ชาญอิสสระฯรับการเมืองวุ่นกระทบกำลังซื้อชะลอตัว แนะรักษาสภาพคล่องให้มากที่สุด ประกาศแผนปี63 เปิดใหม่ช่วงโค้งสุดท้ายเพียง 1 โครงการ มูลค่า 1,000 ล้านบาท พร้อมปรับกลยุทธ์ขายบิ๊กล็อตให้เอเจนซี่และกลุ่มเศรษฐีไทย ราคาพิเศษ พร้อมนำ 9 โครงการในกทม.-ตจว. อัดแคมเปญ “ISSARA DAY Yes ทุกดีล” หวังระบายสต๊อก คาดรายได้ปีนี้ลดลง 5%
นายดิฐวัฒน์ อิสสระ
นายดิฐวัฒน์ อิสสระ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานสร้างสรรค์สื่อและเทคโนโลยี สารสนเทศ   บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด(มหาชน) หรือ CI เปิดเผยว่าตลาดอสังหาฯในปี 2563 เป็นปีที่ตื่นเต้นและเร้าใจมาก ส่วนเหตุการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน ยอมรับว่ามีผลกระทบบ้าง ทำให้กำลังซื้อชะลอตัว เพราะไม่อารมณ์ในการซื้อที่อยู่อาศัย หากทุกฝ่ายควบคุมได้ และช่วยกัน เพื่อให้ประเทศชาติดีขึ้น บรรยากาศการซื้อขายก็จะกลับมา

สำหรับเทรนด์อสังหาฯโดยรวมก็จะมีผลกระทบในหลายตลาด แต่อสังหาฯก็ยังเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ที่สำคัญ โดยเซกเมนต์ที่มีแนวโน้มเติบโตคือบ้านเดี่ยว ราคา 10-20 ล้านบาท ที่ปรับตัวขึ้น 20-30% เพราะโควิด-19 ทำให้พฤติกรรมการอยู่อาศัยของผู้บริโภคเปลี่ยนไป แต่โครงการของบริษัทฯแม้จะมีระดับลักชัวรี่ ก็มียอดเข้าเยี่ยมชมโครงการและมียอดขายอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะไม่หวือหวาเท่ากับบ้านระดับราคา 10-20 ล้านบาทก็ตาม

“ปัจจัยที่สำคัญในการฟันฝ่าวิกฤติที่กระทบต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ค่อนข้างมาก คือ การรักษาและเพิ่มสภาพคล่องให้ได้มากที่สุด เพราะจะทำให้บริษัทสามารถมีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจได้ต่อจากกระแสเงินสดที่มีอยู่ ทำให้บริษัทมีการลดราคาและการทำโปรโมชั่น เพื่อเร่งระบายสต๊อกออก นำกระแสเงินสดกลับเข้ามาให้ได้มากที่สุด แม้ว่ามาร์จิ้นที่ได้จากการขายจะลดลงบ้าง แต่ทำให้บริษัทตัวเบาขึ้น พร้อมกับลดต้นทุนค่าใช้จ่ายและระมัดระวังในการลงทุน เพื่อนำพาบริษัทให้ผ่านพ้นวิกฤติในครั้งนี้ไปได้ และพร้อมที่จะเติบโตในระยะต่อไป” นายดิฐวัฒน์ กล่าว

ส่วนการเปิดตัวโครงการใหม่จะไม่เร่งเปิดตัวมากนัก แต่จะมานั่งเคราะห์แต่ละโครงการให้ดี โดยนปีนี้จะมีการเปิดตัวใหม่เพียง 1 โครงการ คือบริเวณย่านเขาตะเกียบ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งบริษัทฯได้ซื้อที่ดินจำนวนประมาณ 5 ไร่ มาเมื่อปี 2562 ที่ผ่านมาเพื่อพัฒนาโครงการเป็นคอนโดมิเนียม ตากอากาศ สูง 4 ชั้น จำนวนประมาณ 4-5 อาคาร ขนาด 35-180 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 170,000-250,000 บาท/ตารางเมตร หรือประมาณ 5-50 ล้านบาท มูลค่าโครงการประมาณ 1,000 ล้านบาท  ซึ่งเดิมจะเปิดขายในช่วงกลางปี 2563  แต่ได้มีการปรับแบบ และราคาให้สอดคล้องกับสภาวะตลาด และลูกค้าคนไทย คาดว่าจะเปิดขายในส่วนลูกค้าวีวีไอพีก่อน ประมาณเดือนพฤศจิกายน 2563 นี้

ด้านธุรกิจโรงแรมของบริษัทในช่วงแรกที่โควิด-19 แพร่ระบาดในประเทศไทย และมีการล็อกดาวน์ ธุรกิจโรงแรมได้รับผลกระทบมาก อัตราการเข้าพักลดลงหรือไม่มีการเข้าพักเลย  แต่เมื่อสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยเริ่มดีขึ้น และภาครัฐเริ่มคลายล็อกดาวน์ ประกอบกับมีมาตรการเราเที่ยวด้วยกันเข้ามาช่วย ทำให้กระตุ้นอัตราการเข้าพักได้ให้กลับมาอยู่ที่ 60-70%  โดยบริษัทฯได้ลดราคาห้องพักลงมาประมาณ 15% จากราคาปกติ ซึ่งทำให้ดึงดูดลูกค้าชาวไทยเข้ามาใช้บริการมากขึ้น  ซึ่งโรงแรมในเครือที่เปิดให้บริการในขณะนี้มีทั้งหมด 3 แห่ง ได้แก่

-ศรีพันวา ภูเก็ต ในช่วงเดือนกรกฎาคม-ตุลาคม 2563 มีอัตราการเข้าพัก 2,837 ห้องพัก คิดเป็นมูลค่า 34.53 ล้านบาท

– บาบา บีช คลับ หัวหิน ได้เริ่มเปิดให้บริการ และมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก โดยในช่วงเดือนมิถุนายน-ตุลาคม 2563 มีอัตราการเข้าพัก 910 ห้อง คิดเป็นมูลค่า 8.25 ล้านบาท

-บาบา บีช คลับ นาใต้ ในช่วงเดือนตุลาคม 2563 มีอัตราการเข้าพัก 231 ห้องพัก คิดเป็นมูลค่า 1.3 ล้านบาท

ขณะที่”โรมแรมศรีพันวา ไห่หนาน”  ซึ่งเป็นโรงแรมที่บริษัทเข้าไปบริหารให้กับกลุ่มจุนฟา เรียลเอสเตท ซึ่งเป็นพันธมิตรชาวจีน มีมูลค่าโครงการกว่า 18,000 ล้านบาท เดิมมีกำหนดเปิดให้บริการต้นปี 2563 แต่จากสถานการณ์โควิด-19 ยังไม่คลี่คลาย ทำให้การเดินทางท่องเที่ยวหยุดชะงัก ส่งผลให้ต้องเลื่อนการเปิดตัวออกไปอย่างไม่มีกำหนด จนกว่าการท่องเที่ยวจะกลับมาสู่สภาวะปกติ แต่ถือว่าบริษัทไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด เพราะเป็นเพียงการเข้าไปบริหารให้กับกลุ่มจุนฟาฯที่เป็นผู้ลงทุน

ส่วนการขายสินทรัพย์เข้ากองกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์โรงแรมศรีพันวา (SRIPANWA) โดยจะนำห้องพักเฟสใหม่ของบาบา บีช คลับ หัวหิน ขายเข้ากองฯ แต่จากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ตัดสินใจเลื่อนการขายสินทรัพย์ออกไปเป็นปี 2564

อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการกระตุ้นตลาดในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2563 นอกจากจัดโปรโมชั่นต่างๆแล้ว มองว่าการหมุนเวียนกระแสเงินสดในบริษัทฯมีความสำคัญที่สุด จึงมีแผนที่จะขายบิ๊กล็อตโครงการที่เปิดขายในปัจจุบันผ่านทั้งเอเจนซี่ และลูกค้าโดยตรง ซึ่งมีการเจรจามาโดยตลอด โดยในรอบนี้จะเน้นลูกค้าในประเทศ ซึ่งมีลูกค้าสนใจซื้ออยู่ 2-3 ราย ที่มีโอกาสจะตัดสินใจซื้อสูง โดยสนใจซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองและเพื่อลงทุน ซึ่งแต่ละโครงการจะมีการดีลซื้อ และให้สิทธิพิเศษที่แตกต่างกัน เพราะบางโครงการก่อสร้างเสร็จแล้ว และบางโครงการอยู่ในระหว่างการดำเนินการก่อสร้าง เช่น โครงการที่ชะอำ มีกลุ่มแฟมิลี่ สนใจซื้อ  จำนวน  6-7 ยูนิต มูลค่า 200-300 ล้านบาท เป็นต้น

“มองว่าภาพรวมของธุรกิจอสังหาฯ ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี น่าจะยังทรงๆ ตัวอยู่ โดยโครงการที่ได้รับความสนใจจะเป็นโครงการที่แล้วเสร็จ จับกลุ่มลูกค้า Real Demand ที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยจริงๆ ขณะที่ในแง่ของกลุ่มลูกค้า Investor จะเป็นกลุ่มที่ชะลอตัวลง นอกจากนี้มองว่าในส่วนของตลาดกลุ่มไฮเอนด์ ยังเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบน้อย โดยการฟื้นตัวของภาคธุรกิจอสังหาฯ จากนี้ไปน่าจะเป็นไปอย่างช้าๆ กลยุทธ์การขายปลายปีจะเน้นการขายด้วยการลดราคา ชะลอการเปิดโครงการใหม่ ในการสร้างยอดขายและสร้างรายได้ ให้มีกระแสเงินสดเข้ามามากที่สุด” นายดิฐวัฒน์ กล่าว

นายดิฐวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2563 ยังคงเน้นทำการตลาดเชิงรุก เพื่อสร้างสีสันและกระตุ้นยอดขายอสังหาริมทรัพย์ ที่มีอยู่ในสต๊อกทั้งบ้าน และคอนโดฯ พร้อมอยู่ให้กลุ่มลูกค้าได้มีทางเลือกในการมองหาที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพ พร้อมกับโปรโมชั่นส่วนลดที่คุ้มค่า เพื่อเป็นการกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภค แม้ว่าจะมีปัจจัยลบหลายปัจจัยเข้ามากระทบธุรกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภค

ทั้งนี้ที่ผ่านมา บริษัทฯเน้นการทำโปรโมชั่นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งต้องเร่งปรับตัวในการพัฒนาธุรกิจ   และพัฒนาที่อยู่อาศัย สู่ความเป็น New Normal ด้วยการปรับกลยุทธ์ รูปแบบการตลาด ให้ตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้บริโภคและไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป เน้นการให้ความสะดวกสบายแก่ลูกค้า ลูกค้าสามารถจองผ่านช่องทางออนไลน์ ดูรายละเอียดของโครงการผ่านช่องทางออนไลน์ ทำในสิ่งที่สามารถให้ประโยชน์แก่ลูกค้าให้มากที่สุด ซึ่งจากการปรับตัวดังกล่าวนอกจากจะมอบราคาที่ดี เงื่อนไขดีๆ ให้ลูกค้าแล้ว ยังถือเป็นโอกาสในการซื้อโปรดักส์ที่ดีของลูกค้าอีกด้วย

“การปรับตัวของธุรกิจในยุคนี้เป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องเร่งปรับตัว เพื่อให้การทำการตลาดสอดคล้องไปกับพฤติกรรม และไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปเน้นการให้ความสะดวกสบายแก่ลูกค้าให้มากที่สุด อาทิ เรื่องการพัฒนาช่องทางการสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น การพัฒนาโครงการใหม่ๆ ที่ต้องเน้นความคุ้มค่า และสอดรับกับกำลังซื้อของผู้บริโภค การศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคในการอยู่อาศัย เทรนด์ของการทำงานที่บ้านมากขึ้นดังนั้นต้องให้ความสำคัญกับปัจจัยด้านทำเลและพื้นที่ใช้สอยให้ตอบโจทย์กับกลุ่มเป้าหมายนี้ ขณะที่รูปแบบการพัฒนาโครงการต้องตอบโจทย์เทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่ ในด้านสุขภาพ สุขอนามัย รวมถึงการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้มากขึ้น” นายดิฐวัฒน์ กล่าว

โดยกลยุทธ์ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี  ล่าสุดได้จัดแคมเปญ “ISSARA DAY Yes ทุกดีล” ขน 9 โครงการคุณภาพทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ร่วมจัดแคมเปญมอบส่วนลดให้ลูกค้าได้เลือกในสไตล์ที่ถูกใจ กับข้อเสนอ Finance Sabai Sabai ด้วยการมอบส่วนลดสูงสุดถึง 38%, ฟรีค่าส่วนกลางสูงสุด 10 ปี, ฟรีค่าใช้จ่ายวันโอน, ฟรีอยู่ฟรี 1 ปี หรือลูกค้าสามารถเลือกข้อเสนอ Lifestyle Chill Chill  เลือกรับรถยนต์ Audi A6 Avant 55 TFSI Quattro S-Line, ฟรีบัตรกำนัลไพรเวทเจ็ท มูลค่าสูงสุด 1 ล้านบาท, ฟรีมือถือ Samsung Galaxy Z Fold 2, ฟรีบัตรกำนัลเฟอร์นิเจอร์ Chanintr Living มูลค่าสูงสุด 3 ล้านบาท นอกจากนี้ลูกค้าที่ลงทะเบียนออนไลน์ยังจะได้รับส่วนลดสูงสุด 200,000 บาท ตั้งแต่วันนี้ – วันที่ 15 พฤศจิกายน 2563

“กลยุทธ์การตลาดในโค้งสุดท้ายของปี เราเน้นระบายของในสต๊อกที่มีอยู่ ให้ลูกค้าได้เลือกสรร อีกทั้งยังจัดโปรโมชั่นพิเศษ ซึ่งถือเป็นแคมเปญกระตุ้นการตลาดที่จะช่วยสร้างสีสันส่งท้ายปี ให้ลูกค้าได้มีสิทธิในการเลือกรับโปรโมชั่นที่ใช่ทั้งส่วนลด ของแถม รวมไปถึงมอบประสบการณ์สุดลักชัวรี่ให้กับลูกค้าอีกด้วย” นายดิฐวัฒน์ กล่าว

สำหรับ 9 โครงการที่ร่วมแคมเปญ เป็นโครงการในกทม.3 โครงการ และต่างจังหวัด 6 โครงการ ประกอบด้วย

1.โครงการบ้านอิสสระ บางนา จัดโปรโมชั่น Finance Sabai Sabai ด้วยโปรอยู่ฟรี 1 ปี*, ฟรีค่าส่วนกลาง 2 ปี* และฟรีค่าธรรมเนียมใช้บัตรเครดิต* หรือเลือกรับโปรโมชั่น Lifestyle Chill Chill ฟรีบัตรกำนัล Chanintr Furniture มูลค่าสูงสุด 3 ล้านบาท*, ฟรีบัตรกำนัล เครื่องใช้ไฟฟ้า มูลค่าสูงสุด 1 ล้านบาท* และ ฟรีแพ็กเกจที่พักสุดหรู Sri panwa ภูเก็ต มูลค่าสูงสุด 350,000 บาท* และรับส่วนลดเมื่อลงทะเบียนออนไลน์  สูงสุด 200,000 บาท รวมมูลค่าส่วนลดสูงสุด 9.7 ล้านบาท

2.โครงการอิสสระ เรสซิเดนซ์ พระราม 9 จัดโปรโมชั่น Finance Sabai Sabai ด้วยส่วนลดสูงสุด 12 ล้านบาท*, ฟรีค่าส่วนกลาง 10 ปี*, ฟรีค่าใช้จ่าย ณ.วันโอน*, ฟรีค่าธรรมเนียมใช้บัตรเครดิต*, หรือเลือกรับโปรโมชั่น Lifestyle Chill Chill ฟรีบัตรกำนัล Private Jet*, ฟรีบัตรกำนัล Chanintr Furniture มูลค่าสูงสุด 2 ล้านบาาท*, ฟรีแพ็กเกจที่พักสุดหรู Sri panwa ภูเก็ต มูลค่าสูงสุด 704,000 บาท และรับส่วนลดเมื่อลงทะเบียนออนไลน์  สูงสุด 200,000 บาท รวมมูลค่าส่วนลดสูงสุด 16.5 ล้านบาท

3.โครงการ ดิ อิสสระ สาทร จัดโปรโมชั่น Finance Sabai Sabai มอบส่วนลดสูงสุด 250,000 บาท* ฟรีค่าส่วนกลาง            3 ปี* ฟรีค่าธรรมเนียมใช้บัตรเครดิต* หรือเลือกรับโปรโมชั่น Lifestyle Chill Chill มอบส่วนลดสูงสุด 400,000 บาท* ฟรีมือถือ Samsung Galaxy Z Fold 2 มูลค่า 70,000 บาท*, ฟรี แพ็กเกจที่พักสุดหรู Baba Beach Club หัวหิน มูลค่าสูงสุด 104,000 บาท และรับส่วนลดเมื่อลงทะเบียนออนไลน์ สูงสุด 30,000 บาท รวมมูลค่าส่วนลดสูงสุด 6 แสนบาท

4.โครงการบ้านสีตวัน ปากช่อง – เขาใหญ่ จัดโปรโมชั่น Finance Sabai Sabai มอบส่วนลดสูงสุด 2.4 ล้านบาท*, ฟรีค่าส่วนกลาง 4 ปี*, ฟรีค่าธรรมเนียมใช้บัตรเครดิต*, ฟรีค่าธรรมเนียมโอนกรรมสิทธิ หรือเลือกรับโปรโมชั่น Lifestyle Chill Chill รับส่วนลดสูงสุด 2.4 ล้านบาท*, ฟรีนาฬิกา Apple Watch Series 6*, ฟรี แพ็กเกจที่พักสุดหรู Sri panwa ภูเก็ต มูลค่าสูงสุด 850,000 บาท, ฟรีบัตรเติมน้ำมัน Shell มูลค่าสูงสุด 150,000 บาท และรับส่วนลดเมื่อลงทะเบียนออนไลน์ สูงสุด 200,000 บาท รวมมูลค่าส่วนลดสูงสุด 3.6 ล้านบาท

5.โครงการบ้านทิวทะเล บลูแซฟไฟร์ ซึ่งตั้งอยู่บนอาณาจักรทิวทะเลเวิลด์ ชะอำ-หัวหิน จัดโปรโมชั่น Finance Sabai Sabai กับฟรีค่าธรรมเนียมโอนกรรมสิทธิ์*, ฟรีค่ากองทุน* และฟรีค่าส่วนกลาง 1 ปี * หรือเลือกรับโปรโมชั่น Lifestyle Chill Chill ด้วยฟรีแพ็คเกจ Home care  24 ครั้ง/ปี*, ฟรี  บัตรเติมน้ำมัน Shell  Hua Hin One*, ฟรีบัตรกำนัลร้าน Taco Shell*, ฟรีบัตรกำนัลร้าน I-Tim Station*, ฟรีบัตรกำนัลร้าน Chic Salon One*, และฟรี แพ็คเกจที่พักสุดหรู Sri panwa ภูดก็ต มูลค่าสูงสุด 50,000 บาท และรับส่วนลดเมื่อลงทะเบียนออนไลน์ สูงสุด 10,000 บาท รวมมูลค่าส่วนลดสูงสุด 1.7 ล้านบาท

6.โครงการ บลูไดมอนด์ ชะอำ-หัวหิน จัดโปรโมชั่น Finance Sabai Sabai กับฟรีค่าธรรมเนียมโอนกรรมสิทธิ์*, ฟรีค่ากองทุน*, ฟรีค่าส่วนกลาง 1 ปี* หรือเลือกรับโปรโมชั่น Lifestyle Chill Chill กับฟรีแพ็คเกจ Home care  24 ครั้ง/ปี*, ฟรีบัตรเติมน้ำมัน Shell  Hua Hin One*, ฟรีบัตรกำนัลร้าน Taco Shell*, ฟรีบัตรกำนัลร้าน I-Tim Station*, ฟรีบัตรกำนัลร้าน Chic Salon One และ ฟรีแพ็กเกจที่พัก Sri panwa มูลค่าสูงสุด 70,000 บาท* และรับส่วนลดเมื่อลงทะเบียนออนไลน์ สูงสุด 10,000 บาท รวมมูลค่าส่วนลดสูงสุด 1.2 ล้านบาท

7.โครงการ ดิ อิสสระ เชียงใหม่ จัดโปรโมชั่น Finance Sabai Sabai ด้วยการมอบส่วนลดสูงสุด 38%*, ฟรีค่าธรรมเนียมโอนกรรมสิทธิ์*, ฟรีค่าส่วนกลาง 1 ปี*, ฟรีค่ากองทุน*, ฟรีค่ามิเตอร์ น้ำ-ไฟ* หรือเลือกรับโปรโมชั่น Lifestyle Chill Chill นอกจากจะได้รับส่วนลดแล้ว ยังจะได้รับฟรีแพ็กเกจเฟอร์นิเจอร์ +เครื่องใช้ไฟฟ้า*, ฟรีบัตรกำนัล HomePro*, ฟรีแพ็กเกจ Homecare 15 ครั้ง*, Free แพ็กเกจ Holiday Voucher * เมื่อลงทะเบียนออนไลน์จะได้รับส่วนลดเพิ่ม สูงสุด 10,000 บาท รวมมูลค่าส่วนลดสูงสุด 2.8 ล้านบาท

8.โครงการ Baba Beach Club Luxury Pool Villa ชะอำ-หัวหิน จัดโปรโมชั่น Finance Sabai Sabai ด้วยการมอบส่วนลดสูงสุด 5 ล้านบาท* และฟรีค่าธรรมเนียมโอนกรรมสิทธิ์* หรือเลือกรับโปรโมชั่น Lifestyle Chill Chill รับฟรี Audi A6 Avant 55 TFSI Quattro S-Line มูลค่าสูงสุด 5 ล้านบาท* รวมมูลค่าของแถม และส่วนลดสูงสุด 5 ล้านบาท

9.โครงการ Baba Beach Club Residence Natai จัดโปรโมชั่น Finance Sabai Sabai ด้วยการมอบส่วนลดสูงสุด 1.5 ล้านบาท*, ฟรี Fully-furnished package* มูลค่าสูงสุด 4 ล้านบาท, ฟรีค่าส่วนกลาง 2 ปี* และฟรี ค่าธรรมเนียมใช้บัตรเครดิต* หรือเลือกรับโปรโมชั่น Lifestyle Chill Chill ที่นอกจากจะได้รับส่วนลดแล้ว ยังจะได้ฟรี Fully-furnished package* มูลค่าสูงสุด 4 ล้านบาท, ฟรีแพ็กเกจ Villa caring  1 ปี*, ฟรีบัตรกำนัลร้านอาหาร มูลค่า 120,000 บาท และ ฟรี บัตรกำนัล Spa รวมมูลค่าของแถม และส่วนลดสูงสุด 5.9 ล้านบาท

สำหรับแคมเปญ ISSARA DAY Yes ทุกดีล เริ่มแล้วตั้งแต่วันนี้ จนถึง 15 พฤศจิกายน 2563 และจะมีการจัดกิจกรรมของแต่ละโครงการในวันที่ 14 – 15 พฤศจิกายน 2563  โดยตั้งเป้ายอดขายจากการจัดแคมเปญดังกล่าวที่ 300-400 ล้านบาท

“การจัดแคมเปญครั้งนี้ จะระบายสต๊อก ทำให้ช่วยต้นทุนการขายและบริหาร (SG&A) ของบริษัทลดลง มีความสามารถสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้น แม้ว่าแนวโน้มรายได้ของบริษัทในปี 2563 คาดว่าจะลดลงประมาณ 5% จากปีก่อนที่มีรายได้  2,270 ล้านบาท เนื่องจากผลกระทบของการแพร่ระบาดโควิด-19 ส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และมีผลกระทบมาถึงภาคอสังหาริมทรัพย์ ทำให้การตัดสินใจซื้อชะลอตัวตาม ทำให้การขายที่อยู่อาศัยในช่วงที่ผ่านมาขายได้ค่อนข้างช้ากว่าที่ผ่านมา ประกอบกับในปีนี้ บริษัทไม่มีโครงการใหม่ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จเตรียมโอน ทำให้รายได้ในปีนี้จะยังไม่เห็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดด” นายดิฐวัฒน์ กล่าวในที่สุด

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*