โนเบิลฯประกาศรุกที่อยู่อาศัยแบรนด์ “NUE” ปี64 รวม 6 โครงการ ไตรมาสแรกนำร่องนิวโนเบิล เซ็นเตอร์ บางนาตั้งเป้า 3 สัปดาห์ฟันยอดขาย 70% เผยดีมานด์ไทยตอบรับดีเกินคาดสวนกระแสโควิด-19 จ่อนำห้องชุดจากเอเย่นต่างชาติกลับคืนบางส่วน การันตี Yield เฉลี่ยสูงถึง 5-7% ต่อปี ตั้งเป้ายอดขายแบรนด์นี้สัดส่วน 50% จากพอร์ตรวม
นายยอรัฐ เศวตะทัต
นายยอรัฐ เศวตะทัต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานพัฒนาธุรกิจ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE เปิดเผยถึงแผนการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยภายใต้แบรนด์ “NUE” ของบริษัทฯในปี 2564 จะมีทั้งสิ้น 6 โครงการ ระดับราคาตั้งแต่ 1.2-5 ล้านบาทต่อยูนิต คิดเป็นสัดส่วน 50% ของพอร์ตรวมบริษัทฯ หลังมีความต้องการและกำลังซื้อในกลุ่มดังกล่าวมีอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุดได้เปิดตัวโครงการนิว โนเบิล เซ็นเตอร์ บางนา (NUE NOBLE CENTRE BANGNA)  ตั้งอยู่บนถนนบางนาตราด บนพื้นที่ 2 ไร่เศษ พัฒนาในรูปแบบของคอนโดมิเนียม Low Rise สูง 7 ชั้น 2 อาคาร ขนาดตั้งแต่ 24.30-52 ตารางเมตร ราคาเร่ิมต้นที่ 2.19-5.9 ล้านบาท หรือราคาเฉลี่ยที่ประมาณ 100,000 บาท/ตารางเมตร  จำนวน 204 ยูนิต มูลค่าโครงการ 650 ล้านบาท โดยถือว่าเป็นโครงการแบรนด์  “NUE”  ที่เปิดตัวโครงการแรกในช่วงไตรมาส1/2564 นี้  โดยเร่ิมเปิดพรีเซลวันที่ 12 มีนาคม2564 เป็นวันแรก และตั้งเป้าหมายยอดขายในช่วง 3 สัปดาห์แรกไว้ที่ 60-70% หลังวันแรกสร้างยอดขายได้แล้วประมาณ 16% ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) คาดว่าจะได้รับการอนุมัติภายในระยะเวลา 60 วัน นับจากนี้ โดยจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ในไตรมาส 2/2564 และจะแล้วเสร็จในช่วงเดือนตุลาคมพฤศจิกายน 2565

ทั้งนี้ที่ผ่านมาเอเย่นชาวต่างชาติสนใจโครงการดังกล่าวมาก โดยซื้อห้องชุดยก 2 ชั้น คิดเป็นประมาณ 30% ของห้องชุดทั้งหมด เพื่อนำไปขายให้กับลูกค้าชาวจีนและฮ่องกง แต่ปรากฏว่าความต้องการของลูกค้าคนไทยกลับสวนกระแสโควิด-19 เพราะหากเป็นห้องขนาด 29 ตารางเมตร สามารถปล่อยเช่าได้ 12,000 บาท/เดือน  บริษัทฯจึงมีแผนที่จะนำห้องชุดดังกล่าวกลับมาขายให้คนไทยซึ่งคงนำกลับมาได้ประมาณ 90% จากสัดส่วนห้องชุดที่นำไปขาย 30% เพราะบางส่วนเอเย่นได้ปล่อยขายให้กับลูกค้าชาวต่างชาติไปแล้ว

แม้ว่าในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ราคาที่ดินโดยทั่วไป จะตกลงประมาณ 30%  โดยทำเลย่านบางนา ราคาที่ดินอยู่ที่ประมาณ 80,000-200,000 บาท/ตารางวา แต่การแข่งขันก็ค่อนข้างรุนแรงมีผู้ประกอบการมาพัฒนาโครงการในย่านบางนาเป็นจำนวนมาก ซึ่งเราก็มั่นใจว่าโครงการแบรนด์ NUE ไม่มีคู่แข่งอย่างแน่นอน ขณะเดียวกันกลับได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีซึ่งถือเป็นพอร์ตในสัดส่วน 50% ของพอร์ตรวมโนเบิลฯนายอรัฐ กล่าว

นายอรัฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับมุมมองของการลงทุน บริษัทฯมั่นใจว่าโครงการนี้จะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มในอนาคตให้กับลูกค้าที่เป็นกลุ่มเรียลดีมานด์ และนักลงทุนได้อย่างแน่นอน ซึ่งปัจจุบันนี้มีอัตราผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า (Yield) ของคอนโดฯในย่านนี้เฉลี่ยสูงถึง 5-7% ต่อปี และคาดการณ์ว่าหากสภาพเศรษฐกิจพลิกฟื้นดีขึ้นในอนาคต Yield จะปรับสูงขึ้นอีกอย่างแน่นอน

และในช่วงไตรมาส 2/2564 บริษัทฯมีแผนเปิดตัวโครงการภายใต้แบรนด์ “NUE” อีกจำนวน 1 โครงการ มูลค่า 2,100 ล้านบาท ในทำเลดอนเมือง ส่วนที่เหลืออีก 4 โครงการ จะเปิดตัวในช่วงครึ่งปีหลัง อย่างไรก็ตามบริษัทได้ตั้งเป้าสร้างสัดส่วนยอดขายจากแบรนด์ “NUE” ที่ประมาณ 50% ของเป้าหมายยอดขายทั้งปีที่ 16,000 ล้านบาทj

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*