สิงห์ เอสเตทฯหวั่นการเมืองไม่สงบ ซ้ำเติมตลาดอสังหาฯอ่วม ปรับแผนดำเนินธุรกิจปี64 นำที่ดินสะสมรุกแนวราบ แบรนด์ใหม่ ราคา 100 ล้านบาท สนองพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนจากพิษโควิด-19 พร้อมหั่นเป้ายอดโอนปีนี้เหลือ  4,000 ล้านบาท  ด้านดิ เอส สุขุมวิท 36” กวาดยอดขายแล้ว  4,200 ล้านบาท
นายณัฐวุฒิ มัธยมจันทร์
นายณัฐวุฒิ มัธยมจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการพัฒนาธุรกิจพักอาศัย บริษัท สิงห์ เอสเตทจำกัด(มหาชน)หรือ S เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ทางการเมืองที่ไม่สงบในปัจจุบัน มองว่าจะเป็นผลกระทบเชิงลบต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ในระยะสั้น เพราะในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยผ่านเรื่องการประท้วงมาหลายครั้ง และหลังจากสถานการณ์คลี่คลาย ตลาดก็กลับมาเติบโตดีขึ้น ซึ่งบริษัทฯได้มีการเตรียมความพร้อมด้านการขายและการโอนรองรับไว้ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าให้ได้มากที่สุด แต่มองว่าปัจจัยโควิด-19 ที่ยังไม่คลี่คลายลงชัดเจน ถือเป็นปัจจัยกดดันที่ส่งผลกดดันต่อภาคธุรกิจ และตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไทย เพราะสร้างความไม่แน่นอน กระทบต่อเศรษฐกิจ และลูกค้าชาวต่างชาติ ที่ยังไม่สามารถเดินทางเข้ามาซื้อหรือโอนได้ด้วยตนเอง ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังมีแรงกดดันอยู่ ซึ่งคาดว่าหากมีวัคซีนออกมารักษาโควิด-19 ได้ชัดเจนแล้ว จะเห็นภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและภาคอสังหาริมทรัพย์ตามมาด้วย โดยคาดว่าจะใช้ระยะเวลา 1-2 ปี กว่าจะฟื้นกลับมา

 

ส่วนภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ และสภาวะเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัว ส่งผลให้การตัดสินใจซื้อคอนโดมิเนียมชะลอตัวตามไปด้วย จะเห็นได้จากยอดขายของโครการคอนโดมิเนียมดิ เอ็กซ์โทร พญาไทรางน้ำ (The Extro Phayathai-Rangnam)  ที่บริษัทเปิดตัวไปเมื่อต้นปี ก่อนโควิด-19 แพร่ระบาด ส่งผลให้ยอดขายยังคงนิ่งอยู่ แต่ตลาดแนวราบถือว่ามีการเติบโตที่สวนกระแส จากพฤติกรรมความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป หลังจากโควิด-19 แพร่ระบาด ทำให้มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยที่มีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น ซึ่งโครงการแนวราบจะตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้ตลาดแนวราบเติบโตขึ้น และช่วยหนุนผลงานให้กับผู้ประกอบการอสังหาฯบางรายที่มีการพัฒนาโครงการแนวราบเป็นหลักอยู่แล้ว
จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ส่งผลให้บริษัทฯปรับแผนการดำเนินธุรกิจปี 2564 มารุกตลาดแนวราบ ระดับลักชัวรี่เพิ่มขึ้น โดยจะเป็นการพัฒนาภายใต้แบรนด์ใหม่ แต่ระดับราคาต่ำกว่าแบรนด์สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซสเบื้องต้นคาดว่าราคาขายจะอยู่ที่ประมาณ 100 ล้านบาท(ลบ.)ซึ่งขณะนี้มีที่ดินโซนกทม.ฝั่งตะวันตกและตะวันออก รองรับแล้ว 2-3 แปลง ขณะนี้อยู่ในระหว่างการออกแบบ และอยู่ในระหว่างการตัดสินใจว่าจะนำที่ดินแปลงไหนมาพัฒนาคาดว่าจะสามารถสรุปผลได้ในเร็วๆนี้

ในปีหน้าเราคงFocus ไปที่ตลาดแนวราบมากขึ้น แต่ก็ปรับการลงทุนให้ตรงกับภาวะของตลาดเพราะตลาดแนวราบเติบโตขึ้นสวนกระแส จากดีมานด์ที่เพิ่มขึ้น และความต้องการพื้นที่ใช้สอยจะเห็นว่าหลายแบรนด์ในปีนี้ที่ทำแนวราบอยู่แล้วก็เติบโตขึ้น ซึ่งเราก็เห็นโอกาสในส่วนนี้ประกอบกับมีที่ดินรองรับอยู่แล้ว ก็จะพัฒนาแบรนด์ใหม่ขึ้นมาใน Segment ที่ลดลงจากสันติบุรีลงมาเล็กน้อยนายณัฐวุฒิ กล่าว

 

นายณัฐวุฒิ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง 2563 นี้ บริษัทได้มีการเตรียมความพร้อมในการโอนมากขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกในเรื่องการโอนโครงการให้กับลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ และจากการคลายล็อกดาวน์เริ่มมีลูกค้าชาวไทยทยอยกลับมาโอนเพิ่มมากขึ้น และลูกค้าชาวต่างชาติที่สามารถโอนได้ก็ค่อยๆเริ่มกลับมาโอนบ้าง ซึ่งในช่วงไตรมาส 4/2563 บริษัทมองว่ายอดโอนจะกลับมาดีขึ้น เพราะเป็นช่วงที่มีโครงการคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จใหม่เริ่มทยอยโอน คือ โครงการดิ เอส สุขุมวิท 36”โดยเริ่มโอนตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 นี้และคาดว่าถึงสิ้นปีจะสามารถโอน (THE ESSE Sukhumvit 36) ได้  1,650 ล้านบาท และในช่วงไตรมาส 4/2563 บริษัทคาดว่ายอดโอนจะทำได้ 2,500 ล้านบาท จากการโอนโครงการคอนโดมิเนียมและโครงการแนวราบ โดยที่บริษัทมีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่กว่า6,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามจากปัจจัยลบดังกล่าวข้างต้น ส่งผลให้บริษัทฯปรับยอดโอนในปีนี้ จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ 9,000 ล้านบาท เหลือเพียง 4,000 ล้านบาท เนื่องจากลูกค้าชาวต่างชาติ ที่ซื้อโครงการของบริษัท มีสัดส่วนที่สูงกว่า 40% ยังไม่สามารถเดินทางเข้ามาในประเทศเพื่อโอนโครงการได้กดดันยอดโอนของบริษัทในปีนี้ หลังจากครึ่งปีแรกบริษัทมียอดโอนเพียงกว่า 1,000 ล้านบาท

 

ขณะที่สต๊อกของบริษัทในปัจจุบันจากโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมโอนมีมูลค่ารวมกว่า 3,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสต๊อกจากโครงการ ดิ เอส สุขุมวิท 36 มูลค่า 2,300 ล้านบาท โครงการ ดิ เอสอโศก มูลค่า 500-600 ล้านบาท และโครงการ ดิ เอส แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์ ประมาณ  300 ล้านบาท ซึ่งสามารถรองรับการรับรู้รายไดในช่วงที่เหลือของปีนี้และปี 2564

ส่วนความคืบหน้าโครงการดิ เอส สุขุมวิท 36” (THE ESSE Sukhumvit 36) ตั้งอยู่บนพื้นที่ทั้งหมด 2 ไร่เศษ บริเวณหัวมุมถนน ซอสุขุมวิท 36 ติดสถานีรถไฟฟ้าทองหล่อ เป็นคอนโดฯสูง45 ชั้น 1 อาคาร ขนาด 38.50-252 ตารางเมตร ราคาขายเริ่มต้นที่ 12.6-93 ล้านบาท หรือราคาเฉลี่ยที่ 330,000 บาท/ตารางเมตร  จำนวน 338 ยูนิต มูลค่าโครงการ 6,500 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้วประมาณ 67-68% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 4,200 ล้านบาท โดยเป็นยอดขายจากลูกค้าต่างชาติประมาณ 40%

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*