ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ได้สร้างผลกระทบและความเสียหายเป็นวงกว้างให้กับเศรษฐกิจ ธุรกิจ และความเป็นอยู่ของประชาชน โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรมและที่พักต่างๆ ที่มีอัตราการเข้าพักอยู่ในระดับต่ำมาก ส่งผลให้โรงแรมที่เปิดกิจการอยู่ในตอนนี้ประมาณ 60% มีสภาพคล่องลดลงจากช่วงเดือนก่อน และมีกำลังที่จะดำเนินธุรกิจต่อไปได้ไม่เกิน 3 เดือน  ขณะที่การเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติส่งผลบวกต่ออัตราการเข้าพักได้ไม่มาก

โดยผลการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการที่พักแรมประมาณ 304 แห่ง โดยสมาคมโรงแรมไทยร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย แบ่งออกเป็นโรงแรม 272 แห่ง, Alternative State Quarantine (ASQ)จำนวน 28 แห่ง และ Hospitel 4 แห่ง ในช่วงวันที่ 13-26 กรกฎาคมที่ผ่านมา พบว่า มีที่พักแรมประมาณ 40% ยังเปิดกิจการปกติ และอีก 22% ได้ปิดกิจการชั่วคราว โดยคาดว่าจะมีโรงแรมประมาณ 56% ที่ปิดกิจการชั่วคราว จะเริ่มกลับมาเปิดกิจการอีกครั้งในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้

ขณะที่โรงแรมที่เปิดกิจการอยู่ทั้งหมดมีประมาณ 57% ที่รายได้ยังกลับมาไม่ถึง 10% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ส่วนอีก 58% มีสภาพคล่องทางการเงินลดลงมากกว่า 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดือนก่อนหน้า และจะรองรับการดำเนินธุรกิจของตัวเองได้ไม่เกิน 3 เดือน และอีก และอีก 23% มีสภาพคล่องต่อได้ไม่เกิน 1 เดือน

ส่วนอัตราการเข้าพักในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาเฉลี่ยอยู่ที่ 10% ทรงตัวอยู่ในระดับเดียวกันกับเดือนก่อนหน้า แต่หากไม่นับรวมกลุ่มโรงแรมที่ปรับตัวมารับลูกค้าต่างชาติที่ทำงานในไทย และ Workation หรือ  Staycation  รวมถึงกลุ่มที่เปิดรับนักท่องเที่ยวตามโครงการ Sandbox อัตราการเข้าพักเฉลี่ยจะอยู่ที่ 5.6% เท่านั้น ส่วนเดือนสิงหาคมนี้คาดว่าอัตราการเข้าพักทั้งประเทศจะลดลงเฉลี่ยอยู่ที่ 8%

ทั้งนี้ผู้ประกอบการที่พักแรมเห็นด้วยกับการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติถึง 69% ส่วนกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยส่วนใหญ่จะเป็นเจ้าของโรงแรมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ ขณะที่กลุ่มโรงแรมในเมืองภูเก็ตมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 16% แต่โรงแรมในเมืองสุราษฎร์ธานี มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 6% เท่านั้น

ด้านผลการสำรวจกลุ่มโรงแรม ASQ จำนวน 28 แห่ง พบว่ามีการฟื้นตัวของรายได้ดีกว่ากลุ่มที่ไม่เป็น ASQ  ในจำนวนนี้ประมาณ 35% มีรายได้กลับมาเกินครึ่งหนึ่งแล้ว ส่วนการจ้างงานก็สูงกว่าโรงแรมทั่วไปเล็กน้อยเฉลี่ย 59%

ดังนั้นมาตรการช่วยเหลือที่ผู้ประกอบการที่พักแรมต้องการจากภาครัฐ คือ การจัดหาวัคซีนและกระจายวัคซีนให้เร็วกว่าแผน การพักชำรเงินต้นและดอกเบี้ย และการสนับสนุนค่าจ้างพนักงานเดิม โดยคาดการณ์ว่าปะชาชนจะกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้หากจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ต่อวันลดลงมาเหลือไม่เกิน 50 ราย

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*