แอสเสท เวิร์ดฯทุ่มงบกว่า 200 ล้านบาท ปรับโฉม “พันธุ์ทิพย์ พลาซ่า”เป็น AEC TRADE CENTER – PANTIP WHOLESALE DESTINATION” หวังเป็นศูนย์ค้าส่งครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค CLMVT ล่าสุดจับมือสภาหอการค้าฯและ 11 สมาคมการค้า เข้าร่วมโครงการ ประกาศฟรีค่าเช่า 6 เดือน พร้อมเปิดให้บริการ 26 พ.ย.63 นี้ คาดภายในธ.ค.เม็ดเงินซื้อขายสะพัด 1,200 ล้านบาท อนาคตเล็งต่อยอดทำเลประตูน้ำพระอินทร์-จังหวัดพื้นที่ชายแดน
นางวัลลภา ไตรโสรัส
นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC เปิดเผยว่า ตัดสินใจปรับโฉมใหม่ “พันธุ์ทิพย์ พลาซ่า”ที่เดิมเป็นศูนย์กลางร้านค้าอุปกรณ์คอมพิวเตอร์แห่งแรกย่านประตูน้ำ และใหญ่ที่สุดในเมืองไทย อีกทั้งยังเป็นต้นแบบของคอนเซ็ปต์ “ไอทีมอลล์” จนกระทั่งในปี 2559 ได้ปรับโฉมครั้งใหม่ด้วยคอนเซ็ปต์ “เทค-ไลฟ์ มอลล์” เติมความเป็นไลฟ์สไตล์ ใส่แม่เหล็กใหม่ E-Sport Arena และล่าสุดได้ปรับตัวตามยุคสมัยสู่ธุรกิจ Wholesale ด้วยคอนเซ็ปต์ ศูนย์กลางการค้าส่งนานาชาติครบวงจรของภูมิภาค  จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น AEC TRADE CENTER – PANTIP WHOLESALE DESTINATION” และเป็นจุดเริ่มต้นธุรกิจค้าส่งทำเลแรกใจกลางเมืองย่านประตูน้ำของ AWC

ทั้งนี้ด้วยปรัชญาการดำเนินธุรกิจเพื่อ “สร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่า” AWC ตระหนักถึงบทบาทในการมีส่วนร่วมเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจไทย ควบคู่กับการดูแลผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย ตลอดจนสังคมและชุมชน ประเทศชาติ โดยเฉพาะในช่วงปีที่ผ่านมาซึ่งทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจและสังคมทั่วโลกต่างได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤติโควิด-19  ล่าสุดจึงได้ลงนามความร่วมมือกับ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และ 11 สมาคมการค้า ประกอบด้วย สมาคมเฟอร์นิเจอร์ไทย และสมาคมธุรกิจไม้, กลุ่มอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, สมาพันธ์ผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ไทย, สมาคมการค้าของเล่นและผลิตภัณฑ์เด็กไทย, สมาคมเครื่องเขียนและเครื่องใช้สำนักงานไทย, สมาคมของขวัญของชำร่วยไทยและของตกแต่งบ้าน, สมาคมการค้านวัตกรรมการพิมพ์ไทย, สมาคมสินค้าตกแต่งบ้านและผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์, สมาคมธุรกิจร้านอาหาร, สมาคมผู้ส่งออก เอสเอ็มอีไทย เพื่อเดินหน้าโครงการ “AEC TRADE CENTER – PANTIP WHOLESALE DESTINATION” ครั้งนี้ จึงเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาศูนย์กลางการค้าส่ง ใจกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อสนับสนุนไทยในภาคธุรกิจต่างๆ ทั้งผู้ผลิต ผู้ส่งออก และ นำเข้าสินค้า ในการแสวงหาโอกาสในการขยายธุรกิจ ด้วยช่องทางในการขายสินค้าและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ

นายอนันต์ ลาภสุขสถิต

ด้านนายอนันต์ ลาภสุขสถิต หัวหน้าคณะกลุ่มโฮลเซลล์ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC กล่าวว่า ปัจจุบันพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว และชาวต่างชาติล้วนมองประเทศไทยเป็นยุทธศาสตร์ในด้านการค้า บริษัทฯจึงพลิกวิกฤติเศรษฐกิจที่อยู่ในช่วงขาลง และโควิด-19 ที่ยังไม่คลี่คลาย ให้เป็นโอกาส ด้วยการปรับเปลี่ยน “พันธุ์ทิพย์ พลาซ่า”เป็น “AEC TRADE CENTER – PANTIP WHOLESALE DESTINATION” สร้างโมเดลรูปแบบตอบโจทย์ผู้ประกอบการเปิดพื้นที่กระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มศักยภาพการค้า โดยไม่เก็บค่าเช่าเป็นเวลา 6 เดือน เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการในช่วงนี้ และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวดีขึ้น อีกทั้งผลักดันให้มีสินค้าจากผู้ผลิตต้นน้ำที่มีคุณภาพในหลากหลายหมวดสินค้า อาทิ เฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์ตกแต่งภายใน ของเล่น ของชำร่วย เครื่องเขียน ของขวัญ ของตกแต่งบ้าน นวัตกรรมการพิมพ์ เป็นต้น

ทั้งนี้ “AEC TRADE CENTER”  เกิดจากแนวคิดของ AWC ในการพัฒนาศูนย์ค้าส่งครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค CLMVT (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม ไทย) และเชื่อมโยงไปยังประเทศจีน เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้านานาชาติของอาเซียนครบวงจร ซึ่งปัจจุบันใกล้เสร็จสมบูรณ์วางแผนจะเปิดในต้นปี 2564 แต่ในปัจจุบันพบว่าสถานการณ์โควิด-19 ทำลายบรรยากาศการค้าทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยปลุกชีพจรการค้า บริษัทฯจึงนำแนวคิดดังกล่าวมาพัฒนา “AEC TRADE CENTER – PANTIP WHOLESALE DESTINATION” ให้เป็นโครงการแฟล็กชิพของเออีซี เทรด เซ็นเตอร์ ในฐานะศูนย์กลางการค้าส่งแบบวันสต็อป ครบวงจรใจกลางกรุงเทพฯ เป็นแห่งแรกของไทย มีพื้นที่เช่ารวมกว่า 30,000 ตารางเมตร (ตร.ม.) จากพื้นที่ทั้งหมดกว่า 50,000 ตารางเมตร โดยใช้งบในการรีโนเวททั้งสิ้นกว่า 200 ล้านบาท ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพให้เติบโตบนเวทีการค้าโลก

ปัจจุบันมีผู้เช่าพื้นที่เกือบเต็ม 100% แล้ว โดยมีผู้เช่าเดิมอยู่ไม่ถึง 15% ที่จะหมดสัญญาเช่าในระยะเวลาที่แตกต่างกันไป หากลูกค้าต้องการต่อสัญญาเช่า ทางโครงการก็ยินดี แต่ทั้งนี้ผู้เช่าก็จะต้องปรับตัวให้เข้ากับโมเดลธุรกิจของโครงการดังกล่าวด้วย ทั้งนี้หลังจากครบระยะเวลา 6 ที่ให้ฟรีค่าเช่าแล้ว คงจะต้องกำหนดราคาเช่าขึ้นมาใหม่ ซึ่งคงเป็นราคาที่ต่ำกว่าเดิมก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19 ที่ราคาเช่าอยู่ที่ประมาณ 800-7,000 บาท/ตารางเมตร/เดือน ทั้งนี้เพื่อให้ธุรกิจอยู่รอดต่อไปได้ ซึ่งบริษัทฯมีความโชคดีที่มีสายป่านยาว จึงยังไม่คิดในเรื่องการปรับราคาเช่ามากนัก ซึ่งกว่าจะปรับราคาให้สูงเท่าช่วงก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19 คงใช้ระยะเวลาประมาณอีก 2 ปี

ด้วยพื้นที่แสดงสินค้า และศูนย์ SMEs Service Solution (SSS) ซึ่งจะมีสตูดิโอถ่ายภาพเพื่อให้ผู้ค้าสามารถใช้บริการถ่ายทอดสดออนไลน์ (Live Streaming)  ห้องประชุม และสัมมนาขนาดย่อม พื้นที่ให้บริการคำปรึกษาด้านธุรกิจ ที่จะเชื่อมโยงกลุ่มผู้ซื้อ ทั้งผู้ผลิต ผู้ส่งออก และ ผู้นำเข้าสินค้า ทั้งภายในประเทศ ระหว่างภูมิภาค และทั่วโลกตลอดทั้งปี

นอกจากนั้น เพื่อให้เป็นศูนย์กลางการค้าส่งในภูมิภาคอย่างแท้จริง โครงการยังได้รับความร่วมมือจาก Yiwu หรือ Zhejiang China Commodities City Group Co., Ltd. (CCC Group) ผู้พัฒนาและบริหารตลาดค้าส่งสินค้าเบ็ดเตล็ดที่ใหญ่ที่สุดในโลกจากเมืองอี้อู (Yiwu) ประเทศจีน มาเปิดศูนย์นำเข้าและส่งออกที่โครงการ โดยจะมีศูนย์แสดงสินค้าคุณภาพคัดสรร “Yiwu Selection Thailand Showcase” เพื่อให้โครงการเป็นศูนย์ค้าส่งระดับภูมิภาค ให้ผู้ซื้อจากต่างประเทศได้มาเลือกสินค้าที่ไทย และยังเป็นช่องทางช่วยผู้ประกอบการส่งออกสินค้าไปยังประเทศจีนผ่านเครือข่าย IC Mall ของอี้อู ซึ่งทั้งหมดนี้พร้อมจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2563 นี้

“AEC TRADE CENTER – PANTIP WHOLESALE DESTINATION ยังมีช่องทางออนไลน์ อย่างเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่น Phenixbox ซึ่งอยู่ระหว่างพัฒนาขึ้นเพื่อเป็นส่วนสนับสนุนให้ผู้เช่าของโครงการ สามารถดำเนินธุรกิจแบบออนไลน์ให้ครอบคลุมทั่วโลกได้ ในรูปแบบของ O2O ที่เชื่อมต่อออนไซต์และออนไลน์เข้าด้วยกัน  ซึ่งจะช่วยให้ผู้เช่าสามารถมีพื้นที่ขายออนไลน์ในรูปแบบของการขายส่งได้ตลอด 24 ชั่วโมง 365 วัน โดยมีฟีเจอร์การใช้งานที่ตอบโจทย์ ทั้งเรื่อง การทำใบเสนอราคา การแชทรับส่งข้อความแบบเรียลไทม์ การทำธุรกรรมการเงินแบบออนไลน์ ระบบการขนส่ง และโลจิสติก ฟังก์ชั่นการค้นหาสินค้าอัจฉริยะ และการจัดการซื้อขายในลักษณะกลุ่ม” นายอนันต์ กล่าว

อย่างไรก็ตามหลังจากที่ร่วมมือกับ 11 สมาคมการค้า แล้ว ในอนาคตทางโครงการคาดหวังว่าจะมีเครือข่ายสมาคมการค้าเข้าร่วมในโครงการเพิ่มมากขึ้น  ด้วยจุดมุ่งหมายที่จะเป็นศูนย์รวมผู้ให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการค้าส่งระหว่างประเทศอย่างครบวงจร  นอกจากนั้น ยังมีศูนย์แสดงสินค้าคุณภาพคัดสรร “Yiwu Selection Thailand Showcase” และศูนย์ให้บริการด้านการส่งออกไปยังประเทศจีน “IC Mall” เพื่อช่วยเชื่อมโยงช่องทางการตลาดให้แก่ผู้ส่งออกไทยที่ต้องการจะส่งออกสินค้าไปยังประเทศจีน โดยในช่วงเปิดตัวโครงการ AEC TRADE CENTER – PANTIP WHOLESALE DESTINATION จะเปิดพื้นที่ให้ผู้ประกอบการทั้งผู้ผลิต ผู้ส่งออก และ ผู้นำเข้าสินค้า เข้าใช้โดยไม่เสียค่าเช่าพื้นที่เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยในการขยายช่องทางการค้าส่งในประเทศไทย และเชื่อมโยงผู้ประกอบการค้าส่งไทยกับตลาดค้าส่งนานาชาติในอนาคต

ทั้งนี้คาดว่าในเดือนธันวาคม 2563 นี้ จะมีมูลค่าการซื้อขายในโครงการประมาณ 1,200 ล้านบาท และหากกำลังซื้อจากต่างชาติกลับมาจะมีมูลค่าการซื้อขายถึง 4,000-5,000 ล้านบาท/เดือน และหากโมเดลธุรกิจนี้ประสบความสำเร็จบริษัทฯก็จะนำไปต่อยอดกับโครงการ AEC TRADE CENTER -ประตูน้ำพระอินทร์ (เดิมคือ ตลาดต่อยอด) และโครงการในจังหวัดพื้นที่ติดชายแดน ซึ่งบริษัทฯยังมีที่ดินสะสมอีกมาก แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ในขณะนี้

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*