOUSE Co-working space Co-Kitchen
FITNESS SWIMNING POOL SAUNA ROOM
KID POOL HEALTH YARD LARGE GREEN AREA
KID ZONE JOGGING TRACK DOUBLE GATE SECURITY
24 HR SECURITY CCTV

 

Facilities

CLUBHOUSE

Fitness and Co working

Co-working

ในพื้นที่จริงๆ ตอนนี้เริ่มสัมผัสความตั้งใจที่ทางทีมผู้พัฒนาโครงการต้องการนำเสนอรูปแบบโครงการนำความร่มรื่นแบบเรียบหรู อยู่แล้วสบายในแบบ Nordica การให้ความสำคัญกับพื้นที่สีเขียวที่เตรียมไว้ให้ขนาดใหญ่กว่า 470 ตร.ม. เพื่อให้เป็นปอดที่ช่วยฟอกอากาศให้กับลูกบ้าน ซึ่งทางโครงการได้ออกแบบ Health Yard  เพื่อให้ลูกบ้านที่ชอบออกกำลังกายกลางแจ้งสามารถมีพื้นที่ออกกำลังกายและได้สัมผัสอากาศและความชุ่มชื่นของต้นไม้ที่อยู่ภายในโครงการอีกด้วย

 

 

 

แบบบ้านใหญ่ตั้งแต่ขนาดเริ่มต้น ตอบรับทุกความต้องการการใช้พื้นที่ที่แตกต่างกัน

โครงการ THE ESTIRO  ได้นำเสนอความเป็นบ้านเดี่ยวที่ให้พื้นที่ใช้สอยมาก และเน้นฟังก์ชันภายในบ้านที่เชื่อมต่อการใช้งานถึงกันได้อย่างดี และมีการเลือกสรรค์วัสดุเกรดดี มาใช้งานเพิ่มความพรีเมียมของโครงการ  โดยแบบบ้านมีให้เลือกทั้งแบบชั้นเดียว ขนาดพื้นที่ใช้สอยเริ่มต้นที่ 153 ตร.ม. ไปจนถึงบ้านเดี่ยวแบบ 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอยสูงสุดถึง 221 ตร.ม. เลยทีเดียว ซึ่งบ้านแต่ละแบบได้นำสไตล์บ้านแบบนอร์ดิก ที่ให้ความสูงโปร่งของยอดจั่วบ้าน มาสร้างเอกลักษณ์ ภายนอกให้น่าจดจำและยังได้ประโยชน์ของการใช้พื้นที่ภายในบ้านในบางห้องที่สูงโปร่งขึ้น ช่วยให้ไม่อึดอัดและสบายตา

IRIS 153 ตร.ม.

ROSE 165 ตร.ม.

PRAIRIE 185 ตร.ม.

CAMELLIA 221 ตร.ม.

2 ชั้น 3 นอน 4 ห้องน้ำ 3ที่จอดรถ

Product walk through 

วันนี้ prop2morrow  ขอพาคุณผู้อ่านชมแบบบ้านตัวอย่างที่อยู่ภายในโครงการ THE ESTIRO ซึ่งวันนี้เราจะพาไปชมแบบบ้าน ROSE’ ที่เป็นแบบบ้านชั้นเดียวที่มีพื้นที่ใช้สอย  165 ตร.ม. และแบบบ้าน PRAIRIE บ้านเดี่ยวแบบ 2 ชั้น ที่มีพื้นที่ใช้สอย 185 ตร.ม.

แบบบ้าน ROSE'

แบบบ้าน ROSE’ เป็นแบบบ้านชั้นเดียวที่มีพื้นที่ใช้สอยเพิ่มมากขึ้น โดยนำเสนอพื้นที่ภายในตัวบ้านแบบ 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ

แบบบ้านชั้นเดียวเป็นแบบบ้านที่นิยมมาก เพราะด้วยความที่มีพื้นใช้สอยที่เหมาะสมฟังก์ชันบ้านที่เรียบง่าย อยู่ภายในชั้นเดียวกันและดูแลรักษาง่าย  แบบบ้านแบบ ROSE’ จึงเป็นแบบบ้านที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่มองหาบ้านชั้นเดียวที่ราคาไม่สูงมากนักแต่ได้พื้นที่ที่เพิ่มมากขึ้น และโดดเด่นในเรื่องในเรื่องของงานดีไซน์สไตล์นอร์ดิกที่เป็นเอกลักษณ์ตั้งแต่ด้านหน้าตัวบ้าน โครงการออกแบบให้บ้านทุกขนาดเป็นแบบบ้านหน้ากว้าง จึงทำให้ด้านหน้าบ้านดูใหญ่โอ่อ่า พร้อมพื้นที่จอดรถภายในบ้านมากถึง 2 คัน

เข้ามาภายในตัวบ้านผ่านประตูกระจกตัดแสงบานใหญ่ โครงการให้ประตูกระจกแบบบานสวิงเพื่อให้สามารถเปิดได้กว้างมากขึ้นเมื่อต้องขนเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ๆ ของชิ้นใหญ่ๆ ก็จะสะดวกมากขึ้น  ส่วนของเฟรมกระจกเลือกใช้เฟรมอลูมิเนียมสีเทาซาฮาร่า ที่เมื่อจับใช้จริงๆ แล้วรู้สึกได้ว่ามีความแน่นหนาหนักดี อันนี้เป็นความชื่นชอบส่วนตัวครับเพราะรู้สึกว่ามีความแน่นหนาดี บริเวณโถงทางเข้ามีการวางสตูลไว้สำหรับนั่งใส่รองเท้าก่อนออกจากบ้าน ซึ่งจุดตรงนี้เมื่อเวลาอยู่จริงเราก็สามารถบิ้วเป็นตู้เก็บของหรือใส่รองเท้าก็ได้พื้นที่ค่อนข้างกว้างพอที่จะทำตู้ใหญ่สำหรับสมาชิกครบทุกคนได้บ้านเลย

พื้นที่ Common Area ภายในบ้านที่ให้สมาชิกใช้พื้นที่ร่วมกัน ที่สามารถออกแบบให้เป็น Family Area จัดชุดโซฟาชุดใหญ่ไว้สำหรับนั่งดู TV

อย่างที่บอกว่า THE ESTIRO มีความต้องการนำเสนอรูปแบบบ้านที่มีความโดดเด่นในการออกแบบพื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน บ้านที่ให้พื้นที่ใช้สอยที่เป็นสัดส่วนแต่เชื่อมโยงถึงกันได้ แบบบ้านชั้นเดียวอย่าง ROSE’ นี้มีการออกแบบ Commom Area หรือพื้นที่ส่วนกลางของบ้าน ที่สมาชิกทุกคน สามารถใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ที่ค่อนข้างกว้างมาก โดยส่วนของพื้นที่ นั่งกินข้าว ก็ยังสามารถเชื่อมต่อกับพื้นที่นั่งเล่นภายในบ้าน ก็ช่วยให้ขณะนั่งทานอาหาร ก็ยังสามารถรับชม TV ด้วย และพื้นที่ของส่วนทานข้าวก็ยังเชื่อมต่อกับพื้นที่ครัว ทั้งครัวในและครัวไทยที่อยู่ด้านนอกช่วยให้ง่ายมากขึ้นในการรับส่งอาหารมาวางจากครัว

ส่วนของห้องนั่งเล่นสามารถจัดให้เป็นชุดโซฟาใหญ่ แบบชุดตัว u ไว้รองรับการนั่งดูทีวีพร้อมกันทั้งครอบครัวได้สบายๆ หรือจุดนี้ก็ยังสามารถใช้เป็นพื้นที่รับแขกก็ยังได้ เรียกว่าการออกแบบพื้นที่สามารถเลือกจัดวางได้แบบอิสระตามความต้องการใช้พื้นที่  เพราะตรงส่วนตรงนี้ค่อนข้างกว้างมากๆ  สามารถเพิ่มลดชุดเฟอร์นิเจอร์ได้ตามความชอบเลย  และสำหรับผนังฝั่งแขวนทีวี ก็ค่อนข้างกว้าง จะติดทีวีขนาด 80 นิ้วก็ยังได้สบายๆ เรียกว่าเครื่องเดียว ดูได้ครบทุกจุด จะนั่งทานข้าวอยู่ก็ยังดูสบายตา

สำหรับครัวของบ้าน ทางโครงการได้จัดวางครัวในแบบปิดมาให้ ซึ่งด้วยรูปแบบของพื้นที่ครัวรองรับการทำอาหารจริงจังแบบอาหารไทยได้เลย เพราะเป็นครัวแบบปิดและยังมีหน้าต่างที่ช่วยเปิดระบายกลิ่นและควันออกไปยังนอกตัวบ้านได้ ถ้าติดเครื่องดูดควันช่วยก็จะยิ่งดี  ในแบบบ้านที่ส่งมอบจริงทางโครงการก่อเฉพาะส่วนเคาน์เตอร์ปูนไว้ให้ และเว้นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นไว้เผื่อให้ จุดนี้ก็ถือว่าดีประหยัดค่าก่อครัวปูนไปได้อีกพอสมควร พวกบ่อพัก ถังดักไขมันขนาด 40 ลิตร ก็ติดตั้งมาให้เรียบร้อยอันนี้ก็ดีมากๆ

สำหรับแบบบ้านชั้นเดียวข้อดี คือสมาชิกในบ้านก็ได้อยู่ในพื้นที่เดียวกันง่ายต่อการสื่อสารกัน โดยเฉพาะครอบครัวที่มีผู้สูงอายุห้องนอนชั้นล่างยิ่งช่วยอำนวยความสะดวกในการดูแลไม่ต้องกังวลในการให้เดินขึ้นบันไดหรือกรณีฉุกเฉินก็พาออกไปไหนได้ง่ายมากยิ่งขึ้น  แต่สำหรับครอบครัวที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้พื้นที่เป็นห้องนอนถึง 3 ห้องก็อาจจะปรับการใช้พื้นที่ให้ห้องเป็นห้องอเนกประสงค์ได้ อาทิ ห้องทำงานภายในตัวบ้าน หรือห้องซ้อมดนตรี ห้องแต่งตัว แต่สำหรับบ้านตัวอย่างทางโครงการได้ออกแบบให้เป็น ห้องนอน 2 ห้องโดยห้องนอนเล็ก 1 ห้อง ปรับเป็นห้องดูภาพยนตร์ที่จัดใส่ชุด Home Theater ให้แบบจัดเต็มเป็นไอเดีย

จุดเด่นของบ้านแบบ Rose’ นี้คือห้อง Master Bedroom ที่ได้พื้นที่ค่อนข้างใหญ่มาก สามารถแบ่งสัดส่วนพื้นที่การใช้งานได้เรียกว่าเยอะมากๆ  และในส่วนของห้องนอน ยังได้ความสูงที่เป็นพิเศษจากความสูงบ้านปกติอีกด้วย เพราะถูกออกแบบให้อยู่ในพื้นที่ของจั่วสูงแบบทรงนอร์ดิกของบ้าน ทำให้ยิ่งโปร่งเข้าไปอีก ซึ่งถ้าจัดสรรการใช้งานดีๆ ห้อง Master Bedroom นี้ สามารถใส่ฟังก์ชันเข้าไปได้หลายส่วนเลยทั้งพื้นที่ทำงาน มุมพักผ่อนนั่งดูทีวี หรือ Walk-in closet  ที่เป็นสัดส่วนลงตัว

พื้นที่ในส่วนของ Master Bedroom จัดสรรพื้นที่ได้มากมายหลายฟังก์ชัน สามารถเลือกว่างเตียงขนาด 6 ฟุตไว้กลางห้องตามบ้านตัวอย่างแล้วจัดโซนพื้นที่นั่งทำงานเหนือหัวนอนก็ได้  ความสูงโปร่งของเพดานห้องนี้ช่วยให้ไม่อึดอัด ใช้ชีวิตในห้องนี้ได้ยาวๆ ทั้งวันก็ยังสบาย

จุดที่อาจจะทั้งเป็นข้อดีและข้อสังเกต คือส่วนของห้อง Master Bedroom นี้ถูกจัดวางไว้ในส่วนด้านหน้าตัวบ้าน ซึ่งสามารถเปิดประตูบานกระจกสไลด์ ออกมาด้านนอกได้ ซึ่งเป็นชานที่สามารถปลูกต้นไม้ทำเป็นสวนด้านหน้าห้องได้ แต่ในอีกมุมนึงก็อาจจะได้รับเสียงรบกวนจากรถที่วิ่งผ่านหน้าบ้านได้เหมือนกัน เพราะระยะจากตัวห้องถึงถนนอาจจะไม่ได้ไกลมากนัก

สำหรับห้องน้ำในส่วนห้อง Master Bedroom จะมีจุดเด่นคือการแยกฟังก์ชันเป็นสัดส่วนทำให้สามารถเข้าไปใช้งานพร้อมกันได้ ถ้าไม่เขินกันนะครับ  ห้องน้ำเค้าให้กว้างจริงๆ  พร้อมอ่างล้างหน้าแบบ His & Her  พร้อมเคาน์เตอร์ที่สามารถวางของได้เยอะเลย  ส่วน Bathtub และ Shower ก็มีแยกพื้นที่ให้ทำให้สามารถแยกกันใช้งานได้โดยไม่ต้องรอกันในชั่วโมงเร่งด่วน

ห้องนี้พื้นที่เหลือๆ จนขนาดสามารถจัดฟังก์ชัน Walk-in Closet ที่พร้อมวางเคาน์เตอร์เป็นจุดแต่งหน้าแต่งตัว ซึ่งก็สะดวกมากขึ้นเพราะเข้าออกจากห้องน้ำก็แต่งตัวที่ส่วนนี้ได้เลย

ส่วนของพื้นห้องนอนนี้โครงการเลือกใช้เป็นลามิเนตความหนา 8 มม. มาให้ ซึ่งก็ช่วยให้สี Mood&Tone ให้ห้องนอนอบอุ่นและดูแตกต่างจากพื้นแกรนิโตที่อยู่ด้านนอก แต่ก็ต้องระวังเรื่องการเป็นรอยและความชื้นเปียกของน้ำจากห้องน้ำหน่อยครับ การเลือกแต่งห้องแบบ Built-in ก็ช่วยให้ห้องนี้ดูเป็นสัดส่วนโดยที่ไม่ต้องกั้นผนังอะไรเพิ่มเติม และยังสวยงามเป็นระเบียบเก็บของได้เยอะมากขึ้นอีกด้วย

 

 

แบบบ้าน PRAIRIE

แบบบ้าน PRAIRIE คือแบบบ้าน 2 ชั้น ขนาดเริ่มต้น เหมาะกับครอบครัวที่มองหาบ้านที่มีพื้นที่และฟังก์ชันที่มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น เป็นสัดเป็นส่วนมากยิ่งขึ้น และราคาไม่ได้สูงมากจนเกินไป แบบบ้าน PRAIRIE เป็นบ้านแบบ 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ เหมาะกับครอบครัวกลางๆ ที่อาจจะมีลูก 2 คน หรือมีญาติผู้ใหญ่ด้วยก็ยังอยู่ร่วมกันได้ เพราะโครงการมีการจัดเตรียมห้องอเนกประสงค์ที่บริเวณชั้นล่างที่จัดพื้นที่ให้เป็นห้องนอนสำหรับผู้สูงอายุได้ หรือถ้ามีลูกเล็กๆ ก็ยังสามารถปรับให้เป็นห้องเลี้ยงเด็กในชั้นล่างก็สะดวกดีเหมือนกัน

ฟังก์ชันของบ้านชั้นล่างเข้ามาก็จะเป็น Common Area ภายในตัวบ้านแบบเต็มๆ ที่ออกแบบให้เป็น Dining และ Living area  โครงการจัดวางโต๊ะรับประทานอาหาร แบบ 4 ที่นั่งมาไว้ให้ดูเป็นตัวอย่างครับ ซึ่งบ้านแบบ PRAIRIE นี้มีความโดดเด่นในเรื่องของการออกแบบฟังก์ชันเช่นกัน เพราะในส่วนของ Dining Area จะเชื่อมต่อกับส่วนของโซน Kitchen ครัวในที่มีหน้าต่างสไลด์เพื่อเปิดในการรับส่งอาหาร หรือส่งจานอาหารกลับไปล้างในห้องครัวได้  อันนี้ดีครับ คุณแม่บ้านไม่ต้องเดินเข้าๆ ออกๆ บ่อยๆ น่าจะถูกใจไม่น้อย

ห้องนั่งเล่นสามารถวางโซฟาแบบตัว L ชุดใหญ่ๆได้สบาย ระยะการดูทีวีสัก 3 เมตร วางทีวีจอใหญ่ 75-80 นิ้วก็ยังได้
ห้องนั่งเล่นสามารถวางโซฟาแบบตัว L ชุดใหญ่ๆ ได้สบาย ระยะการดูทีวีสัก 3 เมตร วางทีวีจอใหญ่ 75-80 นิ้วก็ยังได้

ส่วนของครัวหลักๆ เป็นครัวปิดเหมือนกันทุกแบบบ้าน แต่สำหรับแบบบ้าน PRAIRIE นี่ได้เพิ่มส่วนของหน้าต่างสไลด์ให้เพื่อไว้รับ และส่งจานอาหารไปยังโต๊ะทานข้าวที่วางได้ในโซนด้านหน้าครัวได้  ตัวครัวโครงการก่อโครงปูนทิ้งไว้ให้ ซึ่งครัวในแบบนี้หลายๆ คนก็อาจจะกังวลว่าจะทำอาหารได้ไม่เต็มที่ ทางโครงการเค้าก็เข้าใจ Lifestyle คนทำอาหารโดยเฉพาะอาหารไทยก็ต้องมีครัวไทยซึ่งเป็นครัวนอกที่เตรียมไว้ให้ทุกยูนิตเช่นกัน

บริเวณด้านล่างมีห้องน้ำใหญ่ ใช่ครับที่ผมบอกว่าห้องน้ำใหญ่ เพราะจากขนาดพื้นที่เรียกว่ากว้างสบายเลยทีเดียวมีการแบ่งแยกโซนเปียกและโซนแห้ง ไว้ให้รองรับสำหรับเผื่อพื้นที่ชั้นล่างจัดเป็นห้องนอน ก็อำนวยความสะดวกไว้ให้สามารถใช้งานห้องน้ำอาบน้ำที่ห้องน้ำชั้นล่างนี้ได้  ส่วนนี้ไม่ได้มีกระจกกั้นอาบน้ำมาให้ก็อาจจะติดเพิ่ม หรืออาจจะเปิดโล่งไว้ถ้าบ้านไหนมีผู้ใหญ่ที่ต้องมีคนคอยช่วยเหลือเวลาเข้าใช้ห้องน้ำอาบน้ำก็สะดวกในการเข้าไปใช้งานพร้อมกัน

สำหรับห้องด้านล่างก็จัดเป็นห้องนอนแบบเต็มพื้นที่ได้  สามารถวางเตียงแบบ 3 ฟุตพร้อมตู้เสื้อผ้าไซส์ใหญ่ก็ยังดูมีพื้นที่เหลือสบายๆ หรือถ้าไม่อยากได้เป็นห้องนอนก็จัดเป็นห้องทำงาน หรือนั่งดูหนังเล่นเกมส์ในห้องนี้ก็ดูลงตัวอยู่ครับ

ห้องนอนล่างสามารถวางตู้เสื้อผ้าเต็มใบแบบ 4 หน้าบานได้แบบสบายๆ
ห้องนอนล่างสามารถวางตู้เสื้อผ้าเต็มใบแบบ 4 หน้าบานได้แบบสบายๆ
ห้องนอนล่างสามารถวางเตียงแบบ 3 ฟุต กำลังพอดี
ห้องนอนล่างสามารถวางเตียงแบบ 3 ฟุต กำลังพอดี

ก่อนขึ้นบันไดไปบนชั้นสอง มีพื้นที่ด้านข้างบันได ที่สามารถออกแบบให้เป็นพื้นที่เก็บของ หรือมุมเลี้ยงสัตว์ ซึ่งบ้านตัวอย่างนี้ก็ทำเป็นมุมบ้านแมวไว้ ทาสแมวทั้งหลายน่าจะถูกใจมุมนี้ไม่น้อยครับ ตัวบันไดโครงการใช้เป็นฐานคอนกรีตเสริมเหล็กดูแข็งแรงแน่นหนาดีครับแล้วปิดผิวหน้าบันไดด้วยไม้อีกรอบ  ระหว่างชานพักบันไดก็มีหน้าต่างกระจกเปิดรับแสงสว่างธรรมชาติ ช่วยให้บ้านสว่างขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องเปิดไฟช่วงกลางวัน

บนชั้นสองจะแบ่งพื้นที่ใช้สอยออกเป็นห้องนอน 3 ห้องนอน และ 1 ห้องน้ำ สำหรับห้องนอนเล็กที่ไม่มีห้องน้ำในตัว โดยมีโถงตรงกลาง ที่อาจจะไม่ได้ใหญ่มากนักแต่ก็ใช้ประโยชน์ได้ เพราะจะเน้นให้พื้นที่ใช้สอยภายในห้องนอนมากกว่าที่ใช้งานได้จริง มีฟังก์ชันการใช้งานภายในห้องที่หลากหลาย

โถงชั้น 2 ที่แจกทางเดินแยกเข้าแต่ละห้องนอนและห้องน้ำสำหรับห้องนอนเล็กที่ไม่มีห้องน้ำในตัว
ห้องนอนเล็กที่พื้นที่ค่อนข้างเยอะ วางเตียงแบบ 3-5 ฟุตได้สบายๆ พร้อมพื้นที่ปลายเตียงที่กว้าง วางทีแขวนหรือแขวนผนังได้
สามารถตั้งโต๊ะทำงาน หรือทำการบ้านสำหรับลูกได้
ห้องนอนเล็กอีกหนึ่งห้อง โครงการออกแบบให้เป็นห้องนอนลูกคนเล็กเน้นความสดใส ห้องนี้ได้ช่องแสงจากหน้าต่างกระจกเยอะมาก
ส่วนพื้นของห้องนอนในทุกๆ ห้องโครงการใช้เป็นลามิเนต 8 มม.
ส่วนปลายเตียงมีพื้นที่เหลือๆ ที่วางทีวีได้ เรียกได้ว่าเป็นห้องนอนเล็ก ที่ออกแบบการใช้พื้นที่ ภายในห้องได้ครบทุกความต้องการทั้งนอนพักผ่อน นั่งทำการบ้าน เก็บเสื้อผ้าต่างๆ ด้วยการที่ไม่มีห้องน้ำในตัว ทำให้ห้องนอนเล็กมีพื้นที่ภายในห้องเพิ่มมากขึ้น

ห้อง Master Bedroom ของบ้านแบบ PRAIRIE  ถึงแม้ว่าจะเป็นแบบบ้าน 2 ชั้น ทรงสูงแต่ห้องนี้ไม่ได้ความสูงโปร่งที่มากกว่าปกติ เหมือนแบบบ้าน 2 ชั้น  CAMELLIA  ที่ได้ความสูงโปร่งของห้อง Master Bedroom ที่เพิ่มมากขึ้นและมีกระจกรับแสงที่มากกว่า  แต่นั้นก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะขนาดของพื้นที่ภายใน Master Bedroom  นี้ก็มีพื้นที่มากอยู่ไม่ใช่น้อย  ขนาดที่วางเตียงแบบ 6 ฟุตแล้วก็ยังมีพื้นที่เหลือๆ  จัดมุมวางโต๊ะทำงาน และยังสามารถ  Built-in Walk in Closet ไว้ภายในห้องได้ โดยที่ไม่รู้สึกอึดอัด ภายในห้องก็ยังดูโปร่ง เพราะมีการเปิดช่องหน้าต่างกระจกรับแสงและประตูสไลด์ออกไประเบียงที่เป็นกระจกบานใหญ่ ช่วยให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาภายในห้องได้อย่างสว่างเต็มที่

อ่างล้างหน้าแบบ His & Her กระเบื้องพื้นแกรนิโต้แบบกันลื่น
ห้องน้ำใน Master Bedroom ของ PRAIRIE นี้จะไม่มี Bathtub มาให้ เป็นอีกจุดแตกต่างจากบ้าน CAMELLIA ที่มีขนาดใหญ่กว่า
สุขภัณฑ์ของ Cotto รุ่นนี้ไซส์ใหญ่นั่งค่อนข้างสบายครับ
กระจกเงาแบบบานใหญ่เต็มผนัง รองรับการใช้งานของอ่างล้างหน้าแบบ His & Her ใช้งานพร้อมกันได้ในชั่วโมงเร่งด่วนก็ยังสะดวก ไม่ต้องแย่งพื้นที่กันใช้
Hand shower ของ HAFELE

สรุปความน่าสนใจของโครงการ THE ESTIRO sirasa

THE ESTIRO by Colour Development  ต้องบอกว่าได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับโครงการบ้านเดี่ยวให้กับจังหวัดระยองด้วยแนวคิดของการพัฒนาโครงการหมู่บ้านที่มี Design ที่โดดเด่น ทันสมัย ในแนว Modern Nordic ให้เข้าวิถีการใช้ชีวิตแบบไทยอย่างลงตัว พร้อมการนำรูปแบบของ พื้นที่ส่วนกลางและ Facility ในแบบคอนโดมิเนียมที่ตอบโจทย์ Lifestyle การใช้ชีวิตแบบคนรุ่นใหม่ ที่ใส่มาให้ทั้งพื้นที่คลับเฮ้าส์พร้อม Co-working space ที่เข้าในยุคที่คนเราต้อง Mobile Working  นั่งทำงานที่บ้านหรือที่ไหนก็ได้  พร้อม Fitness และ สระว่ายน้ำ ที่มีฟังก์ชัน ทั้ง Sauna, lap pool, kid pool ก็มาครบ

คำว่า ESTIRO  มีรากฐานมาจากภาษาสเปนที่แปลว่ายืด ขยาย ซึ่งทางโครงการก็ได้ทำให้เห็นแล้วว่า ได้ออกแบบ ฟังก์ชันและพื้นที่ภายในบ้านให้เพิ่มมากขึ้นทั้งแบบบ้านชั้นเดียวและ 2 ชั้นก็มีพื้นที่ที่มากขึ้น เพียงพอสำหรับสมาชิกทุกวัย ทุกคนรวมถึงเข้าใจวิธีการใช้งานพื้นที่ของผู้อยู่อาศัยที่ต้องการพื้นที่ส่วนตัว ภายในห้องมีพื้นที่สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้มากตามการจัดการใช้งาน  หรือฟังก์ชันครัวที่มีครัวปิดภายในตัวบ้านพร้อมส่วนของครัวไทยที่อยู่ภายนอกตัวบ้านสำหรับการประกอบอาหารแบบไทยๆ ที่ใช้ไฟแรงก็จะสะดวกและช่วยให้จัดการกับกลิ่นและควันไม่ให้รบกวนได้ดีขึ้น

ด้านวัสดุภายในตัวบ้านก็เลือกใช้วัสดุเกรดดีสมกับเป็นโครงการบ้านแบบพรีเมียมที่น่าสนใจ คือทุกหลังโครงการติดตั้งระบบ AIR FLOW ซึ่งจะทำงานร่วมกับ Thermostat ที่จะสามารถตั้งอุณหภูมิไว้แล้วเพิ่มการดูดอากาศเข้ามาหมุนเวียนภายในตัวบ้าน ให้เกิดการแลกเปลี่ยนอากาศ ช่วยลดอุณหภูมิและถ่ายเทอากาศร้อนภายในตัวบ้านออกไป ซึ่งระบบนี้เรียกว่าดีมากกับภูมิอากาศร้อนชื้นแบบบ้านเรา

ด้านทำเลโครงการก็ถือว่าอยู่ในจุดที่ไม่ได้แย่ครับเดินทางสะดวก ใกล้มอเตอร์เวย์มากๆ  เรียกว่าลงมอเตอร์เวย์ก็ถึงหน้าโครงการเลย แม้ว่าจะไม่ได้อยู่เส้นติดถนน สุขุมวิท แต่เข้ามาในถนนซอยเทศบาล 34  ซึ่งก็เป็นเส้นถนนที่กว้าง และแวดล้อมไปด้วยแหล่งใช้ชีวิต  กิน ดื่ม เที่ยว มีทั้ง โรงเรียน  โรงพยาบาล  ร้านค้า  สนามกอล์ฟ รวมถึงแหล่งพักผ่อนอย่างหาดพลา  ก็อยู่ในรัศมีที่ขับรถไปได้ในไม่กี่นาที

ทำเลบ้านฉางเอง ก็เป็นแหล่งงานที่ใกล้กับนิคมอุตสาหกรรม การมองหาบ้านพักอาศัยที่มีรูปแบบโครงการแบบบ้านรุ่นใหม่ก็มีตัวเลือกไม่มากนัก  การมาของโครงการ THE ESTIRO by Colour Development ครั้งนี้เรียกว่า น่าจะได้รับความสนใจจากคนในพื้นที่อยู่ไม่น้อย  เพราะเป็นของแปลกใหม่ในตลาดบ้านเดี่ยวเลยทีเดียว  โดยเฉพาะกลุ่มคนทำงานที่เป็นประชากรแฝงในจังหวัดระยองที่เข้ามาทำงานในนิคมอุตสาหกรรมในบ้านฉาง มาบตาพุด  ซึ่งกลุ่มนี้เป็นกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพ เพราะมีรายได้สูง ที่มองหาบ้านพักอาศัยที่สไตล์โดดเด่นและเน้นส่วนกลางแบบจัดเต็ม  ยิ่งการส่งเสริมเขตระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC  ที่ตั้งเป้าให้ระยองเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมใหม่ หรือ New’s Curve  ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมรถยนต์ อุตสาหกรรมดิจิทัล  โลจิสติกส์  ยิ่งจะเพิ่มกลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่เข้ามาทำงานและหาที่อยู่อาศัยในเขตใกล้ๆ นิคมอุตสาหกรรมแบบนี้อีกมาก

THE ESTIRO เปิดตัวในราคา 3.8 ล้านบาท*  ซึ่งราคาเรียกถือว่าน่าสนใจมาก โครงการมีแบบบ้านหลากหลายให้เลือก ทั้งแบบบ้านเดี่ยวชั้นเดียวและบ้านแบบเดี่ยว  2  ชั้น  แต่ด้วยฟังก์ชันของบ้านและรูปแบบโครงการที่มีส่วนกลางมากขนาดนี้ ก็น่าสนใจไม่น้อย สำหรับลูกค้าที่มีเงินเดือน 40,000  บาท ขึ้นไปกู้ได้สบายๆ  ซึ่งพอๆ กับเงินเดือนวิศวะจบใหม่ที่ทำงานในนิคมอุตสาหกรรมเลยครับ โดยเฉพาะจังหวัดระยองที่ประชากรโดยรวมมีรายได้สูงเป็นอันดับ 2 ของประเทศ จากการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรม  ซึ่งแน่นอนเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของโครงการ THE ESTIRO นี้เลย

ใครที่สนใจสามารถขอรับข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.coloursdevelopment.com/theestiro/

หรือ Facebook  https://www.facebook.com/TheEstiroThailand/

Line OA Colours : https://bit.ly/colours_lineoa

โทร 097-031-3888, 097-231-3555

แผนที่ไปยังโครงการ https://goo.gl/maps/uG9tndU2wWjQmoqC7

 

ทบทวนภาพรวม
บทความก่อนหน้านี้LALIN บริจาคชุด PPE สนับสนุนการทำงานบุคลากรทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์
บทความถัดไปORI ผนึก “JWD” เปิดตัว ALPHA ลุยพัฒนาอสังหาฯเพื่ออุตสาหกรรมครบวงจร
CEO,Prop2morrow Blogger อสังหาฯ , นักการตลาดดิจิตัล สาย Content marketing
the-estiro-%e0%b8%9a%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%a2%e0%b8%a7-%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%a2%e0%b8%ad%e0%b8%87Prop2morrow รีวิวตอนนี้ เราอยากพาทุกท่านมารู้จักกับโครงการบ้านเดี่ยวที่มีเอกลักษณ์ และความน่าสนใจ ที่ถูกออกแบบอย่างบรรจง ตั้งอยู่ในเขตบ้านฉาง เมืองชายทะเลที่มีความสงบน่าพักอาศัย ที่มีความสำคัญและยังเป็นเขตที่ตั้งของสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาอีกด้วย  ซึ่งตัวโครงการได้นำเสนอรูปแบบโครงการที่มีความสวยงาม เป็นเอกลักษณ์ ด้วยสไตล์การออกแบบแนวนอร์ดิก ที่เรียบง่าย อยู่สบายพร้อมฟังก์ชันการออกแบบพื้นที่ภายในตัวบ้านที่เข้าใจพฤติกรรมของผู้อยู่อาศัย  พร้อมคลับเฮ้าส์และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ที่นี่คือ THE ESTIRO by Colours development ถ้าหากพูดถึง Colour Development  หลายๆ คนอาจจะร้องเอ๊ะว่า นี่ Developer ใหม่เหรอ ทำไมไม่ค่อยคุ้นเลย แต่ต้องบอกว่า Colour Development ผู้พัฒนาโครงการ THE ESTIRO ก่อตั้งขึ้นจากการรวมตัวของนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีประสบการณ์การพัฒนาโครงการมาแล้วมากมายทั้งคอนโดมิเนียม และโครงการหมู่บ้านขนาดใหญ่ ในเขตภาคตะวันออกและกรุงเทพมหานคร  ซึ่งหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Colour Development คือ  Sirasa group ที่พัฒนาโครงการหมู่บ้านที่ชาวระยองและชลบุรีรู้จักกันดีอย่าง...

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*