แอสเซทไวส์ฯ ปลื้มเข้าเทรดวันแรก เปิดราคา 11.80 บาท เพิ่มขึ้น 20.16% เทียบราคาไอพีโอ 9.82 บาท/หุ้น พร้อมเดินหน้าเปิดโครงการใหม่ในเมืองตามแผน 5-7 โครงการ/ปี หนุนผลงานสร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง มั่นใจรายได้ปีนี้โต 20% วางเป้ามาร์เก็ตแคปติดอันดับ 1 ใน 10 ของกลุ่มอสังหาฯ ชูเป็นหุ้น Growth Stock ที่สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในอนาคต
นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์
นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์  จำกัด (มหาชน) หรือ ASW  เปิดเผยว่า  ได้เปิดทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันนี้ (28 เม.ย.2564) เป็นวันแรก ปรากฏว่าสามารถเปิดตลาดยืนเหนือราคาจองซื้อที่ราคา11.80 บาท เพิ่มขึ้น หรือ 20.16 % เทียบราคาไอพีโอ 9.82 บาท/หุ้น  ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัทฯ ในฐานะผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีการเติบโตของรายได้และกำไรอย่างแข็งแกร่ง มีอัตราการทำกำไรขั้นต้น (ย้อนหลัง 3 ปี ) อยู่ในระดับสูง 30.7- 44.2%  จากควบคุมต้นทุนการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้การบริหารงานของทีมงานที่มีประสบการณ์มายาวนานกว่า 16 ปี ทำให้มีความเข้าใจในตลาดและออกโปรดักส์ได้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคในทุกเซกเมนต์

โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทฯเตรียมนำไปใช้สำหรับพัฒนาโครงการระหว่างปี 2564-2567 รวมไปถึงคืนเงินกู้สถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ทั้งนี้ บริษัทฯ มีโครงการในอนาคตพร้อมพัฒนาและขายใน 4-5 ปีข้างหน้าจำนวน 11 โครงการมูลค่า 21,202 ล้านบาท โดยในปีนี้มีแผนเปิดตัว 6 โครงการมูลค่า 10,850 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 5 โครงการ และแนวราบ 1 โครงการ แม้ว่าปัจจุบันจะมีการแพร่รระบาดโควิด-19 ระลอก 3 เข้ามากระทบอยู่บ้าง แต่บริษัทฯมองว่ายังมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในตลาดอยู่ค่อนข้างมาก ทำให้บริษัทยังมองโอกาสที่จะเปิดตัวโครงการใหม่ที่จะเข้ามาดึงดูดดีมานด์ในตลาดได้

ขณะเดียวกันเงินที่ได้จากการเสนอขาย IPO ในสัดส่วน 50% จะนำไปใช้ซื้อที่ดินเพิ่มเติม เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ในปีต่อๆไป ซึ่งในแต่ละปีบริษัทฯวางแผนเปิดตัวใหม่ ประมาณ 5-7 โครงการ หลังจากเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯแล้ว ทำให้บริษัทฯจะต้องมีการวางแผนซื้อที่ดินไว้ล่วงหน้า ซึ่งยังคงเน้นการพัฒนาในทำเลที่อยู่ในเมือง ที่ตลาดยังมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเป็นจำนวนมาก

ส่วนเป้าหมายของผลการดำเนินงานในปี 2564 นั้นบริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 20% จากปีก่อนที่มีรายได้ 4,200 ล้านบาท โดยที่จะมีการรับรู้รายได้จากมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) เข้ามาในปีนี้ประมาณ 5,300 ล้านบาท จาก Backlog ทั้งหมด 7,800 ล้านบาท และยังจะมีรายได้จากการขายโครงการที่พร้อมอยู่ที่มีมูลค่ารวม 19,000 ล้านบาท จำนวน 25 โครงการ ทำให้บริษัทมีรายได้เข้ามาเสริมจากการโอนโครงการใหม่ที่แล้วเสร็จในปีนี้

อย่างไรก็ตามผลกระทบในด้านการขายในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 ในปัจจุบัน บริษัทได้มีการเตรียมความพร้อมในด้านการขายของทีมงานมาใช้การขายผ่านระบบออนไลน์ และการทำตลาดผ่านออนไลน์มากขึ้นในช่วงนี้ พร้อมกับการเตรียมทีมในการให้บริการลูกค้า หากลูกค้าต้องการเข้ามาเยี่ยมชมโครงการ ก็มีการนัดหมายให้ทีมงานเข้ามาบริการพาลูกค้าเข้าเยี่ยมชม ทำให้บริษัทฯไม่เสียโอกาสในการขายในช่วงที่โควิด-19 แพร่ระบาดในช่วงนี้

นอกจากนี้บริษัทยังคงเน้นการรักษาความสามารถในการทำกำไรให้อยู่ในระดับที่ดี ซึ่งตั้งเป้ารักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้ไม่ต่ำกว่า 30-40% ซึ่งจะเน้นการที่ควบคุมต้นทุนและบริหารจัดการค่าใช้จ่ายต่างๆให้มีประสิทธิภาพ อีกทั้งการที่ได้เงินจาก IPO มา จะนำเงินที่ได้จาก IPO สัดส่วน 40% หรือจำนวนเงิน 970 ล้านบาท ไปชำระคืนหนนี้ที่มีดอกเบี้ย ส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนลดลง (D/E) ลดลงต่ำกว่า 2 เท่า จากสิ้นปีก่อนที่ 2.55 เท่า และอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (IBD/E) จะลดลงต่ำว่า 1.67 เท่า ส่งผลให้บริษัทมีความสามารถในการทำกำไรมากขึ้น

“ราคาเปิดการซื้อขายวันนี้ที่ปรับสูงขึ้นกว่าราคา IPO บริษัทก็พึงพอใจ และก็มากกว่าที่คาดหวังไว้ ซึ่งจากการทำงานอย่างเต็มที่ในการนำบริษัทเข้าตลาดของทีมงานทุกคน และที่ปรึกษา อีกทั้งยังได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดีตั้งแต่เสนอขาย IPO และในวันเทรดวันแรก เราก็พร้อมที่จะทำให้ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนทุกคนเชื่อมั่นในศักยภาพของบริษัทที่จะสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน ในอนาคต ASW มีเป้าหมายสู่การเป็นบริษัทที่มีมาร์เก็ตแคป ติดอันดับ 1 ใน 10 ของหุ้นกลุ่มอสังหาฯที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ“นายกรมเชษฐ์ กล่าวในที่สุด

นางศิริพร เหล่ารัตนกุล

ด้านนางศิริพร เหล่ารัตนกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ  บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน ASW กล่าวว่า การเข้าเทรดในวันแรกได้รับการตอบรับอย่างคึกคัก ส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยพื้นฐานที่มีความแข็งแกร่งของบริษัทฯ และการกำหนดราคาขายหุ้นไอพีโอที่มีความเหมาะสม ซึ่งในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน มีความภูมิใจอย่างยิ่ง และถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของบริษัทฯ ที่จะสามารถนำเงินที่ได้รับจากการระดมทุนในครั้งนี้ไปต่อยอดธุรกิจ สร้างความแข็งแกร่งพร้อมทั้งผลักดันการเติบโตให้เป็นไปตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ รวมทั้งเชื่อว่า ASW จะเป็นหุ้นที่มีความน่าสนใจ และจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนได้ในอนาคต

นางยอดฤดี สันตติกุล

นางยอดฤดี สันตติกุล รองกรรมการผู้อำนวยการ หัวหน้าสายงานตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะผู้จัดการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญของ ASW กล่าวว่า ราคาเปิดการซื้อขายวันแรกของ ASW ที่สูงกว่าราคาจองซื้อราว 20% ถือว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน จากความเชื่อมั่นในตัวของ ASW ที่เป็นบริษัทที่มีศักยภาพ และมีขีดความสามารถในการแข่งขันที่ดีในกลุ่มผู้พัมนาอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ สามารถมีโอกาสสร้างผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และราคาเสนอขาย IPO ที่ 9.82 บาท/หุ้น เป็นราคาที่เหมาะสมที่ยังสามารถสร้างผลตอบแทนจากส่วนต่างราคา (Capital Gain) ให้กับนักลงทุนได้ เมื่อดูจากบทวิเคราะห์ของนักวิเคราะห์ที่ออกมา อย่างของบล.เอเซีย พลัส ที่ให้ราคาพื้นฐานไว้ที่ 11.40 บาท/หุ้น ส่งผลให้ราคาเปิการซื้อขายวันแรกของ ASW ปรับตัวสูงขึ้น

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*