ในปี 2563 ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็ได้เปลี่ยนขั้วจากตลาดแนวสูงที่เคยเป็นพระเอกในการขับเคลื่อนมาเป็นตลาดแนวราบที่กลายเป็นฮีโร่พยุงตลาดให้ประคองตัวท่ามกลางวิกฤตด้วยกำลังซื้อจากกลุ่ม Real Demand และแน่นอนว่าแม้ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์จะยังต้องจับตาอย่างใกล้ชิด หากแต่สถานการณ์เช่นนี้ก็ยังถือเป็นโอกาสทองของผู้ซื้อ ซึ่งในส่วนของที่อยู่อาศัยแนวราบนั้นส่วนใหญ่จะเป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง ดังนั้นการเลือกทำเลจึงไม่จำกัดเพียงโซนยอดฮิตแต่ยังสามารถเป็นทำเลอื่นๆ ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตส่วนตัวของตนเอง สามารถเลือกทำเลที่ขยับออกไปจากเขตเมืองเพื่อหลีกหนีความแออัดได้หลากหลายทำเล โดยเฉพาะทำเลที่อยู่ใกล้เส้นทางคมนาคมที่สำคัญๆ สามารถเชื่อมเข้าสู่ใจกลางเมืองได้อย่างสะดวก โดยทำเลที่ฝ่ายวิจัยและพัฒนาของพลัส พร็อพเพอร์ตี้ ได้ทำการสำรวจและพบว่ามีความน่าสนใจสำหรับปี 2564 มีดังนี้

  • ปทุมธานี-ลำลูกกา ทำเลนี้ เป็นตลาดที่สำคัญของบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม และพบการเติบโตที่โดดเด่นกว่าทำเลอื่นๆ โดยเฉพาะในด้านของการปรับตัวของราคาที่ดินที่พบว่า ในปี 2562-2563 ราคาที่ดินโซนนี้ปรับตัวขึ้นถึง 6.5% ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยราคาที่ดินในเขตกรุงเทพฯ และพื้นที่โดยรอบที่ปรับขึ้น 6.7% เนื่องจากมีการเปิดใช้บริการส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อนในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ถือเป็นโซนชานเมืองที่สะดวกในการเดินทางเข้าสู่แหล่งงานกลางเมืองได้โดยง่าย นอกจากนี้จุดเด่นของพื้นที่ปทุมธานี-ลำลูกกา ก็คือยังมีที่อยู่อาศัยแนวราบที่ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทให้เลือกจำนวนมาก โดยจากการสำรวจพบว่าระดับราคาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในทำเลนี้คือระดับราคา 1.5 – 3 ล้านบาท
  • กรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ อีกหนึ่งทำเลเปิดใหม่ที่เริ่มมีผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่เข้าไปปักหมุดพัฒนาโครงการแนวราบ จุดเด่นทำเลนี้คือมีถนนตัดใหม่เชื่อมการเดินทางเข้าสู่พื้นที่รามคำแหง พระราม 9 อีกทั้งยังสามารถเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิและบางนาได้สะดวกรวดเร็ว รวมถึงอยู่ใกล้ทางพิเศษเชื่อมไปสู่ภาคตะวันออกจึงถือเป็นทำเลที่จะได้รับปัจจัยบวกจากโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) อีกด้วย
  • นนทบุรี-พระราม 5 พื้นที่นี้เป็นพื้นที่ด้านตะวันตกของวงแหวนรอบนอก จึงทำให้เกิดการพัฒนาที่อยู่อาศัยในทำเลนี้มากขึ้น เนื่องจากการเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองที่สะดวก โดยในช่วงครึ่งหลังของปี 2562 พบโครงการใหม่บนทำเลนี้ถึง 12 โครงการ จำนวนยูนิตรวม 1,408 ยูนิต ส่งผลให้ครึ่งแรกของปี 2563 มีจำนวนยูนิตเสนอขาย 8,080 ยูนิต และมีอัตราขายอยู่ที่ 85% โดยระดับราคาเสนอขาย 10 – 20 ล้านบาทมีอัตราการขายสูงสุดอยู่ที่ 90%

 

สำหรับการซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบนั้นจังหวะในการซื้อสามารถซื้อได้ทันทีเมื่อมีความพร้อมเนื่องจากส่วนใหญ่ไม่ใช่การซื้อเพื่อเก็งกำไร ปัจจุบันผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แทบทุกรายก็จะมีโปรโมชั่นที่ดีมากเป็นพิเศษกว่าทุกปี บางรายถึงกับออกนโยบายว่าพร้อมรับทุกข้อเสนอของผู้ซื้อ หากใครที่มีความพร้อมและมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในช่วงนี้จึงถือว่าเป็นจังหวะที่ดี อีกทั้งอัตราดอกเบี้ยช่วงนี้ยังอยู่ในระดับต่ำเฉลี่ย 2-3% ในช่วง 3 ปีแรก ซึ่งจะช่วยให้ประหยัดต้นทุนได้อย่างมาก เพราะอัตราดอกเบี้ยที่อยู่อาศัยในระดับนี้อาจจะไม่ได้มีมาให้เห็นไปตลอด จึงเป็นโอกาสที่น่าสนใจของผู้ที่มีความพร้อม

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*