กคช.ปรับแผนดำเนินงานใหม่ปี 2564 รองรับสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาด กระทบรายได้และรายจ่ายของผู้มีรายได้น้อย เปลี่ยนพอร์ตจากการขายบ้านเป็นปล่อยเช่า ช่วยให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัย ประเดิม 5โครงการนำร่องกว่า 4หมื่นนยูนิต รองรับทั้งคนวัยเกษียณ ผู้สูงอาย คนพิการ และให้เช่าบ้านพร้อมสร้างอาชีพ เพื่อเพิ่มรายได้ 

นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการ การเคหะแห่งชาติ(กคช.) เปิดเผยถึงแผนการดำเนินของกคช.ในปี 2564 ว่า จากถานการณ์ปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างเร็ว โดยเฉพาะผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของกคช. ที่ไม่สามารถบรรลุตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ได้ จึงจำเป็นต้องปรับแผนการดำเนินงานเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์จริง ซึ่งผลการสำรวจพบว่ากลุ่มผู้มีรายได้น้อยทั่วประเทศที่ยังไม่มีบ้านอยู่อาศัยเป็นของตัวเองมีจำนวนมากถึง 6 ล้านคน แต่ในช่วงนี้ยังไม่มีความต้องการที่จะซื้อบ้านอยู่อาศัย เพราะผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิที่ซบเซา ขณะที่ความต้องการมีบ้านเพื่ออยู่อาศัยยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง

ดังนั้นในปีนี้กคช.จึงได้ปรับเป้าหมายการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อรองรับกลุ่มคนซื้อที่มีรายได้น้อยจากเดิมที่เน้นสร้างบ้านเพื่อขายเปลี่ยนเป็นการเช่าซื้อเพิ่มขึ้น จำนวนทั้งหมด 45,000 ยูนิต แบ่งออกเป็น 5โครงการ คือ

1.โครงการบ้านเคหะสุขประชาและเศรษฐกิจสุขประชาทั่วประเทศจำนวน 20,000 ยูนิต จากเป้าหมาย5ปีจำนวน 100,000 ยูนิต ซึ่งในรอบปี 2560-2563 ได้ดำเนินการก่อสร้างบ้านเคหะสุขใจไปแล้วจำนวน 16,000 ยูนิต โดยจะพัฒนาเป็นบ้านเช่าพร้อมอาชีพ

ทั้งนี้ประชาชนที่สนใจจะเช่าบ้านของกคช.ในโครงการนี้จะต้องมีแผนพัฒนาอาชีพเข้ามานำเสนอด้วย เพื่อสามารถเช่าบ้านอยู่และประกอบอาชีพของตัวเองได้ บนที่ดินขนาด 16-18 ตารางวา สร้างเป็นบ้านเช่าขนาดพื้นที่ใช้สอย 30,40 และ 50 ตารางเมตร คิดอัตราค่าเช่า 1,500-2,500 บาทและคิดค่าเฟอร์นิเจอร์เพิ่ม 500 บาท เบื้องต้นมีโครงการนำร่องที่เตรียมจะเปิดตัว2โครงการ ตั้งอยู่ที่ถนนฉลองกรุงจำนวน 302 ยูนิตและที่ร่มเกล้าอีก 270 ยูนิต ซึ่งในพื้นที่ตั้งของทั้ง2โครงการนี้จะมีทั้งพื้นที่ร้านค้าและคอมมูนิตี้มอลล์ เพื่อให้ประชาชนสามารถเช่าประกอบอาชีพได้ด้วย

2.โครงการที่อยู่อาศัยสำหรับข้าราชการชั้นผู้น้อยวัยเกษียณ (บ้านเกษียณสุข) พัฒนาอาคารเช่าระยะยาวจำนวน 5,000 ยูนิต  โดยกคช.ได้นำโครงการที่เทพารักษ์ที่มีการก่อสร้างอาคารเสร็จไปแล้วกว่า 75% บนที่ดิน 126 ไร่ แต่ถูกระงับการก่อสร้างไปตั้งแต่ปี 2551 ตามคำสั่งของคตส.หรือ คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ

ขณะนี้กคช.อยู่ระหว่างเข้าไปดำเนินก่อสร้างให้แล้วเสร็จทั้งหมด โดยมีจำนวนห้องพักประมาณ 5,000 ยูนิต คาดว่าในสิ้นปีนี้จะมีห้องพักสร้างเสร็จพร้อมปล่อยเช่าให้กบกลุ่มข้าราชการชั้นผู้น้อยวัยเกษียณประมาณ 200-300 ยูนิต อัตราค่าเช่า 1,400-1,800 บาทสำหรับห้งพักขนาด 33และ 48 ตารางเมตร

3.โครงการบ้านพักสำหรับผู้สูงอายุหรือ Senior Complex ซึ่งในปี 2565 ประเทศไทยจะเข้าสุ่สังคมผุ้สูงอายุแบบ 100% หรือมีผู้สูงอายุประมาณ 20%ของประชากรทั้งประเทศ โดยกคช.วางแผนจะก่อสร้างให้ครบทั้ง4มุมเมือง เบื้องต้นจะเปิดพัฒนาโครงการนำร่อง 3ทำเล คือ  บางละมุง เนื้อที่ 60 ไร่จำนวน 1,500 ยูนิต รังสิตคลอง 4 จำนวน 541ไร่ประมาณ 2,000ยูนิต และที่เขาใหญ่เนื้อที่ 50 ไร่จำนวน 500 ยูนิต

  1. โครงการ TOD หรือโครงการตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้า อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการจำนวน 2ทำเล คือ ย่านร่มเกล้าจำนวน 5.,000 ยูนิต อยู่ห่างจากแนวเส้นทางรถไฟฟ่สายสีส้ม ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ประมาณ 3กิโลเมตร และยังอยู่ใกล้กับแนวเส้นทางของรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต ลิงก์ ลีก และอีกโครงการตั้งอยู่ย่านคลองจั่นประมาณ 10,000 ยูนิต
  2. โครงการที่อยู่อาศัยสำหรับคนพิการ ทั้งหูหนวก ตาบอด หรือเป็นใบ้ จำนวน 1,000 ยูนิต

ส่วนความคืบหน้าของโครงการฟื้นฟูชุมชนินแดง เพื่อรองรับผู้อยู่อาศัยเดิม ระยะที่ 2 อาคาร A1 สูง 32 ชั้น 1 อาคาร 635 ยูนิต รองรับผู้อยู่อาศัยเดิมจากแฟลตที่ 9 – 17 และแฟลตที่ 63 – 64 จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างประมาณเดือนเมษายนนี้ คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณปี 2566 และอาคาร D1 สูง 35 ชั้น 1 อาคาร 612 ยูนิต รองรับผู้อยู่อาศัยเดิมจากแฟลตที่ 23 – 32 ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง

ขณะที่โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง รองรับผู้อยู่อาศัยใหม่ ระยะที่ 3 และ 4 จำนวน 13,746 ยูนิต (แปลง D2, แปลง E และแปลง B) รองรับข้าราชการ และประชาชนทั่วไป ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาทบทวนแนวทางการร่วมลงทุนกับภาคเอกชน

นอกจากนี้กคช.ยังได้กำหนดมาตรการช่วยเหลือลูกค้าใหม่ที่ได้รบผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19  ระลอกใหม่  ด้วยการจัดโปรโมชั่นดอกเบี้ยเช่าซื้อ 0% เป็นเวลา 1 ปี สำหรับลูกค้าที่ถูกสถาบันการเงินปฏิเสธสินเชื่อสามารถยื่นขอสินเชื่อ  จากโครงการสินเชื่อเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย หรือทำสัญญาเช่าซื้อโดยตรงกับกคช. จะได้รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 30 มิถุนายน 2564

รวมทั้งโปรโมชั่นลดราคา (Shock Price) โครงการบ้านเอื้ออาทร 56 โครงการ โดยลดราคาขายสำหรับลูกค้าที่จ่ายเงินสดเหลือยูนิตละ 250,000 – 520,000 บาท และลดค่าเช่าราคาพิเศษ 999 – 1,200 บาทต่อเดือนในปีแรก โดยมีจำนวนโครงการให้ลูค้าเลือกถึง 84 โครงการทั่วประเทศ

สำหรับแนวทางความช่วยเหลือลูกค้าปัจจุบัน กคช.จะลดอัตราดอกเบี้ยค่าเช่าซื้อที่อยู่อาศัย ลดค่างวดเช่าซื้อที่อยู่อาศัยโดยขยายเวลาการผ่อนชำระให่นานขึ้น รวมถึ ปรับโครงสร้างหนี้ลูกค้าเช่าซื้อที่ค้างชำระค่าเช่าซื้อ และส่วนลดค่างวดเช่าซื้อ 1,000 บาท สำหรับลูกค้าเช่าซื้อที่มีประวัติชำระดี ไม่มีหนี้ค้างชำระ

ล่าสุดกำลังศึกษารายละเอียดของแคมเปญอยู่ฟรี 3ปีขอองผู้ประกอบการอสังหาฯ เพื่อนำมาปรับใช้กับลูกค้าของกคช. รวมถึงการขายบ้านแบบงวดบอลลูน เพื่อช่วยลดภาระของผู้มีรายได้น้อย เนื่องจากกคช.มีจำนวนที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จพร้อมขายอยู่ในมือกว่า 12,000 ยูนิต และจะก่อสร้างเสร็จในปีนี้อีกประมาณ 8,000 ยูนิต หากปล่อยทิ้งไว้ก็จะไม่ได้สร้างรายได้ให้กับ กคช.

อย่างไรก็ตามในช่วง 48 ปีที่ผ่านมา การเคหะแห่งชาติได้ดำเนินการพัฒนาที่อยู่อาศัยไปแล้วกว่า 742,000 ยูนิตประกอบด้วย โครงการบ้านเอื้ออาทร จำนวน 280,567 ยูนิต  โครงการเคหะชุมชนจำนวน 142,103 ยูนิต โครงการเคหะชุมชน  และบริการชุมชน จำนวน 27,317 ยูนิต และโครงการเคหะข้าราชการ จำนวน 50,708 ยูนิต เป็นต้น

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*