ธอส.เตรียมต่อมาตรการ”บ้านล้านหลัง เฟส2″เพิ่มอีก3 ปี วงเงินกู้ 3-5 หมื่นล้านบาท หลังจากบ้านล้านหลัง เฟสแรกวงเงิน 5 หมื่นล้านบาทจะสิ้นสุดภายในสิ้นปีนี้ ล่าสุดอนุมัติวงเงินกู้ไปแล้ว 3.5 หมื่นล้านบาท เฉลี่ยเดือนละ 900-1,000ล้านบาท 

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าของโครงการบ้านล้านหลังสำหรับผู้มีรายได้น้อยตามนโยบายของภาครัฐว่า โครงการบ้านล้านหลังจะสิ้นสุดมาตรการภายในเดือนธันวาคมปีนี้ ล่าสุดสามารถปล่อยสินเชื่อได้แล้วกว่า 3.5 หมื่นล้านบาทจากกรอบวงเงินทั้งหมด 5 หมื่นล้านบาท  แบ่งเป็นสินเชื่อพัฒนาโครงการ 1 หมื่นล้านบาท และสินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย 4หมื่นลานบาท

ล่าสุดธอส.กำลังดำเนินการยื่นขอมติจากคณะกรรมการธอส.ที่มีนายยุทธนา หยิมการุณ เป็นประธาน เพื่อพิจารณาอนุมัติขยายมาตรการบ้านล้านหลัง เฟส 2 เพิ่มอีก 3ปี ภายใต้กรอบวงเงินกู้ประมาณ 3-5หมื่นล้านบาทภายในเดือนพฤษภาคมนี้  และหลังจากที่บอร์ดธอส.อนุมัติเรียบร้อยแล้วพร้มกับนำเสนอต่อกระทรวงการคลัง คาดว่าจะนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ให้พิจารณาและอนุมัติได้ไม่เกินไตรมาส 3 ปีนี้

นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะขอปรับโครงสร้างอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ใหม่จากเดิมที่กำหนดไว้ที่ 3% เป็นเวลา 3ปีสำหรับผู้กู้ที่มีรายได้มากกว่า 25,000บาทต่อเดือน และดอกเบี้ยคงที่ 3% นาน 5 ปีสำหรับผู้กู้ที่มีรายได้ต่อเดือนต่ำกว่า 25,000บาท เบื้องต้นจะกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้คงที่2% บวกลบ และลดค่าผ่อนเงินงวดสำหรับที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 1.2 ล้านบาทไว้ไม่เกิน 4,000 บาทต่อเดือน รวมทั้งจะกำหนดให้ผ่อนเงินงวดในอัตราคงที่นาน 10ปี

“ในช่วงระยะเวลา2ปีที่ผ่านมา ธอส.สามารถปล่อยสินเชื่อบ้านล้านหลังได้เฉลี่ยเดือนละ 900-1,000 ล้านบาท ซึ่งเท่ากับปีละ 1.2หมื่นล้านบาท ดังนั้นจจึงได้ตั้งเป้ากรอบวงเงินกู้ของบ้านล้านหลังเฟส2 ไว้ที่ 3-5 หมื่นล้านบาท”

สำหรับเป้าหมายการดำเนิงานในในปีนี้ ธอส.ได้ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่ไว้ที่ 215,641ล้านบาท เพิ่ม3% จากเป้าของปี2563 ที่ตั้งไว้ที่ 209,360 ล้านบาท โดยตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคมถึงวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมาสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้แล้ว 43,500 ล้านบาท ขณะที่ปี 2563 ที่ผ่านมา ธอส.สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 4.5% จำนวน 225,802 ล้านบาท

สะท้อนให้เห็นว่าภายใต้วิกฤติจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 ยังมีโอกาสของผู้ซื้อที่จะสามารถมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองได้ เนื่องจากเจ้าของโครงการมีการจัดโปรโมชั่นลดราคาขายที่อยู่อาศัยเพื่อระบายสต็อกสินค้าที่อยู่ระหว่างการขาย รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ยังอยู่ในระดับต่ำที่สุดในรอบ10ปี และคาดว่าจะยังอัตราดอกเบี้ยต่ำต่เนื่องไปอีกอย่างน้อย 2-3ปี

ขณะที่ราคาที่อยู่อาศัยของกลุ่มลูกค้าที่เข้ามายื่นกู้กับธอส.วงเงินกู้ต่ำกว่า 2ล้านบาท ซึ่งมีจำนวมากถึง 142,174บัญชีในปี2561 หลังจากนั้นก็ค่อยๆลดลงต่อเนื่อง โดยในปี 2563 ลดลงเหลือ 85,067 บัญชี จากจำนวนบัญชีที่ยื่นกู้ทั้งหมด 140,386 บัญชี โดยจำนวนบัญชีที่เพิ่มขึ้นจะเป็นการยื่นกู้วงเงินที่มากกว่า 2ล้านบาท

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*