เรียลแอสเสท เดินหน้าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปี 64 เน้นเจาะกลุ่มเรียลดีมานด์ส่ง 4 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 4,660 ล้านบาท ทั้งสนเทกโอเวอร์โครงการทำเลศักยภาพหวังเพิ่มการหมุนเวียนกระแสเงินสด พร้อมทรานส์ฟอร์มเข้าสู่ธุรกิจในรูปแบบผสมผสานกับก้าวต่อไปของการเติบโต ตั้งเป้ารายได้เติบโต 5 ปี แตะ 4,000 ล้านบาท และ Backlog รวม 5,660 ล้านบาท พร้อมเผยโฉมคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ “เดอะ สเตจ มายด์สเคป รัชดา-ห้วยขวาง” ราคาเริ่มต้น 2.59 ล้านบาท เปิดจองรอบ Online Booking วันที่ 18 ก.พ.64 นี้
นายบดินทร์ธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในปี 2563 ทำให้ภาพรวมการเปิดตัวโครงการใหม่ลดลงจากเดิม (เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2562) ซึ่งผู้ประกอบการมีการปรับแผนการดำเนินธุรกิจและเลื่อนการเปิดตัวโครงการใหม่ออกไป โดยเฉพาะโครงการแนวสูงหรือกลุ่มคอนโดมิเนียม ส่งผลให้สต๊อกคงค้างในภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ลดลงในระดับหนึ่งตั้งแต่ไตรมาส 2/2563 รวมทั้งกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติลดลงจำนวนมากเนื่องจากไม่สามารถเดินทางเข้ามาประเทศไทย ณ เวลานี้ได้ และกลุ่มนักลงทุนที่เพิ่มหลักเกณฑ์ในการพิจารณาลงทุนมากขึ้นหรือชะลอการลงทุนเพื่อรอดูความชัดเจนของสถานการณ์ ส่งผลให้ตลาดอสังหาฯไม่เติบโต ผลกระทบดังกล่าวยังคงต่อเนื่องมาถึงต้นปี 2564 ทำให้บริษัทฯพิจารณาถึงความรอบคอบในการดำเนินงานเพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทบทวนแผนงานรายเดือนและรักษากระแสเงินสดสร้างความมั่นคงของการดำเนินธุรกิจ

ทั้งนี้ที่ผ่านมาบริษัทฯพัฒนาโครงการมาแล้วทั้งสิ้นจำนวน 21 โครงการ มูลค่ารวม 30,500 ล้านบาท โดยมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายและจะเปิดขายในปีนี้รวมจำนวน 12 โครงการ มูลค่ารวม 8,000 ล้านบาท

สำหรับแนวโน้มในปี 2564 บริษัทฯยังคงมั่นใจในทำเลและโครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในปีนี้ โดยเน้นฐานลูกค้าเรียลดีมานด์เป็นหลัก มุ่งการทำวิจัยตลาดอสังหาฯศึกษาถึงข้อมูลและพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้า เพืออให้สินค้าออกมาตรงตามความต้องการมากที่สุด เน้นกลยุทธ์การตลาดในด้านราคามากขึ้น ชูราคาเป็นจุดขาย เนื่องจากสภาวะความคิด และพฤติกรรมของลูกค้า ณ ปัจจุบันต้องการความคุ้มค่าในราคาที่จับต้องได้ โดยบริษัทฯมีแผนพัฒนาโครงการใหม่ในปีนี้จำนวน 4 โครงการ มูลค่ารวม 4,660 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการแนวราบ จำนวน 3 โครงการ มูลค่ารวม 2,510 ล้านบาท ได้แก่

-สตอรี่ส์ บางนา – สุวรรณภูมิ

– สตอรี่ส์ รังสิต – วงแหวน

-วิรัณยา บางนา – สุวรรณภูมิ

และมีโครงการแนวสูง 1 โครงการ มูลค่า 2,150 ล้านบาท คือ  เดอะ สเตจ มายด์สเคป รัชดา – ห้วยขวาง (THE STAGE Mindscape Ratchada – Huai Khwang)

นอกจากนี้ยังมีโครงการที่เทกโอเวอร์ มาจาก บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ A ภายใต้แบรนด์ “MEGA Space 1&2” เป็นคอนโดฯไฮไรส์ จำนวน 2 อาคาร รวม 2,329 ยูนิต มูลค่าโครงการ 4,300 ล้านบาท โดยปัจจุบันอาคารที่ 1 เหลือขายเพียง 70 ยูนิต จากกว่า 1,300 ยูนิต ส่วนอาคารที่ 2 ปัจจุบันเหลือขายเพียงประมาณ 10%

นายบดินทร์ธร กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯยังให้ความสนใจที่จะซื้อโครงการที่อยู่อาศัยทั้งแนวสูงและแนวราบ ในทำเลศักยภาพ ที่ยังเหลือขาย แต่ผู้ประกอบการเจ้าของโครงการประสบปัญหาด้านกระแสเงินสด ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 200-400 ล้านบาท รวมทั้งยังสนใจธุรกิจโรงแรม ในพื้นที่กทม. จำนวน 200 ห้องพักบวกลบ และอาคารสำนักงานด้วย แต่ในระยะแรกสนใจที่จะซื้อโครงการประเภทที่อยู่อาศัยก่อน เพื่อทำให้บริษัทฯมีกระแสเงินสดเข้ามาหมุนเวียนได้เร็วขึ้น ซึ่งจะเป็นการตั้งบริษัทในเครือขึ้นมาดำเนินการและบริหาร คือ บริษัท เมกะสเปซ จำกัด โดยเรียลแอสเสทฯถือหุ้น 99% และอีก 1% เป็นการถือหุ้นโดยผู้ถือหุ้นรายย่อย ขณะนี้มีนำเสนอแล้วหลายราย แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
นอกจากนี้เทรนด์ใหม่ในเรื่องของสุขภาวะที่ดี(Wellness) , IOT, หรือ ไลฟ์สไตล์ที่มีความหลากหลายในกลุ่มลูกค้า กำลังกลายเป็นที่นิยมซึ่งองค์กรให้ความสำคัญมากยิ่งขึ้นจนนำมาสู่การทำ Brand Transformation ภายใต้วิสัยทัศน์ “BELIEVING A BETTER YOU IS POSSIBLE” เราเชื่อว่าทุกคนดีขึ้นได้จริง และจะส่งต่อพลังบวกให้คนรอบข้างและสังคมดีขึ้นได้เช่นกัน ที่จะทำให้บริษัทฯทรานฟอร์มเข้าสู่ธุรกิจในแบบผสมผสานระหว่างผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ กับธุรกิจประเภท Active Well-Being Life Experience หรือสามารถนิยามได้ว่าวันนี้ REAL ASSET อยู่ในธุรกิจ Active Well-Being Life Experience สะท้อนผ่านสัญลักษณ์โลโก้ของบริษัทฯ Active Real Icon ที่เริ่มต้นตั้งแต่ “ตนเอง” ขยายวงกว้างสู่ “ผู้อื่น” และยกระดับสู่ “สังคม” ด้วยพันธกิจการดำเนินงานที่จะพลิกโฉมประสบการณ์ที่ แสนธรรมดา ให้เปี่ยมด้วย สุขภาวะที่ดี และชีวิตที่มีพลัง “TO TRANSFORM THE LIFELESSNESS INTO THE ACTIVE WELL-BEING LIFE EXPERIENCE”

โดยวางกลยุทธ์ผ่าน 5 แกนสำคัญของการมีชีวิตยืนยาวที่จะถูกนำมาผนวกใช้ในการพัฒนาโครงการของบริษัทฯ “ภายใต้ชื่อโครงการ NEVERLAND” ซึ่งประกอบด้วย

-Ever Active สนับสนุนให้ทุกคนออกกำลังกายหรือออกแรงทำกิจกรรมต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอ

-Ever Smile ลดความเครียดและความกังวลของลูกบ้าน โดยเราจะดูแลเรื่องความปลอดภัยและส่งเสริมให้ลูกบ้านมีสุขภาพจิตที่ดีมองโลกในแง่บวก

-Ever Green เพิ่มโอกาสให้ลูกบ้านรับประทานอาหารจากธรรมชาติ ปราศจากสารเคมี และใส่ใจในธรรมชาติมากขึ้น

-Ever Love สร้างโอกาสให้สมาชิกในครอบครัวใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น ให้ความสำคัญกับสุขภาพของผู้ใหญ่และเด็กเล่นในบ้าน รวมถึงเพื่อนบ้านรอบข้าง

-Ever Care เข้าถึงเทคโนโลยีการแพทย์ที่ทันสมัยเพื่อดูแลสุขภาพของลูกบ้าน และตรวจเช็คร่างกายเพื่อลดโอกาสการเกิดโรคร้ายต่างๆ

“ถือเป็นก้าวสำคัญของการเปลี่ยนแปลง เราไม่เพียงแต่มุ่งพัฒนาที่อยู่อาศัย แต่เราตั้งใจที่จะเสริมสร้างให้สังคมดีขึ้น ทั้งในแง่ของการใช้ชีวิตและสุขภาวะที่ดี ทั้งร่างกายและจิตใจ วันนี้เรื่องของ Well-Being กลายเป็นสิ่งสำคัญ ที่ทุกคนหันมาใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น เราจึงตั้งใจที่จะทำให้เกิดการผสมผสานระหว่างธุรกิจ เพื่อการอยู่อาศัยที่ดีและการมีชีวิตที่ดีควบคู่กันไปอย่างยั่งยืน” นายบดินทร์ธร กล่าว
ทั้งนี้ คาดว่า ในปี 2564 จะสามารถสร้างยอดขายจำนวน 2,350 ล้านบาท เติบโตขึ้น 15% จากปีก่อนที่มียอดขาย 2,050 ล้านบาท และจากการเทกโอเวอร์จะสามารถทำให้บริษัทโตได้อย่างก้าวกระโดด โดยตั้งเป้าว่าในปี 2567 จะสามารถสร้างรายได้แตะ 4,000 ล้านบาท และมี Backlog ระหว่างปี 2564-2567 รวม 5,660 ล้านบาท
นายณัฏฐพร กลั่นเรืองแสง

นายณัฏฐพร กลั่นเรืองแสง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานกลยุทธ์ธุรกิจ บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทมุ่งมั่นที่จะพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมเพื่อให้ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ของกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย โดยมีแบรนด์ภายใต้การพัฒนาของบริษัทมาแล้ว ได้แก่ แบรนด์ “THE STAGE” ในกลุ่มลูกค้าระดับ Main Class , แบรนด์ “LAVIQ” ในกลุ่มลูกค้าระดับ Super Luxury และ แบรนด์ “AESTIQ” ในกลุ่มลูกค้าระดับ Ultimate Luxury โดยยังคงต่อยอดความสำเร็จขยายการพัฒนาโครงการไปยังทำเลแห่งใหม่ ย่าน Community ที่สามารถเดินทางได้สะดวก รวมทั้งแหล่งชุมชนที่มีความพร้อมทั้งอุปโภคและบริโภค ตลอดจนการต่อยอดแบรนด์ THE STAGE สู่แบรนด์ใหม่ “THE STAGE Mindscape” กับโครงการใหม่บนทำเล รัชดา-ห้วยขวาง

“เราเลือกปักหมุดโครงการใหม่บนทำเลรัชดา-ห้วยขวาง ภายใต้ชื่อ THE STAGE Mindscape Ratchada – Huai Khwang ซึ่งถือเป็นทำเลใหม่ของการขยายการพัฒนาโครงการออกไป โดยย่านรัชดา-ห้วยขวาง มีความพร้อมทั้งการใช้ชีวิตและแหล่งไลฟ์สไตล์ ตลอดจนดีมานด์ในพื้นที่ยังคงมีความต้องการที่อยู่อาศัย ทำเลที่เดินทางสะดวกใกล้กับรถไฟฟ้า MRT สถานีห้วยขวางเพียง 250 เมตร รายล้อมด้วยแหล่งงานและย่าน New CBD ถือเป็นทำเลของการใช้ชีวิตที่หลากหลายตั้งแต่กลางวันถึงกลางคืน เราได้ใช้เวลาในการศึกษาเกี่ยวกับที่ดินผืนนี้และเก็บข้อมูลพฤติกรรมของผู้บริโภคค่อนข้างมาก เพื่อให้โครงการ THE STAGE Mindscape Ratchada – Huai Khwang เป็นโครงการที่ตอบรับความต้องการของผู้บริโภคด้วยความเข้าใจอย่างแท้จริง ผ่านการออกแบบและฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบสนองการพักผ่อนอย่างเต็มพลังก่อนออกไปใช้ชีวิตในโลกที่ต้องการ ซึ่ง THE STAGE Mindscape Ratchada – Huai Khwang จะเป็นคอนโดมิเนียมในแบบที่คุณไว้วางใจที่จะเป็นตัวเอง หลีกเร้นจากบทบาทอื่นที่ต้องรับภาระในชีวิตแต่ละวัน เพื่อกลับมารีชาร์ตพลังความสุขให้เต็มเปี่ยมในแบบฉบับของตัวคุณเอง”นายณัฏฐพร กล่าว

โครงการ THE STAGE Mindscape Ratchada – Huai Khwang เป็นคอนโดมิเนียม จำนวน 1 อาคาร บนพื้นที่ 2-0-68 ไร่ จำนวน 477 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,150 ล้านบาท รองรับที่จอดรถ 46% พัฒนาภายใต้คอนเซปต์ ประกอบด้วยห้องชุดแบบ 1 Bedroom ขนาด 26-35 ตารางเมตร , 1 Bedroom (T) ขนาด 31-41 ตารางเมตร และ 2 Bedroom ขนาด 45-60 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 2.59 ล้านบาท เปิดรอบ Online Booking วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2563

นายวีระชัย หาญจริยากูล

ด้านนายวีระชัย หาญจริยากูล ผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์ ธุรกิจบ้านจัดสรรและอาคารพาณิชย์ บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า ในปี 2563 ที่ผ่านมา บ้านในทำเลชานเมืองมีความต้องการเพิ่มขึ้นสูงมาก เนื่องจากปัจจัยการเปลี่ยนพฤติกรรมตั้งแต่ช่วงล็อกดาวน์ การทำงานแบบ Work from Home ทำให้คนต้องการบ้านที่มีพื้นที่ส่วนตัว และพื้นที่ทำงาน โดยคาดการณ์ว่าในปี 2564 ตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบยังคงเติบโตได้ดี โดยเฉพาะบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม แต่ต้องระวังในเรื่องของกำลังซื้อที่อาจจะฟื้นตัวได้ไม่ดีมาก สะท้อนจากภาระหนี้ครัวเรือนที่ยังคงสูงต่อเนื่อง โครงการต้องทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับลูกค้า นอกจากนั้นการพัฒนาโครงการจำเป็นต้องมุ่งเน้นถึงความคุ้มค่า เอาใส่ใจถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป สร้างบรรยากาศในการใช้ชีวิตที่ส่งเสริมสุขอนามัยที่ดีเพื่อสังคมที่ยั่งยืนต่อไป โดยปีนี้บริษัทจะเปิดโครงการใหม่ทั้งสิ้น จำนวน 3 โครงการ ประกอบด้วย

1 สตอรี่ส์ บางนา – สุวรรณภูมิ บนพื้นที่ 15-3-22 ไร่ พัฒนาในรูปแบบของทาวน์โฮม 2 ชั้น จำนวน 187 ยูนิต ราคาเฉลี่ย 3.21 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท

2.สตอรี่ส์ รังสิต – วงแหวน บนพื้นที่ 16-2-42ไร่ พัฒนาในรูปแบบของทาวน์โฮม 2 ชั้น จำนวน 233 ยูนิต ราคาเฉลี่ย 1.99 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 462.6 ล้านบาท

3.วิรัณยา บางนา – สุวรรณภูมิ บนพื้นที่ 42-1-73.5 ไร่ พัฒนาในรูปแบบของบ้านแฝด 2 ชั้น และบ้านเดี่ยว 2 ชั้น จำนวน 207 ยูนิต ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 7.34 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,497 ล้านบาท

“บริษัทฯเติบโตจากการพัฒนาโครงการแนวราบและยังคงมุ่งมั่นพัฒนาต่อไปเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกระดับราคา ไม่เพียงแต่การพัฒนาโครงการเท่านั้นแต่เรายังเอาความใส่ใจของการใช้ชีวิตมาเป็นส่วนหนึ่งที่จะยกระดับให้ชีวิตดียิ่งขึ้น ส่งเสริมให้สุขภาพและร่างกายแข็งแรง เพื่อสร้างจุดเปลี่ยนสู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริงที่เราเชื่อมั่นว่า ทุกคนดีขึ้น จะส่งพลังงานบวกให้ สังคม ดีขึ้น ได้เช่นกัน” นายวีระชัย กล่าวในที่สุด

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*