“ควิกโคท”รับวิกฤติโควิด-19 ส่งผลภาพรวมอุตสาหกรรมก่อสร้างหยุดชะงัก ขณะที่บริษัทฯสวนกระแส ทุ่มงบ 400 ล้านบาท  ขยายพื้นที่โรงงานเฟสใหม่อีก 14 ไร่  เพิ่มกำลังการผลิต 2 เท่าตัว หรือ กว่า 800,000 ตันต่อปี มุ่งสร้างงานสร้างรายได้ให้กับคนในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง  ยันนโยบายไม่ลดเงินเดือนหรือปลดพนักงาน ขอความร่วมมือทุกคนพร้อมใจกันร่วมฝ่าวิกฤติ เพื่อให้บริษัทมีรายได้เพียงพอที่จะดูแลพนักงานและเดินหน้าธุรกิจต่อไป
นางสาวประภารัตน์ สิริวัฒกานนท์ ประธานกรรมการ บริษัท ควิกโคท โปรดักส์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายปูนคุณภาพสำหรับมืออาชีพตัวจริง ภายใต้แบรนด์ “ลูกดิ่ง” และ “จิงโจ้” เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในระลอกใหม่ที่มีความรุนแรง ไม่เพียงแต่กระทบต่อชีวิตของประชาชนแต่ได้ส่งผลกระทบต่อทุกอุตสาหกรรม โดยในส่วนของอุตสาหกรรมก่อสร้างนั้น  ในไซต์งานหลายแห่งต้องหยุดกลางคัน หรือแม้แต่โครงการที่กำลังก่อสร้างใหม่ยังต้องเลื่อนออกไป ทำให้ผู้รับเหมา ช่าง รวมทั้งผู้ผลิตวัสดุก่อสร้าง ได้รับผลกระทบกันเป็นลูกโซ่

“วิกฤติที่เราไม่สามารถควบคุมได้ส่งผลให้ตลาดก่อสร้างนิ่ง รวมถึงที่ผ่านมาปูนลูกดิ่งมีปัญหาสินค้าขาดตลาดโดยเฉพาะช่วงไฮซีซันของงานก่อสร้างจนได้รับร้องเรียนจากลูกค้าเป็นจำนวนมาก จุดนี้เราไม่เคยนิ่งนอนใจ ควิกโคทจึงถือโอกาสกลับมาพัฒนากำลังการผลิตในช่วงโควิด โดยลงทุนขยายโรงงานเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นเป็น 2 เท่าตัว พร้อมส่งต่อปูนคุณภาพถึงมือช่างผู้ใช้งานทั่วไทย และรองรับความต้องการของลูกค้าได้อย่างเต็มที่เมื่อสถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ” นางสาวประภารัตน์ กล่าว

สำหรับโรงงานสร้างใหม่ ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลหินกอง อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี ใช้งบประมาณลงทุนก่อสร้าง 400 ล้านบาท  เป็นการขยายพื้นที่เพิ่มเฟสใหม่อีก 14 ไร่ ต่อจากพื้นที่โรงงานเดิม  ตัวอาคารโรงผลิตใหม่ สูง 6 ชั้น ความสูง 22 เมตร กว้าง 34.50 เมตร ยาว 94 เมตร รวมอาคารเก็บทรายและคลังสินค้าใหม่ทั้งหมดมีพื้นที่ใช้สอยรวม 12,500  ตารางเมตร รวมพื้นที่เฟสเดิมและเฟสใหม่กว่า 85 ไร่  พื้นที่ใช้สอยรวม 18,000 ตารางเมตร

ภายในอาคารโรงงานมีการออกแบบ เน้นการเปิดให้เห็นการทำงานของไลน์การผลิต โดยมีการแบ่งพื้นที่เป็นส่วนของสำนักงานอยู่ด้านใน ซึ่งพนักงานในส่วนปฏิบัติการและในส่วนสำนักงาน สามารถมองเห็นการทำงานของไลน์ผลิตได้ตลอดเวลา ทุกฝ่ายสามารถช่วยกันมอนิเตอร์ไลน์ผลิตสินค้า และหากเกิดปัญหาขึ้นสามารถเข้าดำเนินการแก้ไขได้ทันที  ทำให้การทำงานรวดเร็ว และได้สินค้าที่มีประสิทธิภาพที่สุด

ปัจจุบัน โรงงานเดิมมีกำลังการผลิต  430,000 ตันต่อปี  ซึ่งหากรวมกำลังการผลิตในเฟสใหม่ ที่มีการขยายกำลังเครื่องจักรเพิ่มขึ้น 3 เท่า  ส่งผลให้มีกำลังการผลิตปูนมอร์ตาร์เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าตัว หรือกว่า 800,000 ตันต่อปี เทียบเท่ากับปูนมอร์ตาร์ 20 ล้านถุงต่อปี


ทั้งนี้ การลงทุนขยายโรงงานดังกล่าว ยังช่วยสร้างงานให้กับคนในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง โดยบริษัทได้เปิดรับพนักงานใหม่เป็นจำนวนมาก นับว่าสวนกระแสในช่วงวิกฤติที่หลายบริษัทมีการลดจำนวนพนักงานหรือปรับลดเงินเดือน  ซึ่งบริษัทสามารถรักษาจำนวนพนักงานให้อยู่กับองค์กรได้ 100 % โดยไม่ได้มีการลดเงินเดือนหรือปลดพนักงาน แต่ขอความร่วมมือจากพนักงานทุกคนให้ออกมากู้สถานการณ์ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็น ช่วยกันเปิดลูกค้าใหม่ ลดต้นทุนค่าใช้จ่าย ตัดงบประมาณที่ไม่จำเป็นออก โดยพนักงานทุกคนต่างร่วมแรงร่วมใจกันทำหน้าที่ของตนเองและเต็มใจที่จะทำหน้าที่อื่นนอกเหนือจากงานที่ตนเองรับผิดชอบ เพื่อให้บริษัทมีรายได้เพียงพอที่จะดูแลพนักงานและเดินหน้าธุรกิจต่อไป

นอกจากนี้ บริษัทยังได้จัดโซนบ้านพักให้กับพนักงานในชื่อ “หมู่บ้านดีต่อกัน” นับเป็นอีกสวัสดิการที่มอบให้กับพนักงานประจำโรงงานทุกคนฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่ออำนวยความสะดวกแก่พนักงานในการเดินทาง ลดการติดต่อกับบุคคลภายนอก ป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ได้อีกทางหนึ่ง นอกเหนือจากที่โรงงานมีมาตรการการรักษาความสะอาดป้องกันโควิดอย่างเคร่งครัดตรวจสอบโดยหน่วยงานจากสาธารณสุข

“ควิกโคท มีความพร้อมที่จะรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมก่อสร้าง หลังจากสถานการณ์โควิด-19คลี่คลาย ซึ่งปัจจุบันปูนลูกดิ่งและปูนจิงโจ้ นับเป็นแบรนด์ปูนก่อ-ฉาบอิฐมวลเบา และปูนสกิมโค้ท(ปูนฉาบผิวบาง) ที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งในตลาดกรุงเทพและปริมณฑล ในอนาคตมีแผนวางจำหน่ายตามร้านอุปกรณ์ก่อสร้างทั่วประเทศ” นางสาวประภารัตน์ กล่าวในที่สุด

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*