“เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้”  ( Frasers Property Ltd. (FPL) ) บริษัทข้ามชาติในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์เข้ามาซื้อกิจการของ บมจ.แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ หรือ GOLD ในสัดส่วน 99.44% ทำให้ขนาดของธุรกิจมีขนาดใหญ่ขึ้นและอสังหาริมทรัพย์ที่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น พร้อมกับได้ทรานฟอร์มธุรกิจภายใต้ชื่อบริษัทใหม่คือ บมจ.เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย)หรือ FPTหลังจากที่เพิกถอนหลักทรัพย์ GOLD  ออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน มีผลตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม 2563และ FPT ก็เป็นธุรกิจอสังหาฯในกลุ่มของ “เจ้าสัว เจริญ สิริวัฒนภักดี”

นายธนพล ศิริธนชัย

ล่าสุด  นายธนพล ศิริธนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (Country Chief Executive Officer) บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) ได้ประกาศเกมรุกธุริจผ่านกลยุทธ์ ONE PLATFORM ตั้งเป้าเป็น TOP 3 ในปี 2566 ที่ผสานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 3 กลุ่ม ครอบคลุมอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย อุตสาหกรรม และพาณิชยกรรม เข้าไว้ในแพลตฟอร์มเดียวกัน ภายใต้แบรนด์ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ที่มีประสบการณ์และชื่อเสียงในระดับโลก โดยจะมุ่งเน้นการพัฒนาธุรกิจศักยภาพสูงของทุกกลุ่มด้วยความเป็นหนึ่งเดียวกัน (Synergy) เพื่อสร้าง Ecosystem ทางธุรกิจที่สนับสนุนการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนของบริษัทฯ ซึ่งจะทำให้เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย สามารถกระจายความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ ด้วยการบริหารสินทรัพย์หลากหลายประเภทที่มีลูกค้าหลายกลุ่ม (Diversification) พร้อมยืนหยัดในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ด้วยความสามารถในการบริหารจัดการที่มีความยืดหยุ่นและทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงและสถานการณ์ที่ท้าทายได้เป็นอย่างดี (Resilience)

หัวใจสำคัญของการก้าวกระโดดสู่ความสำเร็จ คือ กลยุทธ์ One Platform ที่ทำให้บริษัทฯสามารถให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างครอบคลุมตรงโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า โดยการรวมกันบนแพลตฟอร์มเดียวจะเป็นการสร้างความมั่นคงให้แก่บริษัทฯ เพราะจะมีรายได้จากหลายช่องทาง และรายได้ประจำ (Recurring Income) เพิ่มมากขึ้นปัจจุบันรายได้ที่เกิดจากรายได้ประจำคิดเป็นสัดส่วน 20-25% ตั้งเป้าในอนาคตจะเพิ่มเป็น 30-40% ในอีก 5 ปีข้าหน้า ขณะที่รายได้ที่เกิดจากการทำธุริจอสังหาฯประเภทซื้อมาขายไปอยู่ที่ 70—80% ทำให้บริษัทฯสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยจะดำเนินตามแผน ONE-TO-THREE ซึ่งหมายถึง “ONE platform TOwards being a trusted brand and the top THREE in all asset classes” หรือ การรวมธุรกิจเป็นหนึ่งเดียวด้วยแพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เพื่อมุ่งสู่การเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำระดับ Top 3 ของทุกกลุ่มธุรกิจ ในปี 2566

ไฮไลท์สำคัญของธุรกิจหลักของเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย มีดังนี้:

กลุ่มธุรกิจ “เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม” ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยในแนวราบ ในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และหัวเมืองใหญ่ โดยตั้งเป้าในการขยายไปยังจังหวัดต่างๆ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

“เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม” จัดอยู่ในอันดับ Top 5 ของประเทศสำหรับกลุ่มธุรกิจเพื่อที่อยู่อาศัย มีโครงการที่พักอาศัยคุณภาพสูงรวม 59 โครงการ ในหลายทำเล ครอบคลุมทุกระดับราคา ภายใต้แบรนด์ “โกลเด้น” ที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง และ เดอะ แกรนด์ ธุรกิจกลุ่ม “โฮม”  มีมูลค่าสินทรัพย์รวม 70,000 ล้านบาท และมีรายได้ 9 เดือนแรกของปี 2563 (มกราคม – กันยายน) รวม 11,100 ล้านบาท และในแต่ละปีตั้งงบในการซื้อที่ดินเพื่อรองรับแผนการพัฒนาไม่น้อยกว่า 6,000 -8,000 ล้านบาท และมีแผนที่จะขยายไปพัฒนาคอนโดมิเนียมในอนาคตด้วยเช่นกัน

กลุ่มธุรกิจ “เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล” ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมแบบครบวงจร  มีสถานะเป็น ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมยุคใหม่ที่มุ่งเน้นการส่งมอบโซลูชั่นเพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าแต่ละราย มีโรงงานและคลังสินค้าทั้งแบบพร้อมให้เช่า (Ready-Built) และแบบสร้างตามความต้องการของลูกค้า (Built-to-Suit) บนทำเลที่ตั้งยุทธศาสตร์กว่า 50 ทำเล ทั้งในนิคมอุตสาหกรรม สวนอุตสาหกรรม เขตอุตสาหกรรม เขตส่งเสริมอุตสาหกรรม และพื้นที่อื่นๆ ที่มีศักยภาพในประเทศไทย  โดยปัจจุบันมีพื้นที่โรงงานรวม 1.2 ล้านตารางเมตร พื้นที่คลังสินค้ารวม 1.8 ล้านตารางเมตร คิดเป็นพื้นที่ภายใต้การบริหารจัดการรวม 3 ล้านตารางเมตร และมีรายได้ 9 เดือนแรกของปี 2563 (มกราคม – กันยายน) รวม 1,700 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าลงทุนด้านการก่อสร้างต่อปีอยู่ที่ 1,000-2,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย ยังเป็นผู้สนับสนุนและผู้จัดการกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ หรือ FTREIT ซึ่งเป็นกองทรัสต์อุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ภายใต้การจัดการ มากกว่า 42,000 ล้านบาท โดยมีประเภทของทรัพย์สินคือโรงงานและคลังสินค้ารวม 620 ยูนิต ปัจจุบัน FTREIT  ยังคงแสดงความสามารถในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือหรือเครดิตเรทติ้งที่ระดับ A/Stable ซึ่งถือว่าเป็นอันดับความน่าเชื่อถือที่สูงสุดสำหรับกองทรัสต์ในประเทศไทย >> อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ** ทริสฯ คงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน FPT ที่ “A-”

กลุ่มธุรกิจ “เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ คอมเมอร์เชียล” อสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชยกรรมชั้นนำประกอบด้วย อาคารสำนักงานให้เช่า รีเทล โรงแรมและเซอร์วิส อพาร์ทเม้นท์ รวมถึงโครงการมิกซ์ยูส ที่ทั้งหมดล้วนตั้งอยู่ในใจกลางย่านธุรกิจของกรุงเทพฯ โครงการที่เป็นที่รู้จัก ได้แก่ อาคาร โครงการสามย่านมิตรทาวน์, อาคารเอฟวายไอ เซ็นเตอร์,อาคารสาทรสแควร์, อาคารปาร์คเวนเชอร์, อาคารโกลเด้นแลนด์, โรงแรม ดับเบิ้ลยู กรุงเทพฯ และ ดิ แอสคอท สาทร แบงคอก ปัจจุบันกลุ่มธุรกิจคอมเมอร์เชียล มีอาคารสำนักงาน และโครงการมิกซ์ยูสรวม 5 แห่ง คิดเป็นพื้นที่รวม 240,000 ตารางเมตร และมีห้องในโรงแรมและเซอร์วิส อพาร์ทเมนท์ จำนวน 1,100 ห้อง และมีรายได้ 9 เดือนแรกของปี 2563 (มกราคม – กันยายน) รวม 1,200 ล้านบาท

โครงการพัฒนาดาต้าเซ็นเตอร์ บริษัทร่วมทุนได้ประมาณการงบลงทุนกว่า 7,300 ล้านบาท บนพื้นที่ยุทธศาสตร์ขนาด 16 ไร่ ย่านรามคำแหง 28

นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจอื่นๆด้วยเช่นกัน อาทิ คลังเก็บข้อมูล ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาสำหรับโครงการพัฒนาดาต้าเซ็นเตอร์ บริษัทร่วมทุนได้ประมาณการงบลงทุนกว่า 7,300 ล้านบาท บนพื้นที่ยุทธศาสตร์ขนาด 16 ไร่ อยู่ย่านรามคำแหง 28 คาดว่าจะสามารถเริ่มเปิดให้บริการได้ในปี 2564 โดยมีแผนทยอยเปิดให้บริการเป็นเฟส ด้วยการวางระบบโครงสร้างพื้นฐานของดาต้าเซ็นเตอร์ที่ดี โครงการจึงสามารถขยายกกำลังการให้บริการได้ตามความต้องการของตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน และในอนาคตคาดว่าจะมีการวางแผนลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์แห่งใหม่เพิ่มเติมเพื่อรองรับความต้องการของตลาดอีกด้วย

พร้อมกันนี้ นายธนพล ยังกล่าวด้วยว่าภายใต้ภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกจากผลกระทบของโควิด-19 ตลอดจนการชะลอตัวทางเศรษฐกิจและความไม่แน่นอนทางการเมืองภายในประเทศ ทำให้ต้องประเมินสถานการณ์ต่างๆอย่างตลอดเวลา โดยในส่วนของภาพรวมของธุรกิจเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย ปี 2564 บริษัทฯยังคงตั้งเป้าที่จะรักษาระดับรายได้ไว้ให้ได้ไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาทซึ่งเท่ากันหรือใกล้เคียงกับปี 2563 โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 (มกราคม – กันยายน)มีรายได้รวม 14,000-15,000 ล้านบาท และปัจจุบันบริษัทฯมีมูลค่าของสินทรัพย์อยู่ที่ 100,000 ล้านบาทตั้งเป้าเติบโต 10-15% ส่วนหนี้สินในปัจจุบันมีอยู่ที่ 68,000 ล้านบาทซึ่งยอมรับว่าค่อนข้างสูง

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*