ธุรกิจสถาปนิกรับโควิด-19 กระทบภาพรวมอุตสาหกรรมก่อสร้าง โดยเฉพาะตลาดคอนโดฯ เปิดตัวลดลง 70% ส่งผลงานในมือสถาปนิกลดลง 10-20% บางโครงการขยายเวลากส่งมอบมากกว่า 6 เดือน ระบุคอนโดฯยุค New Normal ต้องตอบโจทย์ 5 เรื่องหลัก
นายไพทยา บัญชากิติคุณ
 นายไพทยา บัญชากิติคุณ กรรมการสมาคมแบบจำลองสารสนเทศอาคาร และ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อะตอม ดีไซน์ (ATOM Design) เปิดเผยว่าในช่วงวิกฤติ-16 ที่ผ่านมากลุ่มธุรกิจสถาปนิกก็ได้รับผลกระทบ เช่นเดียวธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยพบว่าในช่วง 2 ไตรมาสแรกของปี 2563 โครงการประเภทคอนโดมิเนียม มีการเปิดตัวลดลง 70% ขณะที่โครงการแนวราบบางพื้นที่ยังไปได้ดี บางทำเลมีอัตราการดูดซับ(Absorption Rate) เพิ่มขึ้นเท่าตัว เช่นเดียวกับกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานจากภาครัฐ ค้าปลีก ที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน ขณะที่ธุรกิจโรงแรม ต้องถือโอกาสในปรับปรุงห้องพัก (Renovate) ในช่วงที่มีการปิดประเทศ เพื่อรองรับการบริการเมื่อเปิดประเทศแล้ว

ทั้งนี้ทำให้ภาพรวมตลาดอุตสาหกรรมก่อสร้าง ที่มีมูลค่า 1.29 ล้านล้านบาท ทรงตัวหรือหดตัวลงเล็กน้อย โดยส่วนใหญ่มาจากตลาดคอนโดฯ มูลค่า 3 แสนล้านบาท ลดลง 20-30% ขณะที่ส่วนอื่นๆ  อีก 9 แสนล้านบาท -1 ล้านล้านบาท อยู่ในภาวะทรงตัว หรือลดลงเล็กน้อย จึงส่งผลทำให้ธุรกิจสถาปนิก มีโครงการในมือลดลง 10-20% และบางโครงการมีการขยายเวลาการส่งมอบจากเดิม 6 เดือน เพิ่มเป็น มากกว่า 6 เดือน

สำหรับเทรนด์การออกแบบอาคารและสิ่งปลูกสร้างภายหลังจากวิกฤติโควิด-19 คลี่คลาย นั้นพบว่าการออกแบบที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมนั้นเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน เพราะผู้บริโภคมีกำลังซื้อลดลง แต่มีความต้องการห้องที่มีพื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้น ดังนั้นผู้ประกอบการที่พัฒนาคอนโดมิเนียม ที่มีการเปิดตัวโครงการใหม่ ในช่วงนี้ จะตอบรับกับยุค New Normal ใน 5 เรื่องหลัก คือ

1.การขยายพื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้น 20% จากเดิมห้องขนาด 21-24 ตารางเมตร(ตร.ม.)  เพิ่มเป็น 27-30 ตารางเมตร ขณะที่ห้องขนาดใหญ่ประเภท 1 Bedroom plus  มีการขยายเป็น 35 ตารางเมตร

2.ระดับราคาขายลดลง จากเดิม 100,000 บาท/ตารางเมตร ลดเหลือ 70,000-80,000 บาท/ตารางเมตร ขณะเดียวกันกลุ่มครอบครัว ก็จะมีความต้องการที่อยู่อาศัยขนาด 2-3 ห้องนอนมากขึ้น  สัดส่วนถึง 50% ของโครงการ  และสิ่งสำคัญอีกด้านที่ส่งผลให้การออกแบบคอนโดฯ ต้องรองรับกับความปลอดภัยในช่วงหลังโควิด-19  รองรับวิถี New Normal  ยาวนานไปอีกไม่ต่ำกว่า 1 ปี

 3.การจัดหาพื้นที่จัดส่งพัสดุที่เข้ามาเพิ่มขึ้น รวมไปถึงการเพิ่มวัสดุก่อสร้างที่ป้องกันการติดเชื้อ เช่น กระเบื้อง ที่ไร้การสัมผัส (Touchless)

4.แบ่งโซนพื้นที่ส่วนกลางให้มีมุมส่วนตัว สำหรับทำงาน หรือ ประชุม เป็นต้นขณะเดียวกัน จะต้องมีการพัฒนาที่อยู่อาศัยทั้งคอนโดฯ และแนวราบ ให้ตอบโจทย์

5.การอยู่อาศัยรองรับในหลากหลายกลุ่มอายุ (Multi Generation) รองรับทั้งกลุ่มผู้สูงวัย และกลุ่มวัยรุ่น และผู้เริ่มทำงาน (First Jobber) ที่สามารถอยู่ร่วมกันได้

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*