แกรนด์ แอสเสท ส่งกองทรัสต์ GROREIT เข้าเทรดวันแรก หลังขาย IPO หมดทั้งจำนวนมูลค่ารวม 4,500 ล้าน ชูจุดเด่นเป็น REIT Buy Back กองแรกของประเทศ พร้อมเตรียมซื้อโรงแรมคืนภายใน 5ปี มั่นใจธุรกิจโรงแรมมีโอกาสฟื้นตัวเร็วหลัสถานการณ์โควิด-19ดีขึ้น เร่งฉีดวัคซีนให้พนักงานโรงแรมในกลุ่มทั้ง 5 แห่งครบ 100% ในเดือนสิงหาคม พร้อมเดินหน้าปรับปรุงบริการของโรงแรมทั้งหมด เตรียมพร้อมกลับมาเปิดโรงแรมรอบใหม่

นายวิทวัส วิภากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทแกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)เปิดเผยว่า ในวันนี้บริษัทได้นำหลักทรัพย์กองทรัสต์ GROREIT เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวันแรก หลังจากที่บริษัทโรงแรมรอยัล ออคิด (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)ในเครือแกรนด์ แอสเสทฯ ได้เสนอขายทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์แกรนด์ รอยัล ออคิด โฮสพีทาลิตี้ มูลค่า 4,500 ล้านบาท ที่มีข้อตกลงในการซื้อคืน หรือ GROREIT ไปเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน – 9 กรกฎาคมที่ผ่านมา ให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) และได้รับการจองหมดทั้งจำนวน

“แม้จะมีปัจจัยกดดันบรรยากาศการลงทุนในช่วงนี้ ทำให้อัตราผลตอบแทนจากหุ้นมีความผันผวนไม่แน่นอน แต่นักลงทุนกลับให้การตอบรับกับกองทรัสต์ GROREIT ที่เข้าลงทุนในกรรมสิทธิ์โรงแรม รอยัล ออคิด เชอราตันในครั้งนี้ค่อนข้างดี เนื่องจากการลงทุนใน GROREIT มีอัตราผลตอบแทนคงที่ สามารถให้เงินปันผลได้สูงประมาณ 8% ต่อปี (IRR) จึงเป็นทางเลือกในการลงทุนที่ดีในช่วงเวลานี้”

เนื่องจากกองทรัสต์ GROREIT ถือเป็น REIT ประเภทพิเศษที่มีเงื่อนไขการลงทุนที่แตกต่างจาก REIT ทั่วไปด้วยอายุการลงทุนที่สั้นกว่าเพียง 5 ปี และเป็น REIT  Buy Back ที่มีข้อตกลงในการซื้อคืนกองแรกของประเทศไทย โดยที่บริษัทยังได้เช่าทรัพย์สินกลับไปบริหารและมีหลักประกันการเช่าแน่นอน รวมทั้งมีแผนจะกลับมาซื้อโรงแรมคืนภายในระยะเวลา 5 ปีด้วย

แม้ในช่วงระยะเวลาที่เกิดการระบาดของโควิด-19 ธุรกิจโรงแรมจะได้รับผลกระทบโดยตรง แต่บริษัทได้ปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เช่น การออกแพ็คเกจ Staycation และ Work from Hotel ให้บริการห้องพักและสิ่งอำนวยความสะดวกของโรงแรมเพื่อรองรับการทำงานและเพื่อเตรียมความพร้อมและสร้างความมั่นใจในเรื่องของความปลอดภัยให้กับทั้งพนักงานและนักท่องเที่ยว โดยพนักงานทั้งหมดของโรงแรมในกลุ่มทั้ง 5 แห่งจะได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบภายในเดือนสิงหาคมนี้

นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนปรับปรุงบริการด้านต่างๆ ของกลุ่มโรงแรม  เพื่อสามารถให้บริการหลากหลายรูปแบบตรงตามความต้องการของลูกค้าในปัจจุบัน อาทิ รอยัล ออคิด เชอราตัน จะปรับปรุงร้านอาหารริมน้ำใหม่ โดยเพิ่มความหลากหลายของเมนูอาหารทะเลและบาร์ริมน้ำ โรงแรมเดอะเวสติน แกรนด์ สุขุมวิท ปรับปรุงห้องอาหารคิซโซะ โดยเพิ่มเมนูอาหารเพื่อคนรักสุขภาพและปรับปรุงพื้นที่การใช้งานของบาร์ให้เป็นสถานที่นัดพบ เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าในปัจจุบัน เพราะที่ตั้งของโรงแรมเป็นจุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า BTS อโศกและรถไฟใต้ดิน MRT สุขุมวิท

ส่วนไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพ สุขุมวิท ได้นำ “ร้านข้าว” ร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์มาเปิดให้บริการที่ชั้น 4 ส่วน “สเปคตรัม” รูฟท็อปบาร์จะเน้นเจาะตลาดกลุ่ม Gen Y และ LGBTQ เพิ่มขึ้น สำหรับ เชอราตัน หัวหิน รีสอร์ท แอนด์ สปา และ เชอราตัน หัวหิน ปราณบุรี วิลล่า ได้เตรียมเปิดบริการบีชบาร์แห่งใหม่ พร้อมอาหารญี่ปุ่นจากห้องอาหารคิซโซะ ของโรงแรมเดอะ เวสทิน แกรนด์ สุขุมวิท

นอกจากนี้โรงแรมเชอราตัน หัวหิน ปราณบุรี วิลล่า ได้เตรียมแผนปรับรูปแบบการให้บริการเป็นไพรเวทออนเซ็นพูลวิลล่า ที่เป็นส่วนตัวในห้องพัก โดยคาดว่าไตรมาส 4 ของปีนี้ไปจนถึงต้นปีหน้า ผลการดำเนินการของกลุ่มโรงแรมทั้ง 5 แห่ง จะสามารถกลับมาสร้างรายได้ดีขึ้น

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*