นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ”  มั่นใจนักลงทุนต่างชาติย้ายฐานการผลิตมาไทยมากขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่อีอีซี ระบุ 8 เดือนที่ผ่านมา มีขอรับการส่งเสริมการลงทุน 277 โครงการ มูลค่าทั้งสิ้นกว่า 1 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนที่มากถึง 51% ของมูลค่าขอรับการส่งเสริมการลงทุนทั้งประเทศ

 

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ปาฐกถาพิเศษ “EEC Go เดินหน้าลงทุน” ที่จัดโดยหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจว่า แม้สภาวะเศรษฐกิจ ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆจะได้รับผลกระทบทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ ที่เกิดจากสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯในปี 2562 และผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด -19 ในปี 2563 แต่ก็ยังมีความเชื่อมั่นว่า ภาพโดยรวมเศรษฐกิจของไทยยังมีโอกาสที่จะเติบโตตามแผนการพัฒนายุทธศาสตร์ของประเทศ ประกอบกับประเทศไทยนั้นเป็นศูนย์กลางของกลุ่มประเทศ CLMV อีกทั้งยังสามารถจัดการ และควบคุมปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี

สำหรับการพัฒนาในพื้นที่เขตเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรืออีอีซี นั้น มีความคืบหน้ามาตลอด โดยที่ผ่านมารัฐบาลได้ขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่อีอีซี 3 ขั้นตอน ดังนี้

ขั้นตอนที่ 1. รัฐบาลเตรียมการวางกลไกที่เกี่ยวข้อง อาทิ ตั้งสำนักงานอีอีซี ,การออกพระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษ ภาคตะวันออก ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2561 ถือเป็นเรื่องสำคัญในการสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน

ขั้นตอนที่ 2. การวางโครงสร้างขั้นพื้นฐาน เพื่อลดระยะการเดินทาง ไม่ว่าจะป็น โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน สนามบินอู่ตะเภา และท่าเทียบเรือมาบตาพุดระยะที่ 3 เป้นต้น

ขั้นตอนที่ 3. การมุ่งเน้นดึงภาคเอกชนมาลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายหรือ อุตสาหกรรม S-Curve”  ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมได้ให้ความสำคัญที่จะมุ่งเน้นการพัฒนามาตลอดโดยถือเป็นนโยบาย และได้ร่วมกับสำนักงาน BOI ในการดึงดูดการลงทุนมาอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากตัวเลขขอรับส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่อีอีซี ในช่วง 8 เดือน( ม.ค.- ส.ค. 2563) มีทั้งสิ้น 277 โครงการ มูลค่าทั้งสิ้นกว่า 1 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนที่มากถึง 51% ของมูลค่าขอรับการส่งเสริมการลงทุนทั้งประเทศ

พร้อมกันนี้นายสุริยะ ยังกล่าวด้วยว่า การตั้งคณะกรรมการนโยบายอีอีซี จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลก็จะไม่ส่งผลกระทบ กล่าวคือ การพัฒนาพื้นที่ในอีอีซี ก็จะยังคงเดินหน้าต่อไปส่วนตัวมีความมั่นใจว่า จะมีการย้ายฐานการลงทุน จากจีน ไต้หวัน และญี่ปุ่น มายังประเทศไทยมากขึ้น เพราะไทยเรามีระบบการจัดการสาธารณสุขที่มีคุณภาพ เห็นได้จากเรื่องโควิด – 19 เป็นที่ยอมรับในต่างประเทศ

ต่อปัญหาที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองของประเทศที่มีการชุมนุมในปัจจุบันนั้น นายสุริยะ กล่าวให้ความเห็นว่า คงไม่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจเข้ามาลงทุนในพื้นที่อีอีซี เนื่องจากนักลงทุนมองว่าเป็นเรื่องปกติของการเมือง

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*