“เฮเฟเล่ ประเทศไทย” ขึ้นรับประกาศนียบัตร German Sustainable Building Council หรือ DGNB รับรองมาตรฐานอาคาร “ศูนย์กระจายสินค้าเฮเฟเล่ บางนา-ตราด กม.22” ตอกย้ำการออกแบบที่ให้คุณค่ากับการอนุรักษ์พลังงาน ตั้งเป้ายอดขาย 4,200 ล้านบาท มุ่งพัฒนาธุรกิจออนไลน์เติบโตราว 7% ใน 3 ปี

นายโฟลเคอร์ เฮลสเติร์น กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฮเฟเล่ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทสร้างการเติบโตของแบรนด์ขึ้นจากมาตรฐานที่แข็งแรง ที่ได้รับการยอมรับจากผู้แทนจำหน่าย และได้รับแรงสนับสนุนจากลูกค้ามาตลอดระยะเวลาเกือบหนึ่งศตวรรษ ที่สำคัญเฮเฟเล่ยังได้คำนึงถึงการลงทุนความยั่งยืนในอนาคต ด้วยการขยายพื้นที่คลังสินค้า “บางนา-ตราด” เพิ่มพื้นที่จาก 10,000 ตารางเมตร(ตร.ม.) เป็น 24,000 ตารางเมตร (ตร.ม.) ด้วยงบลงทุน 450 ล้านบาท พร้อมปรับปรุงมาตรฐานอาคารทุกด้าน ตั้งแต่ระบบการจัดการ กระบวนการทำงาน รวมถึงการออกแบบที่คำนึงถึงการประหยัดพลังงานเป็นหลัก เพื่อยกระดับบทบาทของคลังสินค้าสู่การเป็นฮับ “ศูนย์กระจายสินค้า” ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

German Sustainable Building Council หรือ DGNB คือประกาศนียบัตรรับรองมาตรฐานอาคารที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก จัดโดยหอการค้าเยอรมัน-ไทย และองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมนี (GIZ) บ่งบอกถึงมาตรฐานสูงสุดของการก่อสร้างที่ยั่งยืนตามแบบสิ่งแวดล้อม และยังเป็นการรับรองที่ให้ความสำคัญกับด้านเศรษฐกิจและการสร้างมาตรฐานตามระบบนิเวศ โดย “เฮเฟเล่ ดีไซน์ เซ็นเตอร์ ภูเก็ต” ถือเป็นอาคารที่มีความสำเร็จในการอนุรักษ์พลังงานในอาคาร ตรงตามมาตรฐาน DGNB แห่งแรกของประเทศไทย และในปี 2564 นี้ “ศูนย์กระจายสินค้าเฮเฟเล่ บางนา-ตราด กม.22” ได้รับรองมาตรฐาน DGNB ในระดับ “Silver” ตามเกณฑ์การรับรองมาตรฐานอาคารของ DGNB ถือเป็นระบบที่ได้รับการยอมรับว่ามีความก้าวหน้าที่สุดในโลก และประสบความสำเร็จในฐานะเกณฑ์มาตรฐานด้านความยั่งยืน ในประเทศเยอรมนี และในระดับสากล

ในปี 2564 บริษัทฯตั้งเป้ายอดขาย 4,200 ล้านบาท ซึ่งเป็นการยึดยอดขายตามเป้าหมายเดิมในปีที่แล้ว(2563) ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันที่ยังไม่มีวัคซีนโควิด-19 โดยมุ่งพัฒนาธุรกิจออนไลน์ให้เติบโตขึ้นราว 5% – 7% ภายในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า ที่ปัจจุบันธุรกิจออนไลน์สามารถทำยอดขายได้เพียง 1% เท่านั้น ซึ่งคาดว่าในปีนี้จะสามารถทำยอดขายได้ราว 90 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 100% จากปี 2563 ที่ทำยอดขายได้ 45 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทฯยังมีแผนที่จะลงทุนเพิ่มเติมเกี่ยวกับซอฟแวร์ หุ่นยนต์อุตสาหกรรม และ ระบปฏิบัติการ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าในการเลือกซื้อสินค้า รวมถึงการทำงานให้รวดเร็วขึ้นผ่านการใช้หุ่นยนต์ทดแทนในงานที่เกิดขึ้นซ้ำและเป็นประจำ

บริษัทฯมีสินค้าในระบบทั้งหมดประมาณ 25,000 ชิ้น 8 กลุ่มสินค้า ซึ่งประกอบด้วย อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ , อุปกรณ์เฟอร์นิเจอร์ , สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ห้องน้ำ , เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัว , อุปกรณ์สมาร์เทคโนโลยี , อุปกรณ์เครื่องมือช่าง , อุปกรณ์ไฟส่องสว่างแอลอีดี และ อลูมิเนียม ซึ่งสินค้าประเภทอลูมิเนียมเป็นสินค้าที่มียอดขายสูงสุด นอกจากนี้ยังมีการส่งเสริมสินค้าประเภทสุขภัณฑ์เพื่อชิงส่วนแบ่งทางการตลาดในอุตสาหกรรมเดียวกันและสร้างทางเลือกให้กับผู้บริโภค

เฮเฟเล่ ประเทศไทย มียอดขายเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากประเทศเยอรมันนี การขยายพื้นที่ของ ศูนย์กระจายสินค้าเฮเฟเล่ บางนา-ตราด จึงเป็นตัวชี้วัดถึงประสิทธิภาพของระบบการกระจายสินค้า และจุดแข็งด้านการจัดเก็บสินค้าที่มีเพียงพอต่อความต้องการในระยะยาว พร้อมทั้งขีดความสามารถด้านบริการขนส่งให้กับลูกค้าในประเทศไทย รวมถึงเครือข่ายของเฮเฟเล่ สาขาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, พม่า, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, เวียดนาม และประเทศอื่นๆ ในทวีปเอเชีย เพื่อรองรับต่อการเติบโตของบริษัทอย่างมั่นคง

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*