SC จัดหนักแบบ Fully-Loaded ทุ่มเงินลงทุน 2.5 หมื่นล้านซื้อที่ดิน 30 แปลงลุยเปิดตัวบ้านแนวราบใน 2 ปีนี้ พร้อมขึ้นแท่นเบอร์1ตลาดบ้านเดี่ยวราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป เผยสภาพคล่องเยี่ยมมีกระแสเงินสดกว่า1หมื่นล้านใช้เป็นทุนหมุนเวียน พร้อมพัฒนาสินค้าตามปรัชญาแบรนด์ ‘For Good Mornings’ ชู 3 เรื่องหลัก  Design, Technology และ Living Solutions 

 นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจช่วงปี 2564-2565 ของบริษัทว่า บริษัทตั้งเป้าจะรุกตลาดบ้านแนวราบมากขึ้น โดยตั้งงบลงทุนสูงถึง 25,000 ล้านบาทเพื่อใช้เตรียมโอนที่ดินจำนวนมากถึง 30 แปลงสำหรับพัฒนาเป็นโครงการจัดสรรในช่วง 2ปีนี้ครอบคลุมทุกระดับราคาทั่วกรุงเทพ-ปริมณฑล คิดเป็นมูลค่าโครงการรวมกว่า  35,000 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าครองส่วนแบ่งตลาดบ้านเดี่ยวอันดับ 1 ระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป จากเดิมที่บริษัทครองมาร์เก็ตแชร์อันดับ1ของตลาดบ้านเดี่ยวราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป แต่ในปี2563 ที่ผ่านมามีมาร์เก็ตแชร์ตลาดบ้านเดี่ยวราคา 10 ล้านบาทขึ้นไปสูงถึง 26% เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ที่มีส่วนแบ่งตลาดแค่ 17%

ทั้งนี้บริษัทได้เตรียมความพร้อมสำหรับการลงทุนในครั้งนี้ด้วยการเพิ่มสภาพคล่องให้แข็งแกร่ง โดยมีเงินสดและวงเงินพร้อมเบิกมากกว่า 10,000 ล้านบาท   ขณะที่หนี้สินต่อทุนอยู่ในระดับต่ำแค่ 1.38 เท่านั้นลดลงจากเดิม 1.58 ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดในรอบ 5ปี

พัฒนาสินค้าตามปรัชญา “For Good Mornings”
นอกจากนี้ยังได้เตรียมความพร้อมด้านสินค้า โดยตั้งโจทย์การผลิตสินค้าด้วยการให้ลูกค้าเป็นจุดศูนย์กลางในการออกแบบ เพื่อสร้างชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีให้กับลูกค้าทุกคนทั้งด้านดีไซน์ เทคโนโลยี และการบริการหลังการขาย เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในยุค new normal  โดยจะโฟกัสไปที่ตลาดบ้านทุกระดับราคา เนื่องจากในโลกยุคโควิด-19 จะมีประชาชน 5เจเนอเรชั่นอาศัยอยู่ร่วมกันในบ้าน แต่มีความคิดที่แตกต่างกันและต้องการฟังก์ชั่นในบ้านที่ไม่เหมือนกัน

ปัจจุบันบริษัทมีกลุ่มสินค้าบ้านแนวราบตั้งแต่ราคา 2ล้านบาทแบรนด์เวิร์ฟ ไปจนถึงบ้านระดับหรูราคามากกว่า 50 ล้านบาทแบรนด์กรานาดา กระจายอยู่ในพื้นที่กรุงเทพ-ปริมณฑล ฉะเชิงงเทรา และชะอำ

โดยปีนี้บริษัจะเปิดตัวบ้านแนวคิดใหม่ แบรนด์ Venue i-D ระดับราคา 5-10 ล้านบาท เป็นบ้านสำหรับกลุ่มคนเจนวาย ที่มีเอกลักษณ์และอัตลักษณ์เฉพาะตัว ดังนั้นบริษัทจึงได้ดีไซน์บ้านให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้งสถาปัตยกรรมและสีสันให้ตอบโจทย์รสนิยมของลูกค้ากลุ่มนี้  โดยจะเปิดตัวในช่วงไตรมาส 2ปีนี้

นอกจากนี้ยังได้ออกแบบบ้านฟังก์ชั่นใหม่ให้สอดรับกับวิถีชีวิตในยุคโควิด-19 ที่คนสามารถนั่งทำงานได้หลายที่และทำงานได้หลากหลายในเวลาเดียวกัน ทำให้บ้านต้องตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนยุค New Normal ที่ต้องการทั้งความบันเทิงและการทำงานอยู่ในบ้าน ในขนาดพื้นที่ใช้สอยและราคาบ้านเท่าเดิม

ล่าสุดบริษัทได้ออกแบบฟังก์ชั่นบ้านใหม่ โดยจำลองพื้นที่โรงหนังมาไว้ในบ้านสำหรับดูหนัง ฟังเพลง ด้วยการนำพื้นที่บนกำแพงมาออกแบบห้องดูหนังในบ้าน นอกจากนี้ยังได้พื้นที่บางส่วนในบ้านมาออกแบบเป็นมุมทำงานส่วนตัว และเพิ่มฟังก์ชั่นของพื้นที่ Living Room ให้กว้างขึ้น เพราะปัจจุบันคนเริ่มใช้ชีวิตอยู่ในบ้านมากขึ้น

และในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทจะเปิดตัวบ้านซีรีย์ใหม่ภายใต้แนวคิด  “One Size doesn’t Fit All” ให้บ้านสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามไลฟ์สไตล์ มีให้เลือก 2 แบบ คือ  บ้านคนโสด และ บ้าน SoU-21   ซึ่งจะเปิดตัวพร้อมกันครั้งแรกที่โครงการเวนิว พระราม 9 หลังจากได้ใช้เวลาในการคิดค้นและออกแบบมาประมาณ 2ปี

ขณะเดียวกันบริษัทยังให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีมาไว้ในบ้านเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้านด้วย หลังจากในช่วงกลางปีที่ผ่านมาได้เปิดตัว Ruejai Home Panel ที่ติดอยู่ในบ้านทุกหลังของเอสซีฯกว่า 200 ยูนิตแล้ว  ทำหน้าที่เป็นสมองของบ้านผ่านระบบ Reujai OS เพื่อควบคุมการเปิดปิดไฟในบ้าน รวมถึงสัญญาณกันขโมย

นอกจากนี้ยังได้เตรียมนำระบบ Ruejai pulse ทำหน้าที่เหมือนสมาร์ท วอชท์มาใส่ไว้ในบ้านให้ลูกค้าด้วยเทคโนโลยี sensor และ iOT  เพื่อทำหน้าที่แจ้งเตือนหากเกิดไฟฟ้าลัดวงจรในบ้าน สภาพอากาศที่ผิดปกติในบ้าน รวมถึงค่าปริมาณคาร์บอนไดอ๊อกไซต์ในบ้านที่สูงเกินไป เป็นต้น คาดว่าจะเปิดตัวเซ็นเซอร์ตัวแรกในช่วงไตรมาส 2นี้

ล่าสุดได้ร่วมมมือกับบริษัทวัลเคน โคอะลิชั่น จํากัด และผู้มีภาวะบกพร่องทางการมองเห็น   เพื่อพัฒนาระบบ Speech AI-NLP (Natural Language Processing) และ  AI บน  Home OS เพื่อช่วยสร้างระบบการเรียนรู้และสามารถสั่งการด้วยเสียงเป็นรายแรกในไทย

ปี’64 ลุยเปิดตัว11โครงการใหม่กว่า 1.7 หมื่นล้าน
สำหรับแผนการลงทุนในปี 2464 นายณัฐพงศ์บอกว่า บริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายจำนวน 69 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 57,500 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นโครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในปีนี้จำนวน  11 โครงการ  มูลค่ารวม 17,000 ล้านบาท  แบ่งเป็นบ้านแนวราบ  8 โครงการ มูลค่า 9,000 ล้านบาท และแนวสูง 3 โครงการ มูลค่า 8,000 ล้านบาท ส่วนโครงการที่อยู่ระหว่างการขายมีจำนวน 58 โครงการ มูลค่ากว่า 40,500 ล้านบาท   โดยตั้งเป้ายอดขายปีนี้ไว้ 20,000 ล้านบาท และรายได้ 19,000 ล้านบาท

ขณะที่2563 ที่ผ่านมา บริษัทสามารถทำยอดขายแนวราบได้ 14,757 ล้านบาทเติบโต 37% สวนกระแสตลาดที่อยู่ในช่วงซบเซา และมียอดขายรวมทำสถิติใหม่สูงถึง 16,602 ล้านบาท

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*