ซีอีโอโจนส์ แลง ลาซาลล์ เผยตลาดคอนโดฯซึมยาวเจอผลกระทบ2เด้งทั้งมาตรการ LTVและโควิด-19 ระบาด ส่งผลให้โครงการที่วางแผนจะเปิดตัวตั้งแต่ปี 2561-ไตรมาสแรกปีนี้ได้ยุติการพัฒนาโครงการ เลื่อนก่อสร้างและชะลอแผนเปิดขายกว่า 1หมื่นยูนิต ขณะที่ราคาคอนโดฯปรับราคาลดลงเฉลี่ยเหลือตร.ม.ละ 101,900 บาชี้เป็นโอกาสทองของคนซื้อ ดีเดย์ 3 ธันวาคมนี้ประกาศรางวัล PropertyGuru Thailand Property Awards ครั้งที่ 16 

นางสุพินท์ มีชูชีพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดอสังหาฯในช่วงปี 2563-2564 มีอัตราการชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด หลังจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียม ที่เริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวมาตั้งแต่ต้นปี2563 หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประกาศมาตรการควบคุมการปล่อยสินเชื่อไม่เกิน 80%สำหรับการซื้อบ้านหลังที่ 2 ทำให้กลุ่มคนซื้อคอนโดฯเพื่อเก็งกำไรและลงทุนหายไปจากตลาด โดยเฉพาะในตลาด High end และ Middle end

ทั้งนี้ตั้งแต่ช่วงปี 2561ถึงไตรมาสแรกของปีนี้ ผู้ประกอบการไม่ได้พัฒนาโครงกาคอนโดฯตามแผนที่วางไว้เป็นจำนวนมากถึง 12,700 ยูนิต ในจำนวนนี้เป็นยกเลิกการเปิดตัวโครงการ 5,900 ยูนิต อีก 2,500 ยูนิตเปิดขายไปแล้วแต่ยังไม่พัฒนาโครงการต่อ และอีก 4,300 ยูนิตยังไม่เปิดขาย

ขณะที่ราคาขายห้องชุดก็ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง โดยราคาเฉลี่ยล่าสุดอยู่ที่ 101,900 บาทต่อตารางเมตร ส่วนราคาคอนโดฯในพื้นที่ Pime Area ลดลงมาอยู่ที่ 218,000 บาทต่อตารางเมตร ดังนั้นช่วงนี้ถือเป็นโอกาสดีสำหรับกลุ่มคนซื้อที่มีความพร้อมทั้งด้านเงินออมและรายได้ทั้งกลุ่มที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงและซื้อเพื่อลงทุนระยะยาว

โดยประเมินหากรัฐบาลสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ภายในช่วงไตรมาส4ปีนี้หรือไม่เกินครึ่งแรกของปี 2565 รวมถึงมีการผ่อนปรนมาตรการให้ต่างชาติถือครองกรรมสิทธิ์ห้องชุดได้ 75%จากปัจจุบันอยู่ที่ 49% และให้ต่างชาติสามารถถือครองกรรมสิทธิ์บ้านเดี่ยวระดับหรูได้ ก็จะทำให้ตลาดอสังหาฯเริ่มกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง แต่คาดว่าอาจจะต้องใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 18-24 เดือน

พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนสนใจเช่าอยู่มากว่าซื้อ
ด้านนางกมลภัทร แสวงกิจ ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทย ดีดี พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวถึงข้อมูลสำรวจพฤติกรรมของกลุ่มผู้บริโภคในตลาดอสังหาริมทรัพยช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาว่า จากการเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างประมาณ 700-1,000 รายพบว่ากลุ่มตัวอย่าง 71% ยังมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัย แต่ระยะเวลาในการตัดสินใจซื้อกลับนานขึ้นเป็น 3-5 ปีหลังเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก2และ3 ส่วนช่องทางในการหาข้ออมูลเพื่อประการตัดสินใจซื้อ ผู้บริโภคส่วนใหญ่เลือกหาข้อมูลผ่านโซเชียล มีเดีย รองลงมาเป็นเว็บไซต์ของบริษัท และ Propperty Portals

โดยกลุ่มผู้บริโภคมีทั้งต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง และเช่าอยู่อาศัย ซึ่งมีสัดส่วนเพิ่มสูงขึ้นในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะในพื้นที่ย่านปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี มีความต้องการเช่าอยู่อาศัยสูงถึง 59% และเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 86% รองลงมาเป็นพื้นที่ราชเทวี 48% และเขตวัฒนา 46%

ส่วนปัจจัยสำหรับใช้ประกอบการตัดสินใจซื้อหรือเช่าที่อยู่อาศัย 3ใน4ของกลุ่มตัวอย่างงเลือกที่อยู่อาศัยที่อยู่ใกล้โรงพยาบาลหรือบริการด้านสุขภาพ ดังนั้นสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มผู้เช่ายังเป็นคอนโดมิเนียม ในราคาค่าเช่าไม่เกิน 10,0000บาทต่อเดือน รองลงมาเป็นราคา 10,000-20,000 บาทต่อเดือน

ดังนั้นตลาดอสังหาฯในไตรมาส 2ถือว่าเป็นช่วงเวลาเหมาะสำหรับการลงทุนของผู้บริโภคและนักลงทุนที่เน้นลงทุนระยะยาว เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยต่ำและราคาอสังหาฯที่ลดลง โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม จะเห็นได้จากดัชนีราคาอสังหาฯของกรุงเทพฯ ในไตรมาส 2 อยู่ที่ 190 จุด ลดลง 4% จากไตรมาสก่อน และเป็นดัชนีที่ต่ำสุดนับตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2561

ประกาศรางวัลPropertyGuru Awards ครั้งที่ 16ธันวาคมนี้
สำหรับความคืบหน้าของการจัดงาน PropertyGuru Thailand Property Awards ครั้งที่ 16 นางสุพินท์ มีชุชีพ ในประธานคณะกรรมการตัดสินรางวัล PropertyGuru Thailand Property Awards กล่าวว่า จะปิดรับการเสนอชื่อโครงการอสังหาฯต่างๆในวันที่ 27 สิงหาคมนี้ และระหว่างวันที่ 6 กันยายน -1 ตุลาคม คณะกรรมการจะตรวจสอบพร้อมเยี่ยมชมโครงการต่างๆ เพื่อรวบรวบข้อมูลสำหรับตัดสินรางวัลในวันที่ 7 ตุลาคม และจะจัดงานกาล่าดินเนอร์และพิธีประกาศรางวัล PropertyGuru Thailand Property Awards ครั้งที่ 16 ในวันที่ 3 ธันวาคมที่โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อกพร้อมรับชมสตรีมออนไลน์สดผ่าน AsiaPropertyAwards.com/tv-podcast ส่วนการมอบรางวัลระดับภูมิภาค PropertyGuru Asia Property Awards Grand Final จะจัดในวันที่ 9 ธันวาคม

เนื่องจากในปีนี้ได้มีการเพิ่มรางวัลใหม่ให้กับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และโครงการต่างๆ เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายของธุรกิจอสังหาฯ โดยมีการเพิ่มรางวัลผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ดีเด่น (Best Developer) ในพื้นที่ต่างๆ คือ Best Developer (อีสเทิร์นซีบอร์ด), Best Developer (ภูเก็ต), Best Developer (สมุย), Best Developer (ภาคเหนือ) และ Best Developer (ภาคใต้) รวมถึงรางวัลการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกยอดเยี่ยม และรางวัลการออกแบบสิ่งอำนวยความสะดวกยอดเยี่ยม

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*