ฟัลครัมฯ เจอพิษโควิด-19 ประกาศเลื่อน 3 โครงการอสังหาฯเพื่อขายเช่า ไปปี64 พร้อมเดินหน้าเทกโอเวอร์ธุรกิจโรงแรมระดับ 3-4 ดาวต่อเนื่อง คาดหลังต..เห็นภาพเร่ขายชัดเจน ล่าสุดเจรจาซื้อที่พัทยาเชียงใหม่ รวม 3 แห่ง จ่อเปิดขายพานารา เทพารักษ์เฟส2 พร้อมอัดโปรโมชั่น กระตุ้นกำลังซื้อ รับยอดรายได้ปี63 ลดฮวบเหลือ 30 ล้านบาท ด้านกลุ่มกรีนฟิลด์ แอดไวซอรี่ฯ พันธมิตรจากสิงคโปร์ ยันเดินหน้าร่วมทุนต่อเนื่อง
นายสมศักดิ์ ศรีคุรุวาฬ 
นายสมศักดิ์ ศรีคุรุวาฬ  ผู้อำนวยการ บริษัท ฟัลครัม เวนเจอร์ส จำกัด เปิดเผยถึงการแข่งขันอสังหาฯโดยเฉพาะตลาดแนวราบในปี 2563 ว่า จากปัจจัยลบในปีนี้ ส่งผลให้ตลาดแนวสูงชะลอตัว ผู้ประกอบการหันมาพัฒนาโครงการแนวราบมากขึ้น ทำให้การแข่งขันสูงขึ้น แต่โดยภาพรวมแล้วมองว่า ผู้ประกอบการทุกรายจะชะลอแผนการดำเนินการในบางส่วน ซึ่งไม่เป็นไปตามเป้าที่วางไว้อย่างแน่นอน แต่เชื่อว่าสถานการณ์ทุกอย่างจะกลับมาดีขึ้นในปี 2564

สำหรับแผนการดำเนินงานของบริษัทฯ ยอมรับว่าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ต้องปรับแผนการดำเนินงานจากเดิมที่จะพัฒนาในพื้นที่โซนตะวันออกของกทม.ประมาณ 3 โครงการ คงเหลือการพัฒนาโครงการพานารา เทพารักษ์” ที่เปิดตัวไปเมื่อปลายเดือนตุลาคม 2562 ที่ผ่านมาเพียงโครงการเดียว

ส่วนอีก 2 โครงการที่เหลือ ซึ่งมีที่ดินรองรับแล้วจะเลื่อนการเปิดตัวไปในปี 2564 โดยจะปรับเป็นบ้านพร้อมโอนทั้งหมด ขณะนี้อยู่ในระหว่าการดำเนินการก่อสร้าง  ได้แก่

โครงการพานารา ลาดกระบังทำเลบางนา ตราด กม.13 ตั้งอยู่บนพื้นที่ 65 ไร่ พัฒนาในรูปแบบของบ้านเดี่ยว ขนาด 50-130 ตารางวา แบ่งการพัฒนาเป็น 5 เฟส ราคา 7-14 ล้านบาทจำนวน 279 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยจะเปิดตัวในไตรมาส1/2563

โครงการอาโณณา บางบ่อ” พื้นที่ 110 ไร่ แบ่งการพัฒนาออกเป็น 7 เฟส ประกอบด้วยบ้านแฝด  ขนาด 35 ตารางวาขึ้นไป ราคา 1.99 ล้านบาทขึ้นไป และทาวน์เฮาส์ ขนาด 18 ตารางวาขึ้นไป ราคาเริ่มต้นที่ 2.99 ล้านบาท รวม 880 ยูนิต รวมมูลค่าโครงการประมาณ 2,000 ล้านบาท  โดยจะเปิดตัวในไตรมาส 4/2563

ส่วนธุรกิจที่สร้างรายได้ระยะยาวคือโรงแรมระดับ 3-4 ดาว และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ย่านป่าตอง .ภูเก็ต ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับกลุ่มกรีนฟิลด์ แอดไวซอรี่ จากสิงคโปร์ บนที่ดินที่ดินประมาณ 3 ไร่ ซึ่งออกแบบไว้เรียบร้อยแล้ว สูง 8 ชั้น จำนวน 300 กว่าห้องพัก คงต้องชะลอแผนการพัฒนาออกไปอีกประมาณ 2 ปี

ขณะเดียวกันบริษัทฯก็ยังคงเดินหน้าเทกโอเวอร์กิจการโรงแรม อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในช่วงโควิด-19”จะมีธุรกิจโรงแรมหลายแห่งประสบปัญหา แต่ก็ยังไม่ค่อยมีรายใดประกาศขายเนื่องจากสถาบันการเงินยังช่วยเหลือในเรื่องเงินกู้อยู่ คาดว่าหลังเดือนตุลาคม 2563 จะมีความชัดเจนเรื่องการประกาศขายกิจการมากกว่านี้ ซึ่งขณะนี้บริษัทฯได้เข้าไปเจรจาเพื่อขอซื้อกิจการโรงแรมแล้ว 3 แห่ง โดยเป็นโรงแรมระดับ 3 ดาว ที่พัทยา 2 แห่ง สูง 8 ชั้น จำนวน 80 ห้องพัก/โรงแรม มูลค่ามากกว่า 100 ล้านบาท และที่จ.เชียงใหม่ 1 แห่ง ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่ในระหว่างการเจรจาต่อรองราคา จึงยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

สำหรับธุรกิจโรงแรมที่บริษัท ดำเนินการอยู่ก่อนหน้านี้ มีทั้งหมด 4 แห่งด้วยกัน และหลังที่โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย และรัฐบาลคลายล็อกดาวน์ ก็เริ่มกลับมาเปิดให้บริการก่อน 2 แห่ง คือโรงแรม   “แกรนด์ สวิส สุขุมวิท 11” และแอสพีร่า รีสอร์ต เกาะสมุย .สุราษฎร์ธานี ส่วนอีก 2 แห่ง เป็นเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ คาดว่าจะกลับมาเปิดให้บริการได้ในเดือนมกราคม 2564 คือแอสพีร่า เรสซิเดนซ์ย่านเอกมัย จำนวน 95 ห้องพัก ราคา 1,500 บาท/คืน และแอสพีร่า รีสอร์ตภูเก็ต คาดว่าจะปรับราคาห้องพักจาก 1,500-1,800 บาท/คืน มาอยู่ที่ 800-900 บาท/คืนเนื่องจากสถานการณ์ยังไม่เข้าสู่สภาวะปกติ

ส่วนความคืบหน้าโครงการพานารา เทพารักษ์นั้น ภายหลังการเปิดตัวโครงการปลายปี2563 ที่ผ่านมา แม้ต้องเจอผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้โครงการมีการปรับกลยุทธ์การตลาดเพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์เช่นเดียวกับทุกธุรกิจ ซึ่งนับว่าประสบความสำเร็จเป็นที่พอใจ สามารถปิดการขายโครงการในเฟส1 จำวน 44 ยูนิต รวมยอดขายมูลค่า 275 ล้านบาท

ขณะนี้บริษัทฯได้ปรับกลยุทธ์การตลาด โดยจะจัดแคมเปญ Panara Savings Carnival ในวันที่ 10-11 ตุลาคม 2563 นี้ ณ  Sales Gallery เพื่อเปิดขายโครงการในเฟส 2 ต่อทันที โดยมีแพ็กเกจส่วนลดเงินสดสูงสุด 1.5 ล้านบาท พร้อมทั้งมอบของแถมภายในบ้านมูลค่าถึง 400,000 บาท ซึ่งเป็นข้อเสนอที่มาจากความเข้าใจในสถานการณ์เพื่อร่วมต่อสู้ฝ่าวิกฤตโควิด-19 ที่มีผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อเศรษฐกิจโดยรวมจนถึงเศรษฐกิจของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเช่นกัน คาดว่าจะสามารถปิดการขายเฟส2 ได้ในไตรมาส 1/2564

เราเปิดตัวโครงการเมื่อปลายปีที่แล้วไม่นานเจอกับสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบโดยรวมต่อคนทั้งโลก ทุกภาคธุรกิจอย่างหนักแบบที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนตามที่ทราบกัน เราประเมินเหตุการณ์และปรับตัวมาตลอด      ซึ่งตอนนี้ต้องบอกว่าผลลัพธ์แห่งความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ เราจึงปิดการขายเฟสแรกได้ และได้จังหวะที่จะเปิดขายเฟสสอง ซึ่งเรามั่นใจว่าจะประสบความสำเร็จเช่นกัน เพราะด้วยจุดแข็งหลายเรื่อง เช่น ทำเลโครงการติดถนนใหญ่เทพารักษ์ ซึ่งเป็นถนนใหญ่สายหลักแบบหาได้ยากมากแล้วในโซนนี้นายสมศักดิ์ กล่าว

โดยโครงการพานารา เทพารักษ์ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่างกลุ่มนายสมศักดิ์ ศรีคุรวาฬ และบริษัท กรีนฟิลด์ แอดไวซอรี่ จำกัด จากประเทศสิงคโปร์ ในสัดส่วน 55:45  ตั้งอยู่บนพื้นที่ 30 ไร่ติดถนนเทพารักษ์ ตำบลบางปลา อำเภอบางพลี สมุทรปราการ เป็นบ้านเดี่ยว บ้านขนาด 2 ชั้น และ 3 ชั้น ขนาด 50-60 ตารางวา (ตร..)พื้นที่ใช้สอย 182-367 ตารางเมตร (ตร..) ราคา 7-19 ล้านบาท มีทั้งหมด 129 หลัง มูลค่าโครงการประมาณ 1,250 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯจะสามารถรับรู้รายได้ปีละประมาณ 150 ล้านบาท/ปี จากธุรกิจให้บริการ ที่สร้างรายได้ระยะยาว แต่จากวิกฤติโควิด-19 ส่งผลให้รายได้ในปี 2563 เหลือเพียง 30 ล้านบาท คาดว่าในปี 2564 สถานการณ์จะกลับมาดีขึ้น

มร.มิฮาย โอลเทียลนู

ด้าน มร.มิฮาย โอลเทียลนู หัวหน้าฝ่ายขายและพัฒนาธุรกิจ บริษัท กรีนฟิลด์ แอดไวซอรี่ จำกัด กลุ่มผู้ร่วมทุนจากสิงคโปร์    กล่าว่า สถานการณ์พัฒนาที่อยู่อาศัยในไทยยังมีความเป็นไปได้ เพราะเป็นปัจจัยพื้นฐานที่ยังมีความต้องการ แม้ที่ผ่านมาจะพบกับสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบอย่างหนักพอสมควร แต่โควิด-19 เป็นวิกฤติที่ส่งผลต่อทุกภาคส่วนธุรกิจทั่วโลก และขณะนี้บริษัทได้คลี่คลายสถานการณ์ไปในทางที่ดีขึ้น ดังนั้นกลุ่มกรีนฟิลด์ฯ จะยังคงเดินหน้าร่วมลงทุนในโครงการต่อไปอย่างแน่นอน

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*