OCEAN สยายปีกรุกธุรกิจใหม่ผ่านบริษัทย่อย “เค ที ดี เอ็ม” จัดจำหน่าย ร่วมผลิตสินค้าประเภทรวมพืชกัญชง-กัญชา เพื่อใช้ผลิตอาหารเสริมและยา เริ่มเดินเครื่องผลิตไตรมาส 4นี้  ด้านผลงานดีต่อเนื่อง Q2/64 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 1,386% จากปีก่อน รับอานิสงส์ยอดขายคอนโดฯ IKON SUKHUMVIT 77 มั่นใจสิ้นปีนี้ล้างขาดทุนสะสมได้หมด

นายธีร ชุติวราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอเชี่ยน คอมเมิรช จำกัด (มหาชน) หรือ OCEAN เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติให้เพิ่มทุนในบริษัทย่อย คือ เค ที ดี เอ็ม จำกัด จำนวน 290,000 หุ้น คิดเป็น วงเงิน29,000,000 บาท เพื่อลงทุนในสินทรัพย์ที่ใช้ประกอบธุรกิจลงทุนเพื่อจัดจำหน่าย ร่วมผลิตสินค้า และว่าจ้างผลิตสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ วัตถุดิบ ประเภทรวมพืชกัญชงหรือกัญชา เพื่อใช้ในการผลิตอาหารเสริม และยา รวมถึงสั่งซื้อเครื่องจักรสำหรับการผลิต เบื้องต้นคาดว่าจะสามารถเริ่มเดินเครื่องผลิตได้ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้และจะสามารถรับรู้รายได้ทันที

โดยก่อนหน้าบริษัทฯได้ลงนามความร่วมมือทางธุรกิจกับบริษัทโรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (JSP) เพื่อลงทุนการค้าในรูปแบบสัญญาร่วมผลิตสินค้า จัดจำหน่ายและส่งออก ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ อาหารและยา ด้วยนวัตกรรมจากพืชกัญชาและพืชกัญชง

“บริษัทมั่นใจว่าการแตกไลน์เข้าสู่ธุรกิจผลิตสารสกัดกัญชงและกัญชา จะช่วยเพิ่มรายได้และกำไรของกลุ่มบริษัทให้เติบโตมากขึ้น เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในระดับสูง และความต้องการของลูกค้ามีเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยในปีนี้จะเริ่มมีรายได้เข้ามาบางส่วน และคาดว่าปี 2565 ธุรกิจสารสกัดกัญชงและกัญชา จะสร้างรายได้ให้กับกลุ่มบริษัทกว่า 100 ล้านบาท”

สำหรับผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทในงวด 6 เดือนปีนี้ มีกำไรสุทธิ 42.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.40 ล้านบาท หรือ 364.82%  เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 9.15 ล้านบาท โดยเฉพาะไตรมาส 2 ที่ผ่านมา มีกำไรสุทธิ 19.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.16 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 1,386.26% เมื่อเทียบงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1.31 ล้านบาท

ส่วนรายได้รวมในไตรมาส 2 อยู่ที่ 120.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65.99 ล้านบาทเมื่อเทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 54.09 ล้านบาท โดยมีรายได้จากธุรกิจให้คำปรึกษาและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จำนวน 94.90 ล้านบาท เนื่องจากคอนโดมิเนียมโครงการ IKON77 ซึ่งเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์โครงการแรกของกลุ่มบริษัทได้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ และเริ่มโอนกรรมสิทธิ์พร้อมทั้งรับรู้รายได้มาตั้งแต่ไตรมาส 4ปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้บริษัทมั่นใจว่าภายในสิ้นปีนี้จะสามารถล้างขาดทุนสะสมได้ หลังจากเห็นการเปลี่ยนแปลงของบริษัทไปในทิศทางที่ดีขึ้น ทั้งเรื่องของผลประกอบการที่ทำกำไรได้ดีต่อเนื่อง และในปี 2565 จะเห็นการเติบโตที่โดดเด่นมากขึ้น ผ่านการรุกธุรกิจทั้งจากด้านอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจกัญชงและกัญชา ขณะเดียวกันได้พยายามมองหาธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจและพร้อมจะเข้าลงทุนหากสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดี มีความเสี่ยงต่ำและมีโอกาสที่จะเติบโตในอนาคตควบคู่ไปด้วย เพื่อให้บริษัทมีช่องทางในการสร้างรายได้อื่นเพิ่มขึ้นและถือเป็นการบริหารความเสี่ยงอีกทางหนึ่ง

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*