สมาร์ทคอนกรีต เผยทิศทางธุรกิจปี 64 มองแนวโน้มครึ่งปีหลังฟื้นตัว งานโครงการภาครัฐหนุน-ภาคเอกชน นิคมอุตสาหกรรม โครงการอสังหาฯ ทยอยลงทุน ชูกลยุทธ์ออกสินค้าใหม่อิฐมวลเบาตกแต่ง-ประหยัดพลังงาน ปั๊มยอดขาย พร้อมขยายช่องทางจำหน่ายผ่านโมเดิร์นเทรด ดีลเลอร์ทั่วประเทศ ขณะที่ตลาดต่างประเทศ มียอดสั่งซื้อต่อเนื่อง ตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 5% รายได้ 440 ล้านบาท หากโควิด-19 จบอย่างรวดเร็วในครึ่งปีแรก
นายรังสี ทีปกรสุขเกษม
นายรังสี ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) หรือ SMART ผู้ผลิตและจำหน่ายอิฐมวลเบาด้วยระบบอบไอน้ำภายใต้ความดันสูงเพื่อใช้ในงานก่อสร้าง และงานกั้นผนังอาคาร เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจปี 2564 คาดว่าครึ่งปีหลังจะมีแนวโน้มที่ดีกว่าครึ่งปีแรก จากโครงการเมกะโปรเจกต์ขนาดใหญ่ งานโครงการก่อสร้างอาคารภาครัฐ นโยบายโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(Eastern Economic Corridor : EEC)ผลักดันให้เกิดการลงทุนก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรม คลังสินค้า และผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ทยอยลงทุนในโครงการใหม่ ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ความต้องการสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้าง-อิฐมวลเบาปรับตัวดีขึ้น
สำหรับกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนธุรกิจ บริษัทมีแผนเดินหน้าทำการตลาดเชิงรุก ออกสินค้าใหม่อิฐมวลเบาตกแต่งเพิ่ม 2 ลายในปีนี้ จากเดิม 5 ลาย เนื่องจากมีกระแสตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้า และยอดขายเติบโตต่อเนื่อง พร้อมผลักดันสินค้าผ่านช่องทางการจำหน่ายผ่านโมเดิร์นเทรด ดีลเลอร์ ให้มากขึ้น และขยายฐานลูกค้าทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าใหม่ อาทิ ผู้รับเหมาต่างประเทศที่เข้ามาพัฒนาโครงการอสังหาฯ และก่อสร้างโรงงาน นิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ภาคตะวันออก

บริษัทยังมุ่งเน้นการทำตลาดผลิตภัณฑ์ใหม่ อิฐมวลเบาตกแต่งและประหยัดพลังงาน” ให้เป็นที่รู้จัก มากขึ้น เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า ควบคู่กับการใช้กลยุทธ์ O2O (Online to Offline ) เพื่อกระตุ้นการสร้างยอดขายให้เติบโต และสร้างการรับรู้กับลูกค้าในวงกว้าง ผ่านสื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดียต่อเนื่อง ทั้งนี้สัดส่วนรายได้ งานภาครัฐอยู่ที่ 60 % ภาคเอกชน 38 % และต่างประเทศ 2% ขณะที่สัดส่วนรายได้แบ่งตามกลุ่มผลิตภัณฑ์อิฐมวลเบา 94 % อิฐมวลเบาตกแต่ง 5 % และอื่นๆ 1 %

สำหรับการขยายตลาดกลุ่มประเทศ CLMV(กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) บริษัทฯยังมีการส่งสินค้าไปจำหน่ายในประเทศกลุ่มนี้ เพื่อใช้ในงานก่อสร้างและงานโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ โดยมีกระแสตอบรับที่ค่อนข้างดีและมีออเดอร์สั่งซื้อสินค้าต่อเนื่องจากตัวแทนจำหน่ายในประเทศดังกล่าว นอกจากนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าเจรจาหาพันธมิตรเป็นตัวแทนจำหน่าย เพื่อขยายตลาดในกลุ่มประเทศ CLMV อย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้ 440 ล้านบาท หรือเติบโตไม่ต่ำกว่า 5% หากโควิด-19 จบอย่างรวดเร็วในครึ่งปีแรก

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*