ทีโอเอ เชื่อปี64 ตลาดสีทาอาคารเติบโตจากธุรกิจอสังหาฯ-รร.อุตสาหกรรม ที่เริ่มฟื้นตัว มีความต้องการใช้สีมากขึ้น หลังโควิด-19 คลี่คลาย นำร่องโมเดลธุรกิจแพลตฟอร์ม“WHO Service” ยกระดับบริการงานช่างมาตรฐานใหม่ หวังตอบโจทย์ผู้บริโภค ด้วยโซลูชั่นงานก่อสร้างและซ่อมแซมบ้านครบระบบ โดยทีมช่างผู้รับเหมามืออาชีพ พร้อมทั้ง “MEGA PAINT Warehouse” ศูนย์รวมวัสดุก่อสร้างและบริการครบวงจร รับผลประกอบการ 9 เดือนรายได้ลด 3% มั่นใจปีหน้าพลิกกลับฟื้นตัวโต 10%
นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ
นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)หรือ TOA  เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดสีทาอาคารในปี 2564 ว่า หากไม่นับกลุ่มตลาดอาคารสูงที่ชะลอตัวลง มองว่าเซกเมนต์อื่นๆก็ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเชื่อว่าในปีหน้าจะกลับมาเติบโตได้อีก จากการคาดหวังที่จะมีวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เข้ามา โดยเฉพาะกลุ่มโรงแรมและโรงงานอุตสาหกรรม ที่ปิดการให้บริการไปในช่วงการระบาดของโควิด-19 ก็จะกลับมาเปิดให้บริการใหม่ และจะต้องมีการรีโนเวทใหม่ ซึ่งจะต้องมีการใช้สีในการทาอาคาร ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมาเทรนด์ของตลาดเปลี่ยนไป เข้าสู่ยุคดิจิทัลมากขึ้น ดังนั้นการดำเนินธุรกิจ วิธีการก่อสร้างก็เปลี่ยนไปด้วย และธุรกิจสีเองก็ต้องมีการปรับตัวตามเทรนด์ด้วยเช่นกัน

ส่งผลให้บริษัทฯเกิดไอเดียวสร้างโมเดลธุรกิจแพลตฟอร์มใหม่ เริ่มตั้งแต่การตอบสนอง Demand ของเจ้าของบ้าน ที่มาจาก Pain Point ในการหาช่างผู้รับเหมางานก่อสร้างและซ่อมแซมบ้าน  ที่ไว้วางใจได้ ทั้งเรื่องการทำงานที่ได้มาตรฐาน มีความรับผิดชอบไม่ทิ้งงาน รับประกันคุณภาพงาน ราคาที่ยุติธรรม และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้แม้ในพื้นที่จำกัด  ด้วยการยกระดับบริการงานช่างมาตรฐานใหม่ “WHO Service” เพื่อเป็นช่องทางแนะนำช่างผู้รับเหมามืออาชีพที่ตอบโจทย์เจ้าของบ้าน ด้วยโซลูชั่นงานก่อสร้าง ซ่อมบ้าน รีโนเวทบ้าน ปรับปรุงโรงงานครบระบบ      โดยทีมช่างที่ผ่านการตรวจสอบและคัดเลือกจาก TOA เพื่อให้ลูกค้าเลือกใช้และมั่นใจได้ 100% ด้วยบริการอย่างใกล้ชิดในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การแนะนำช่างในระบบ ลงพื้นที่ประเมินหน้างาน เสนอวิธีการแก้ปัญหาอย่างครบระบบ ตลอดจนมีผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบความเรียบร้อยหลังจากงานแล้วเสร็จ

“ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา เราได้มีช่างเข้าร่วมอบรม ตามมาตรฐานใหม่ WHO Service” แล้วประมาณ 300 ราย และในอนาคตยังมีแผนที่จะกระจายไปอบรมช่างตามภูมิภาคต่างๆทั่วประเทศด้วย โดยจะเริ่มที่ภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ ก่อนเป็นลำดับแรก แต่ทั้งนี้คงต้องรอให้สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายเสียก่อน จึงจะสามารถเริ่มดำเนินการได้” นายจตุภัทร์ กล่าว

โดยบริษัทดังกล่าวมีให้เลือกทั้งหมด 8 โซลูชั่น ได้แก่

1.บริการรับทาสีอาคารทั้งระบบ

2.บริการติดตั้งระบบกันซึมดาดฟ้า หลังคา             

3.บริการติดตั้งระบบกันซึมห้องน้ำและปูกระเบื้อง

4.บริการติดตั้งระบบกันซึมด้วยแผ่นยางชนิดไฟเป่า และแผ่นยางกันซึมชนิดมียางในตัว

5.บริการรับติดตั้งฝ้า เพดานและผนัง 

6.บริการระบบพื้นโรงงานอุตสาหกรรม

7.บริการรับซ่อมพื้น ปรับระดับพื้น อีพ็อกซี่ พื้นพียู

8.บริการรับเหมางานฉาบปูนลอฟท์ ปูนฉาบขัดมันสำเร็จรูป

และเพื่อให้ช่างผู้รับเหมาเหล่านี้ได้เข้าถึงสินค้าคุณภาพอย่างครบระบบ รวมถึงเจ้าของบ้านสามารถใช้บริการงานช่าง “WHO Service” ได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น TOA จึงนำมาต่อยอดสู่โมเดลธุรกิจผ่านคู่ค้าร้านขายสี (Retail Dealers)  กว่า 7,000 ร้านค้าทั่วประเทศ ทั้งยังเป็นการพัฒนาธุรกิจให้ร้านขายสีแบบดั้งเดิมได้กลายเป็น ศูนย์รวมวัสดุก่อสร้าง                    (Light Construction Materials) และบริการแบบครบวงจร ในชื่อ “MEGA PAINT Warehouse” ครบ จบ ในที่เดียว ตั้งแต่การจำหน่าย ผลิตภัณฑ์เคมีก่อสร้าง (ปูนกาวซีเมนต์ปูกระเบื้อง), แผ่นยิปซั่มบอร์ด (TOA Gypsum Board),  ผลิตภัณฑ์สีตกแต่งผนังลอฟท์สำเร็จรูป (TOA Loft), ผลิตภัณฑ์สีทาอาคาร, ผลิตภัณฑ์งานไม้ (TOA Wood Expert), ผลิตภัณฑ์ Protective Coating, เครื่องผสมสีอัตโนมัติ (TOA Color World) และศูนย์บริการโซลูชั่นงานก่อสร้างและซ่อมแซมบ้าน (TOA Protect & Repair Center)

สำหรับโมเดลธุรกิจ “MEGA PAINT Warehouse” นอกจาก TOA จะวางโซลูชั่นสำหรับการขายแบบครบวงจร   ทั้งเรื่องผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อรองรับผู้บริโภคและช่างผู้รับเหมาแล้ว ยังได้เข้าไปช่วยวางแผนจัดการระบบต่างๆ ให้กับร้านค้า ตั้งแต่การออกแบบและตกแต่งร้าน (หน้าร้าน, ป้าย, ชั้นวางสินค้า, จุดดิสเพลย์ตกแต่งสำหรับโชว์ระบบการใช้งานต่างๆ) ระบบจัดเรียงสินค้าที่เป็นหมวดหมู่ (Category Management), ระบบการจัดการคลังสินค้าที่ได้มาตรฐาน (Warehouse Management) รวมทั้งยังมี ศูนย์อบรมให้ความรู้ด้านผลิตภัณฑ์และการใช้งาน (Training Center) ให้แก่ช่างผู้รับเหมาและผู้ที่สนใจเข้าร่วม โดยจะจัดขึ้นทุกไตรมาส

นอกจากนี้ ยังมีผู้เชี่ยวชาญ Technical PC ที่จะให้คำแนะนำการใช้งานผลิตภัณฑ์สำหรับระบบการก่อสร้างและซ่อมแซมบ้าน พร้อมตั้งเป้าภายใน 3 ปี จะมีร้าน “MEGA PAINT Warehouse” เกิดขึ้นมากกว่า 50 สาขา ครอบคลุมในจังหวัดหัวเมืองใหญ่ๆ ทั่วประเทศ โดยภายในต้นปี 2564 จะเปิด 3 สาขาแรกอย่างเป็นทางการ ได้แก่  สาขาซิตี้ โฮมมาร์ท (บางบอน), สาขานวการ จ.ปทุมธานี, สาขาสมาร์ทเพ้นท์ (ถ.ราชพฤกษ์)

“เราคิดว่าร้านค้าไม่สามารถอยู่ได้อย่างเพียงลำพัง จึงได้สร้างโมเดลใหม่นี้ขึ้นมา และจะกระจายไปทุกมุมเมือง เพื่อสร้างกิจกรรมออนไลน์ได้ง่าย และให้ลูกค้าได้ปรับตัวกับสภาพตลาดที่เปลี่ยนไป จึงหวังว่าเซอร์วิสที่เราเพิ่มเติมขึ้นมา จะทำให้ลูกค้าและบริษัทฯมียอดขายที่ดีขึ้น  โดยโมเดลธุรกิจแพลตฟอร์มใหม่นี้ จะช่วยขับเคลื่อนกลยุทธ์ของบริษัทฯ ที่มุ่งเน้นตอบสนองการใช้งานแบบครบวงจร (Total Solution) เพื่อสร้าง Synergy ให้แก่ Product Line อื่นๆ ของ TOA ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น  รวมทั้งยังเป็นแรงสนับสนุนสร้างการเติบโตของบริษัทฯ พร้อมกับการพลิกฟื้นของเศรษฐกิจไทยในปี 2564 ได้อย่างแน่นอน” นายจตุภัทร์ กล่าว

อย่างไรก็ตามในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทฯมีรายได้จากการขายเท่ากับ 12,129 ล้านบาท เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนลดลง 3% เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลให้ช่องทางการขาย Modern trade มีการปิดชั่วคราวในไตรมาส 2 ซึ่งปัจจุบันได้กับมาเปิดดำเนินการแล้ว อย่างไรก็ตามในปีนี้บริษัทได้การเติบโตของผลิตภัณฑ์เคมีก่อสร้าง ที่ช่วยเพิ่มยอดขายทำให้ บริษัทฯได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และเชื่อว่าในปี 2564 รายได้ของบริษัทจะฟื้นขึ้นมีอัตราการเติบโต 10%

 

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*