แสนสิริฯรับปัจจัยลบกระทบแผนผุดคอนโดฯ เปิดใหม่เพียง 1 โครงการ มูลค่า 1,000 ล้านบาท  ล่าสุดเตรียมโอนกรรมสิทธิ์“เอ็กซ์ที เอกมัย” 3-4 ต.ค.นี้ คาดปิดขายภายในปี64 ประกาศจัดโปรโมชั่นโค้งสุดท้ายปี63 หวังดันยอดขายรวมแตะ 35,000 ล้านบาท และยอดโอนทั้งปีตามเป้า 42,000 ล้านบาท
นายปิติ จารุกำจร
นายปิติ จารุกำจร รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและบริหารกลยุทธ์ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI  เปิดเผยว่าในภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อ และตลาดคอนโดมิเนียมที่ชะลอตัวลง ทำให้บริษัทได้พิจารณาเลื่อนการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมใหม่  จากในครึ่งปีแรก 2563 ที่ประกาศแผนจะเปิดคอนโดฯทั้งหมด 8 โครงการ มูลค่าประมาณ 8,800 ล้านบาท แต่ในช่วงครึ่งปีหลังได้ปรับแผนลดเหลือเพียง 2 โครงการ มูลค่าประมาณ 2,500 ล้านบาท และล่าสุดได้ตัดสินใจเลื่อนการเปิดตัวอีก 1 โครงการ มูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท ไปในปี 2564 ทำให้ในปีนี้แสนสิริ สามารถเปิดตัวคอนโดฯได้เพียง 1 โครงการ “Dcondo Hideway รังสิต” มูลค่า 1,5000 ล้านบาท ปัจจุบันสามารถทำยอดขายได้แล้ว 45%

“บริษัทมองว่าหากภาวะตลาดในช่วงนี้ยังไม่ใช่จังหวะที่เหมาะสมในการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ หากเร่งการเปิดตัวโครงการใหม่อาจจะทำยอดขายได้ไม่ดี และไม่คุ้มค่ากับเงินที่บริษัทลงทุนไป ทำให้ตัดสินใจเลื่อนการเปิดโครงการใหม่ออกไป และรอจังหวะของตลาดให้กลับมาดีขึ้นก่อน และนำโครงการมาเปิดขายใหม่อีกครั้ง” นายปิติ กล่าว

ล่าสุดบริษัทฯเตรียมที่จะโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดในโครงการ “เอ็กซ์ที เอกมัย” (XT EKKAMAI) ให้กับลูกค้าตั้งแต่วันที่ 3-4 ตุลาคม 2563 เป็นต้นไป ถือเป็น XT แบรนด์แรกที่ทำการโอนได้  ซึ่งปัจจุบันมียอดขายแล้วเกือบ 70% แบ่งเป็นลูกค้าต่างชาติ สัดส่วน 65% ส่วนใหญ่เป็นชาวจีน และฮ่องกง  และคนไทย 35%  ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ และวางเงินในการซื้อโครงการครอบคลุมแล้ว 100% ของราคาห้องที่ซื้อไปแล้ว ทำให้บริษัทมั่นใจในเรื่องการโอน ซึ่งคาดว่าจะมีการโอนมากกว่า 90% ของลูกค้าที่ซื้อโครงการไปตั้งแต่ช่วงต้นเดือนตุลาคม 2563ถึงต้นปี 2564 และคาดว่าโครงการ “เอ็กซ์ที เอกมัย”  จะสามารถปิดการขายได้ 100% ภายในปลายปี 2564

โครงการ “เอ็กซ์ที เอกมัย” (XT EKKAMAI) เป็นโครงการที่ 3 ที่เป็นการร่วมทุนระหว่างแสนสิริฯและบริษัท โตคิว คอร์ปอเรชั่น จำกัด พัฒนาภายใต้บริษัท สิริ ทีเค ทู จำกัด ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 63 (เอกมัย) บนพื้นที่กว่า 2 ไร่ เป็นคอนโดฯ สูง 38 ชั้น ขนาดตั้งแต่ 29.75-57 ตารางเมตร ราคาขายตั้งแต่ 4.59-13.49 ล้านบาท หรือเริ่มต้นที่ 170,000 บาท/ตารางเมตร จำนวน 537 ยูนิต และ 1 ยูนิต เพื่อการพาณิชย์ มูลค่าโครงการประมาณ 3,600 ล้านบาท

สำหรับทำเลเอกมัยยังคงเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูง หากย้อนหลังไปเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา ราคาที่ดินในย่านดังกล่าวมีการปรับตัวขึ้นประมาณ 10-11.8% ต่อปี ส่งผลให้ราคาเฉลี่ยของคอนโดฯปรับขึ้นตามราคาที่ดินด้วย ทำให้ Capital Gain เฉลี่ยอยู่ที่ 5-6% ต่อปี แต่ปัจจุบันราคาที่ดินปรับขึ้นมาประมาณ 4-5% ต่อปี โดยเฉพาะในปี 2563 นี้ ราคาที่ดินแทบไม่ปรับขึ้นเลย อยู่ที่ประมาณ 700,000-800,000 บาท/ตารางวา  แต่เชื่อว่าเมื่อสภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัว ราคาที่ดินคงปรับตัวขึ้นสูงอีกครั้ง สำหรับผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าโครงการอื่นๆในย่านเอกมัยจะอยู่ที่ประมาณ 5.33% ขณะที่โครงการของแสนสิริฯจะอยู่ที่ประมาณ 6.8%

“ปัจจุบันซัพพลายพร้อมอยู่ในย่านเอกมัย มีประมาณ 400-500 ยูนิต จากประมาณ 3-4 โครงการ  และมีบางโครงการที่ชะลอการก่อสร้าง ซึ่งเราไม่ทราบเหตุผลที่แท้จริงว่าเพราะอะไร แต่กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีกำลังซื้อสูง และชาวต่างชาติที่สนใจอยู่อาศัยในทำเลเอกมัย โดยที่ราคาขายของโครงการ “เอ็กซ์ที เอกมัย” ในปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 170,000-180,000 บาท/ตารางเมตร เพิ่มขึ้นจากช่วงพรีเซลที่ 160,000-170,000 บาท/ตารางเมตร ซึ่งราคาได้มีการปรับตัวสูงขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงมูลค่าที่เพิ่มขึ้นของทำเลย่านเอกมัยที่ยังเป็นทำเลที่มีศักยภาพ” นายปิติ กล่าว

ส่วนโครงการใหม่ที่บริษัทเตรียมโอนในช่วงที่เหลือของปี 2563 ยังเหลืออีก 1 โครงการที่สร้างเสร็จใหม่ คือ โครงการ LA HABANA หัวหิน มูลค่า 2,400 ล้านบาท ที่จะโอนในช่วงปลายปีนี้ ล่าสุดบริษัทได้จัดโปรโมชั่นพิเศษ “ผ่อนแบบไม่เสียดอกเบี้ย เพียง 2,999 บาท นาน 24 เดือน” และ”จัดโบนัสให้ไปเต็มๆ สูงสุด 150,000 บาท” ให้กับลูกค้าที่ซื้อโครงการตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ธันวาคม 2563 เพื่อแบ่งเบาภาระในการผ่อนชำระของลูกค้า และสร้างวินัยทางการเงินที่ดีให้กับลูกค้า พร้อมกับมอบประกันสุขภาพเพื่อชีวิตดีดีของทุกคน กับสิทธิพิเศษ ความคุ้มครองสูงสุดถึง 770,000 บาท ที่โรงพยาบาลเอกชนชั้นนำเครือ BDMS เป็นการกระตุ้นการขายและการโอนในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2563 นี้

อย่างไรก็ตามในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาบริษัทฯสามารถทำยอดขายคอนโดมิเนียมได้ดีเกินคาดเกินเป้า 17,000 ล้านบาท ขึ้นมาอยู่ที่ 19,000 ล้านบาท  จากการกระตุ้นการขายและการทำโปรโมชั่นของบริษัทฯมาอย่างต่อเนื่อง และการตอบรับที่ดีของลูกค้า ส่งผลให้ยอดขายโครงการคอนโดมิเนียมทำได้ดีเกินคาด สวนทางกับภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ชะลอตัวในปีนี้ และคาดว่าในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้อาจจะมีการปรับเพิ่มเป้าหมายยอดขายคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้นได้อีก โดยที่ในปี 2563 บริษัทฯตั้งเป้ายอดขายรวมไว้ที่ 35,000 ล้านบาท

ขณะที่ยอดโอนของบริษัทยังทำได้ดีต่อเนื่อง จากการขายโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่ และโครงการที่สร้างเสร็จใหม่ ซึ่งมีการทยอยโอนมาอย่างต่อเนื่องทำให้ปัจจุบันยอดโอนของคอนโดมิเนียมทำได้ใกล้เข้าเป้า 24,000 ล้านบาทแล้ว โดยทำได้ที่ 20,000ล้านบาท ซึ่งในช่วงไตรมาส 4/2563 บริษัทจะมีการทยอยโอนโครงการคอนโดมิเนียมเข้ามาอีกประมาณ 4,000 ล้านบาท ทำให้ยอดโอนโครงการคอนโดมิเนียมเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ และทำให้ยอดโอนของบริษัทเป็นไปตามเป้า 42,000 ล้านบาท

“ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ทำยอดขายรวมที่ 19,000 ล้านบาท สูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 11.18% หรือที่ 17,000 ล้านบาท พร้อมสร้างยอดโอนสูงถึง 20,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 83% จากเป้า 24,000 ล้านบาท ซึ่งเรามั่นใจว่า XT EKKAMAI จะช่วยดันยอดโอนรวมบริษัทฯ ให้เป็นตามเป้าที่ 42,000 ล้านบาท” นายปิติ กล่าวในที่สุด

 

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*