วางแผนลงทุนโครงการใหม่ปี 2563 ที่ผ่านมา จำนวน 28 โครงการ มูลค่า 24,540 ล้านบาท สินค้าหลัก 76% เป็นบ้านแนวราบ ซึ่งข้อมูลอัพเดทล่าสุด(วันที่ 30 กันยายน 2563) ศุภาลัยมีสินค้าแนวราบพร้อมขายอยู่ในมือประมาณ 36,490 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นบ้านระดับราคากลางถึงล่างประมาณ 9,990 ล้านบาท โดยมีสินค้าหลักเป็นทาวน์เฮ้าส์แบรนด์โนโววิลล์ ระดับราคา 1.5-2.7 ล้านบาท และศุภาลัย พรีโม่ ระดับราคา 1.99-5 ล้านบาท

นางสาวธัญวรัตน์ ปัญญารัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการตลาดและการขาย บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบในปี 2564 ยังคงมีการแข่งขันสูง แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ไวรัส COVID – 19 ยังแพร่ระบาดอยู่ก็ตาม ทำให้ผู้ประกอบการเร่งปรับแผนเปิดตัวโครงการใหม่ที่ตอบโจทย์กลุ่มเรียลดีมานด์ ทั้งทำเลที่ตั้งที่มีศักยภาพ การดีไซน์ ฟังก์ชัน และการเพิ่มเทคโนโลยีต่างๆ ในบ้านเพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้งาน โดยโฟกัสไปที่กลุ่มสินค้าแนวราบราคาระดับปานกลางที่ยังเป็นฐานลูกค้ากำลังซื้อสูง

ประเดิมเปิดตัวโครงการแรกในปีนี้ย่านพหลโยธิน ใช้ชื่อโครงการว่า “ศุภาลัย พรีโม่ พหลโยธิน 54/1” ตั้งอยู่บนที่ดินกว่า 27 ไร่ พัฒนาเป็นทาวน์เฮ้าส์จำนวน 247 ยูนิต มูลค่าโครงการ 887 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 2.79 ล้านบาท จะเปิดพรีเซลส์ในช่วงวันที่ 23-24 มกราคมนี้

มีแบบบ้านให้เลือก 6 แบบ มีทั้งทาวน์เฮ้าส์หน้ากว้าง 5 เมตร ขนาดพื้นที่ใช้สอย 119 ตร.ม. จำนวน 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ บ้านแฝดขนาดพื้นที่ใช้สอย 128 ตร.ม. 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ และบ้านเดี่ยวขนาดพื้นที่ใช้สอย 122 – 197 ตรม. จำนวน 3 – 4 ห้องนอน 2 – 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ

ออกแบบฟังก์ชั่นบ้านที่เน้นการอนุรักษ์พลังงานด้วยระบบบ้านอัจฉริยะ Home Automation และ Home Security ผ่านแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน อาทิ Wireless Camera ,Smart Switch,Smart Siren และ Cube Door,Window Sensor ที่ทำให้การอยู่อาศัยมความปลอดภัยมากขึ้น

จุดเด่นของโครงการรายล้อมด้วยแหล่งอำนวยความสะดวกของการใช้ชีวิต โดยเฉพาะโครงข่ายคมนาคมที่เชื่อมต่อการเดินทางหลากหลายรูปแบบทั้งรถไฟฟ้า ทางด่วน และถนนสายหลัก โดยอยู่ใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย หมอชิต – สะพานใหม่ – คูคต สถานีแยก คปอ. และทางด่วนดอนเมืองโทลเวย์ รวมถึงสนามบินดอนเมือง

สำหรับผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ 12,362.73 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 3,853.43 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์บ้านและทาวน์เฮ้าส์74% ที่เหลือ 26% เป็นรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์อาคารชุด สาเหตุหลักมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด- 19 ที่แพร่ระบาดเป็นวงกว้างในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายนปีที่ผ่านมา

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*