โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ฯรับโควิด-19 กระทบธุรกิจโรงแรม ถือจังหวะปิดปรับปรุงโอเชี่ยน มารีน่า ยอช์ท คลับ” เดินหน้าอสังหาฯเพื่อขาย รุกตลาดแนวราบหัวเมืองท่องเที่ยวขอนแก่น-ภูเก็ต ต่อเนื่อง เตรียมขยายฐานลูกค้าจีนระดับบนผ่านเอเจนซี่มากขึ้น เผยยังมีแลนด์แบงก์ในกทม.หลายแปลง แต่ยังชะลอแผนลงทุน เหตุซัพพลายคอนโดฯยังล้นตลาด
นายณพงศ์ ปริพนธ์พจนพิสุทธิ์
นายณพงศ์ ปริพนธ์พจนพิสุทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่าในช่วงหลังจากที่รัฐบาลปลดล็อก หลังการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ พบว่าในภาคอสังหาฯส่วนใหญ่ประสบปัญหา แต่ในส่วนของแนวราบยังสามารถทำยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ธุรกิจโรงแรมได้รับผลกระทบมากที่สุดเพราะในช่วงที่ปิดให้บริการ 3 เดือน โรงแรมแต่ละแห่งไม่มียอดรับรู้รายได้ บางแห่งต้องปิดกิจการและขายต่อเปลี่ยนมือไป

สำหรับคอนโดฯในกทม.-ปริมณฑล ก็ยังชะลอตัว แต่หลังโควิด-19 ดีมานด์เริ่มให้ความสำคัญกับคอนโดฯในพื้นที่หัวเมืองท่องเที่ยวมากขึ้น เพราะเป็นทางเลือกในการพักผ่อน และกักตัว ในช่วงโควิด-19 แพร่ระบาดได้ดี ขณะเดียวกันชาวต่างชาติก็จะเริ่มเปลี่ยนทัศนคติหันมาซื้อคอนโดฯระดับบน ในประเทศไทยมากขึ้น หลังจากที่เห็นว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่ติดอันดับ 2 ของโลกที่สามารถฟื้นตัวจากแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ด

สำหรับในส่วนของโอเชี่ยน พรอเพอร์ตี้ฯปัจจุบันมีธุรกิจเพื่อขายและสร้างรายได้ระยะยาวอยู่ทั้งหมด 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่

1.ธุรกิจโรงแรม ที่ต้องยอมรับว่าได้รับผลกระทบมากที่สุดจากทุกธุรกิจในเครือ ซึ่งที่ผ่านมาเปิดดำเนินการอยู่ 2 แห่ง คือ “โอเชี่ยน มารีน่า ยอช์ท คลับ” และเมอเวนพิค อัสสรา รีสอร์ท แอนด์ สปา หัวหิน” แต่หลังจากรัฐบาลประกาศปลอดล็อก ภาคธุรกิจโรงแรมก็ยังไม่ฟื้น เพราะชาวต่างชาติยังไม่เข้ามาท่องเที่ยว ทำให้บริษัทฯตัดสินใจปิดปรับปรุงโรงแรม “โอเชี่ยน มารีน่า ยอช์ท คลับ” ให้มีความทันสมัยมากขึ้น แต่ยังคงคอนเซ็ปต์เดิมที่เน้นโรงแรมที่มีท่าจอดเรือยอช์ท โดยใช้งบในการปรับปรุงประมาณ 200 ล้านบาท ซึ่งมี 51 ห้องพัก ราคาตั้งแต่ 2,300 บาท/คืนขึ้นไป แต่หลังจากปรับปรุงใหม่แล้วราคาจะปรับขึ้นโดยเริ่มต้นที่ 3,500 บาท/คืนขึ้นไป คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ใหม่อีกครั้งในเดือนมีนาคม 2564

ส่วนโรงแรม “เมอเวนพิค อัสสรา รีสอร์ท แอนด์ สปา หัวหิน” นั้นได้เริ่มมาเปิดให้บริการใหม่เมื่อเดือนมิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา โดยราคาพักเริ่มต้นที่ 6,500-12,000 บาท/ต่อ แต่จะมีลูกค้าเข้าพักในช่วงวันหยุดเท่านั้น คาดว่าอัตราการเข้าพักทั้งปีคงอยู่ที่ประมาณกว่า 30% จากในช่วงระยะเวลาปกติอัตราการเข้าพักอยู่ที่ประมาณกว่า 50%ต่อปี

2.ธุรกิจท่าเรือ โดยมีเรือยอช์ทส่วนบุคคลเช่าจอดเรือถึง 400 ลำ อัตราเช่าตั้งแต่ 10,000-100,000 บาท/เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดของเรือ โดยในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้มีเจ้าของเรือที่ดำเนินธุรกิจปล่อยเช่ารายวัน ได้รับผลกระทบบ้างประมาณ 40-50 ลำ แต่โดยรวมยังถือว่าไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะเจ้าของเรือส่วนใหญ่มีฐานะทางการเงิน ซึ่งมีทั้งคนไทยและต่างชาติ

3.ธุรกิจอาคารสำนักงานให้เช่า คือ โอเชี่ยน ทาวเวอร์1-2 โดยที่ผ่านมามีอัตราการเช่าพื้นที่เกือบ 90% ราคาเช่าประมาณ 550-600 บาท/ตารางเมตร/เดือน และในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 มีการยกเลิกสัญญาจ้างบ้างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ก็มีลูกค้าใหม่ที่เคยเช่าพื้นที่อาคารสำนักงานเกรดเอ หันมาเช่าพื้นที่อาคารสำนักงานเกรดบีอย่างโอเชี่ยน ทาวเวอร์1-2 แทน  สำหรับในส่วนของพื้นที่รีเทล ผู้ประกอบการไม่ค่อยมีการย้ายออกจากพื้นที่ และที่ผ่านมาบริษัทฯก็ให้การช่วยเหลือในการลดค่าเช่าให้ประมาณ 50% เป็นระยะเวลา 5-6 ทั้งนี้จะพิจารณาเป็นรายๆไป

4.ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการขาย ซึ่งปัจจุบันพัฒนาอยู่ 3 โครงการ คือ

-โครงการ “โอเชี่ยน พอร์โตฟิโน่ จอมเทียน-พัทยา” เป็นคอนโดฯ สูง 36 ชั้น ราคาเฉลี่ยประมาณ 10 ล้านบาท จำนวน 268 ยูนิต  มูลค่าโครงการประมาณ 3,000 ล้านบาท ปัจจุบันเหลือขายเพียงกว่า 10%

“ที่ผ่านมาโครงการนี้เราเน้นขายลูกค้าคนไทยเป็นหลัก ล่าสุดมีแผนที่จะขยายฐานลูกค้าชาวจีนเพิ่มมากขึ้น โดยผ่านเอเจนซี่ในพื้นที่ ซึ่งจากข้อมูลทราบว่าหลังจากประเทศไทยฟื้นตัวจากโควิด-19 ได้เร็ว ทำให้นักลงทุนชาวจีนสนใจหาซื้อคอนโดฯระดับบนในหัวเมืองท่องเที่ยวมากขึ้น จากเดิมที่ส่วนใหญ่สนใจซื้อแต่คอนโดฯในพื้นที่กทม. ระดับราคาประมาณ 3-5 ล้านบาท” นายณพงศ์ กล่าว

-“โอเชี่ยน แกรนด์ เรสซิเดนซ์ มิตรภาพ-ขอนแก่น” ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเปิดขายในส่วนของอาคารที่ 2 สูง 8 ชั้น บนพื้นที่ 1 ไร่เศษ ขนาด 22.5-31 ตารางเมตร ราคา 1.2-2 ล้านบาท จำนวน 236 ยูนิต มูลค่าโครงการ 390 ล้านบาท โดยได้เปิดพรีเซลไปเมื่อเดือนกรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา ปัจจุบันมียอดขายประมาณ 30%

-“โอเชี่ยน ทาวน์ เมือง-รัษฎา ภูเก็ต” ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเปิดขายในเฟสที่ 3 จากทั้งหมด 4 เฟส พัฒนาในรูปแบบของทาวน์เฮาส์ ขนาด 19-22 ตารางวา ราคา 2.69-2.99 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 630 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้วประมาณ 50%

ส่วนโครงการ “โอเชี่ยน วิลเลจ”ภูเก็ต ซึ่งมีแผนพัฒนาในรูปแบบของบ้านเดี่ยว ระดับราคา 4-5 ล้านบาท ซึ่งเดิมจะเปิดตัวในปีนี้ แต่จากสถานการโควิด-19 ส่งผลต้องให้เลื่อนการเปิดตัวไปในปี 2564

“ก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ภูเก็ตเป็นตลาดที่ดี มีกำลังซื้อสูง สามารถทำยอดขายได้ 7-8 ยูนิต/เดือน แต่หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำยอดขายได้เพียง 2-3 ยูนิต/เดือน โดยปัญหาหลักมาจากลูกค้าขาดสภาพคล่องทางการเงิน ส่งผลให้ไม่ผ่านการพิจารณาสินเชื่อจากแบงก์ถึงเกือบ 50% และบางส่วนก็ช่วยยืดระยะเวลาการผ่อนดาวน์ให้ลูกค้า ซึ่งในช่วงแรกจะยืดเวลาให้ 12 เดือน” นายณพงศ์ กล่าว

สำหรับโครงการในพื้นที่กทม.ก็คงชะลอแผนการพัฒนาออกไปก่อนเช่นกัน  เพราะมองว่าซัพพลายคอนโดฯยังมีเหลือในตลาดอีกมาก คาดว่าจะสามารถระบายได้หมดประมาณปี 2565 โดยขณะนี้บริษัทฯยังมีที่ดินรองรับการพัฒนาในอนาคตหลายแปลง อาทิ ที่ดินย่านพระราม 3 จำนวน 4-5 ไร่ จากทั้งหมด 16 ไร่ โดยส่วนที่เหลือจะเป็นที่ดินของบริษัท ไทยสมุทรประกันชีวิต จำกัด(มหาชน) ,ที่ดินย่านราษฎร์บูรณะ จำนวน 19 ไร่

ส่วนที่ดินย่านวิภาวดี อีกประมาณ 19 ไร่ ซึ่งซื้อต่อมาจากไทยสมุทรฯมีแผนที่จะพัฒนาใน 2 ส่วนคือ โรงเรียนนานาชาติ เซนต์สตีเฟ่นส์ กรุงเทพฯ ขณะนี้อยู่ในระหว่างการออกแบบ คาดว่าหากดำเนินการก่อสร้าง จะแล้วเสร็จภายในระยะเวลา 3 ปี และที่ดินอีกประมาณ 4-5 ไร่ มีแผนจะพัฒนาในรูปแบบของคอนโดมิเนียม แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

“ที่ผ่านมาเราโชคดีที่มีหลากหลายธุรกิจ ทั้งอสังหาฯเพื่อการขายในกทม.และต่างจังหวัด รวมไปถึงธุรกิจที่สร้างรายได้ระยะยาว ส่งผลให้ในปี 2562 ที่ผ่านมามีรายได้รวมที่ 1,000 ล้านบาท แต่ในปี 2563 นี้ ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้ยอดรับรู้รายได้เหลือประมาณ 700-800 ล้านบาท” นายณพงศ์ กล่าวในที่สุด

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*